แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่1444 คุณจริงจังหน่อย
“ไม่ดีละ”
สีหน้าของจณัตว์เปลี่ยนไปพลัน และสีหน้าของเนกษ์ก็แย่มากเช่นเดียวกัน
“เป็นอะไรไป?”
หงส์ไม่เข้าใจ แต่ก็ได้ยินเนกษ์พูดมาว่า “คนข้างนอกระเบิดบ้าน ตอนที่เราขุดถนนลับเราไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย พอบ้านระเบิด เส้นทางลับข้างล่างคงจะเดินไปต่อไม่ได้แล้ว พูดอีกอย่างก็คือเราติดอยู่ที่นี่”
ข้างหน้าไม่มีทางไปต่อ แถมไม่มีอาหารกิน ตอนนี้จณัตว์ยังได้รับบาดเจ็บอีก ถ้าพวกเขาออกไปไม่ได้ละก็ คงต้องอดตายและถูกแช่แข็งตายที่นี่แน่ และหงส์ก็รู้อีกด้วยว่า ตราบใดที่พวกเขาออกไปตอนนี้ คนข้างนอกก็คงเตรียมปืนและตาข่ายรอต้อนรับพวกเธออยู่แน่
ทำยังไงดี?
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ซีดเผือดของจณัตว์ ใจของหงส์ก็ร้อนรนมาก
“ฉันจะออกไป! ฉันไม่เชื่อว่าสมชัยจะกล้าฆ่าฉันต่อหน้าทุกคน! แค่ไม่ฆ่าฉัน ฉันก็มีวิธีกลับมาช่วยพวกคุณได้”
หงส์พูดจบก็หยัดกายขึ้น แต่กลับถูกจณัตว์คว้าเอาไว้
“ไม่มีประโยชน์ ถ้าเขาสนใจ อาการบาดเจ็บตอนนี้ของผมคงไม่เกิดขึ้น”
เขาไม่มีวันยอมให้หงส์ออกไปตาย
หงส์มองไปทางจณัตว์อย่างเศร้าโศก
“บาดแผลของคุณต้องการรักษา อยู่ที่นี่ไม่ได้นะ”
ความหมายของเธอคือไม่อย่างไรก็ต้องลองทำ
ด้วยคำพูดของหงส์ ทำให้ใจของจณัตว์มีความสุขมาก
“รอก่อนเถอะ ไม่เป็นอะไร แผลของผมคุณจัดการมันง่ายๆ ได้ ผมจะสอนคุณเอง”
จณัตว์บอกหงส์ถึงวิธีง่ายๆในการจัดการกับบาดแผล
หงส์ทำตามที่เขาบอก
เพราะว่าดินถล่ม เลยได้ยินเสียงข้างบนอย่างชัดเจน พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดเสียงดัง กลัวว่าทหารจะได้ยินเข้า
เสียงของฝีเท้าข้างบนดังระงม ดูท่าคงมีไม่น้อยเลย
หงส์ไม่เชื่อว่าพวกทหารไม่ได้บอกสมชัยว่าเธออยู่ที่นี่ แต่สมชัยก็ยังคงส่งคนมาทิ้งระเบิดในที่แห่งนี้อย่างไร้ความปราณี โดยไม่แม้แต่จะคิดถึงชีวิตของเธอด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะไม่คาดหวังอะไรกับชายคนนี้แล้ว แต่หัวใจของหงส์ก็ยังกระตุกอย่างแรงเล็กน้อย
มันหมายความว่าเธอไม่มีครอบครับ และญาติที่นี่อีกแล้ว
ความรู้สึกที่ถึงมีพ่อแม่แต่ราวกับไม่มีนั้น คนที่ไม่เคยประสบกับมันจะไม่เข้าใจเลย
ภายนอกสง่างามสดใส แต่ภายในใจกลับว่างเปล่ายิ่งกว่าใคร
จณัตว์จับหงส์ก่อนพูดว่า “เหนื่อยจัง ผมขอพิงสักหน่อยนะ”
หงส์รู้ ว่าชายหนุ่มจงใจ เกรงว่าจะมองออกว่าเธอเศร้า และหันเหความสนใจของเธอด้วยวิธีนี้
ถ้าหากพูดว่าในโลกนี้ยังมีใครที่ปฏิบัติกับเธอดีอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้ว นอกจากบุริศร์ แล้วก็มีจณัตว์
เธอช่างโชคดีจริงๆ
