แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1049
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1049
เฉินโม่มองไปที่วิญญาณธาตุน้ำ และพูดเบาๆ ฉันเกือบลืมไปแล้ว ทองสร้างน้ำสัตว์เดรัจฉานที่ให้กำเนิดจิตอย่างแกชอบกินอาหารประเภทที่อุดมไปด้วยพลังชาตะธาตุทอง”
วิญญาณธาตุน้ำถูกเฉินโม่ขนานนามว่าสัตว์เดรัจฉาน และมันก็ไม่ได้ไม่พอใจ แม้ว่ามันจะไม่มีตา แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังจ้องไปที่มุกแก่นทอง
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่ละโมบของมัน เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อย “ช่างมันเถอะ แม้ว่าสิ่งนี้จะหายาก แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน มอบให้แก!”
“ถือเป็นค่าแรงของแก!”
เย้