หงส์ยิ้มอ่อนพลางโอบไหล่เขา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “สามี”
เสียงที่จริงใจนี้ ทำให้จณัตว์ตกตะลึงไปทั่วร่าง นิ่งไปพักนึง จากนั้นจึงแย้มริมฝีปากขึ้นเบาๆ ก่อนพูดว่า “เรียกอีกสิ”
“สามี”
แม้ว่าทั้งสองคนจะจดทะเบียนกันแล้ว แต่สำหรับหงส์มันค่อนข้างที่จะกะทันหันและแปลกใจ กระทั่งเธอเองก็ไม่ชินกับบทบาทนี้นัก โดยเฉพาะคำว่าสามี สองพยางค์นี้มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอ แต่คราวนี้เธอกลับพูดมันออกมาได้ง่ายๆอย่างเต็มปาก
เมื่อจณัตว์ได้ยินสองคำนี้ เขาก็ยิ้มราวกับคนบ้า พูดในใจว่า “เรียกว่าสามี ชีวิตผมก็สามารถให้คุณได้ ญาณินต่อแต่นี้ไปคุณอย่าคิดที่จะไปจากผมอีก”
เขาเหยียดแขนยาวออกไปโอบหงส์ สัมผัสร่างกายที่อบอุ่นของเธอ ดมกลิ่นเส้นผมที่หอมละมุนของเธอ ทันใดก็รู้สึกว่าแม้จะถูกขังอยู่ในนี้ก็ช่างมันเถอะ ขอเพียงแค่มีเธออยู่ข้างๆ
เนกษ์รู้สึกเหมือนเป็นก้างขวางคอขนาดใหญ่ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก เขาไม่กลับมาหรอก ถ้าอยู่ข้างนอกไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะคิดหาวิธีช่วยเหลือจณัตว์ แต่สถานการณ์ตอนนี้เขาทำตัวไม่ถูกเลย
เขาพยายามกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้ต่ำที่สุด แต่มันก็ยังคงไม่สบอารมณ์อยู่ดี
หงส์ไม่คิดอะไรมาก ในเวลานี้ เธอกำลังวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้
สีหน้าของจณัตว์ซีดเผือดราวกับกระดาษ แม้เขาจะฝืนบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เลือดที่ไหลออกมาเยอะเสียขนาดนั้นจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นกระสุนที่ฝังอยู่ในร่างกายเขาก็ยังไม่ออกมา จะทำอย่างไรถ้าหากอีกประเดี๋ยวจะเป็นไข้?
คิ้วของหงส์ผูกเข้าด้วยกัน แต่กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของจณัตว์ “หงส์ เล่าเรื่องให้ผมฟังหน่อยสิ”
“เล่าเรื่อง?”
หงส์แปลกใจเล็กน้อย
“ทำไม่ได้เหรอ?”
จณัตว์เงยหน้ายิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ในตอนนี้เองที่หงส์ได้เห็นดวงตาที่ระยิบระยับราวกับผืนฟ้าครามที่เต็มไปด้วยหมู่ดวงดาวของ มันช่างส่องแสงสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปล่งประกายของนัยน์ตา
“ไม่ได้ ฉันเล่าได้แค่เรื่องกาลครั้งหนึ่งเคยมีภูเขา”
“ก็ได้ ผมแค่อยากฟังคุณพูด”
จณัตว์ก้มหน้าต่ำลง พิงกายลงที่หงส์อีกครั้ง ก่อนจะพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “บางทีถ้าคุณลองคิดดู ให้ผมได้ฝึกฝีมือก่อน ภายหลังถ้าเรามีลูกเราจะได้มีเรื่องราวเล่าให้ลูกฟัง”
คำพูดนี้ทำให้ร่างกายของหงส์แข็งทื่อ
จณัตว์ไม่รู้เรื่องที่ว่าตัวเธอเองไม่สามารถตั้งครรภ์ได้สินะ?
เมื่อคิดถึงร่างกายของตัวเอง เธอก็จำได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเธอ
ในปีที่เพื่อช่วยลูกนั้น เธอไม่เสียใจว่าจะทุ่มเทเท่าไหร่ แต่ในตอนนี้ เธอรู้สึกละอายใจเล็กน้อยกับจณัตว์
จณัตว์ดีกับเธอ ตอนนี้ก็ได้จำความรู้สึกที่เขามีต่อเธอขึ้นมาทั้งหมด
พวกเธอเคยอยู่ด้วยกันราว2เดือน อยู่ด้วยกันทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน ย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอปล่อยเลยตามเลยเพราะมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ท้อง และไม่คิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกับจณัตว์
เธอยอมรับว่าตอนแรกเธอค่อนข้างนิสัยแย่ เพียงเพราะว่าการไม่ได้บอกลาของบุริศร์ทำให้เธอเศร้าใจ เธอไม่มีที่ระบาย พอดีกับการปรากฏตัวของกายเธอของจณัตว์ผู้ชายที่ชอบพอในตัวเธอ เธอเลยไม่คุม
เธอคิดที่จะใช้ผู้ชายอีกคนมาเพื่อลืมบุริศร์ แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ
สองเดือนนั้นเธอไม่คิดถึงบุริศร์เลย เธอมีความสุขที่ได้อยู่กับจณัตว์ ผู้ชายคนนี้ตามใจเธอ ปลอบโยนเธอ ถ้าเธออยากได้พระจันทร์เขาก็สามารถหามาให้ได้ แต่เธอกลับเห็นเขาเป็นแค่ของเล่น
ไม่คิดว่าภายหลังเธอจะลืมเขา
เธอมันผู้หญิงห่วยแตก
แต่จณัตว์กลับจำมันมาโดยตลอด ไม่เพียงแค่จำ แอบดูแลเธออย่างลับๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความรู้สึกนี้จะไม่ทำให้เธอซาบซึ้งได้อย่างไร?
ว่ากันว่าผู้หญิงก็สามารถสง่างามได้เหมือนผู้ชาย แต่แท้จริงใจของผู้หญิงอ่อนมาก อ่อนถึงขนาดที่ว่า แคเป็นชั่วขณะหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ซาบซึ้ง และตกหลุมรักได้
หงส์ปรารถนาความรักมาแสนนาน แต่กลับไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะแอบรักเธอมานานหลายปี นี่เธอไม่มีความรู้สึกกับจณัตว์หรือ?
ไม่ใช่!
เธอรู้ตัวเองดี ถ้าหากไม่มีความรู้สึกละก็ เธอคงไม่เอาตัวเองให้เขา กระทั่งปล่อยตัวเลยตามเลย
ถ้างั้นจณัตว์จะไม่รู้เรื่องที่เธอไม่สามารถตั้งท้องได้ยังไงกัน? ตอนนั้นเขาก็อยู่ด้วยกันนี่
ใจของหงส์หมุนวน ก่อนพูดเสียงต่ำว่า “มีลูกไม่ได้ จณัตว์ คุณก็รู้นี่”
“พูดอะไรนะ? ทำใจให้สบาย มีผมอยู่ ยังไงก็มีลูก”
ในขณะนี้ หงส์ราวกับมองเห็นความหวังขึ้นมา
ฝีมือทางการแพทย์ของจณัตว์สูงมาก ถ้าเขาพูดว่าได้ก็คือได้ถูกไหม?
เนิ่นนานหลายปีมานี้ เรื่องลูกน้อยหงส์ปล่อยวางมานานแล้ว ใจคิดไปเองแล้วว่าคงไม่ผันแปรอีก แต่ตอนนี้เธอตื่นเต้นและดีใจ มีร่องรอยของความหวัง
“อืม คิดบอกว่ามีก็คือมี”
“อืม งั้นก็ฝึกเล่าเรื่องสิ”
จณัตว์ยิ้มบาง และก้มหัวลงอีกครั้ง
เขามึนหัวมากและหน้ามืด เขารู้ว่ามันเกิดจากการเสียเลือดมากเกินไป และสถานการณ์ตอนนี้ทำให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ไม่แน่ประเดี๋ยวเขาคงมีไข้สูง
เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดความกังวลและความกลัวของหงส์
จณัตว์ไม่อยากให้หงส์เป็นห่วง การเล่าเรื่องจึงเป็นวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุดที่เขาคิด
หงส์ก้มหัวลงคิด เล่าเรื่องอะไรดีนะ?
คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก
เธอไม่ได้มีวัยเด็กที่ดีนัก เรื่องที่ได้ยินมากที่สุดเป็นเพียงเรื่องราวที่แม่เล่าเกี่ยวกับครั้งหนึ่งเคยมีภูเขา เรื่องเล่าเกี่ยวกับวัดบนภูเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความคิดถึง แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่อ่านนิยายเลย ตอนนี้คำขอร้องของจณัตว์มันยากสำหรับเธอ
แต่ในเมื่อจณัตว์ต้องการฟัง เธอไม่พูดก็ไม่ได้ นึกอยู่นานก่อนจะพูดออกมา “ฉันจะเล่าเรื่องในค่ายทหารให้คุณฟัง”
“ได้สิ แค่คุณเล่า จะอะไรผมก็ชอบฟัง”
เสียงของจณัตว์ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ
เนกษ์ขยับตัวไปมา
ตายละ
เขาหารูในดินเพื่อหลบซ่อนตัวได้ไหม?
สองคนนี้แสดงความรักราวกับเห็นเขาเป็นอากาศ เขาระมัดระวังแม้จะหอบเพราะกลัวจะไปรบกวนสองคนนั้นเข้า
เขารู้ทุกอย่างที่จณัตว์ทำอะไรให้หงส์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เดิมทีเขาคิดว่าหงส์ไม่คู่ควรกับจณัตว์ แต่เมื่อเห็นความพึงพอใจและความอ่อนโยนของจณัตว์ในตอนนี้แล้ว เนกษ์ก็รู้ว่าเขาคิดผิด
หงส์เป็นแสงสว่างในชีวิตของจณัตว์ เพราะมีเธออยู่ จณัตว์เลยมีชีวิตชีวา
เขาเหลือบไปที่จณัตว์อีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามีแสงระยิบในดวงตาของหงส์ และแสงที่ว่านั่นคือจณัตว์
เขาพลันโล่งใจ
เนกษ์หลับตาลงเพื่อพักผ่อน ฉวยโอกาสนี้ชาร์จพลังในร่างกาย อีกประเดี๋ยวคงสามารถออกจากวงล้อมได้
หงส์รู้สึกว่าจณัตว์ปล่อยมือที่รั้งเอวของเธอไว้ แต่กลับไปเล่นนิ้วของเธอแทน
เธอชะงักไปนิด ใบหน้าแปรเป็นสีแดงก่ำ เรื่องราวในหัวถูกขัดจังหวะอีกครั้ง แต่กลับไม่หยุดการกระทำของเขา
หงส์สูดหายใจเข้าลึก ระงับความตื่นตระหนก
หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไปทุกหนทุกแห่งเพื่อสนับสนุนการรักษาสันติภาพ อันที่จริงมีเรื่องน่าสนใจมากมาย ความทรงจำอันยาวนานเหล่านั้นที่หงส์คิดว่าตัวเองหลงลืมไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับชัดเจนราวกับเป็นเรื่องเมื่อวาน
มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันจะเรื่องหนึ่งของปรีชาให้คุณฟัง”
ปรีชาคือทหารลูกน้องเธอ ซื่อสัตย์มาก แต่ก็ตลกมากเช่นกัน
“โอเค”
อันที่จริงจณัตว์ไม่รู้ว่าปรีชาคือใคร แต่เพียงแค่หงส์เล่า เขาก็ชอบฟัง
เขามึนหัวมาก แต่เมื่อได้ฟังเรื่องที่หงส์เล่ากลับมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่ามาจากความห่างไกลและความไร้ตัวตนของขอบฟ้าเขาเลยจับมือของหงส์ไว้แน่นเพื่อให้แน่ใจว่าเธอยังคงอยู่ข้างๆตัวเอง
“เป็นอะไรไป? ปวดหัวเหรอ?”
หงส์รีบถาม
“เปล่า แค่มือของคุณนุ่มมาก”
จณัตว์พูดเสียงต่ำ
หงส์เขินอายขึ้นมาโดยพลัน
“จณัตว์ จริงจังหน่อยสิ ฉันลืมแล้วเนี่ย”
“ครับ”
ความเขินอายที่เปิดเผยโดยไม่รู้ตัวของหงส์ ทำให้จณัตว์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ จากนั้นเขาก็เอนศีรษะลงในอ้อมกอดของเธอ
เสียงอันนุ่มนวลของหงส์ดังขึ้น แฝงมาด้วยความสบายใจและอบอุ่น ในที่สุดจณัตว์ก็หมดสติไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่น่าเสียดายที่หงส์ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เลย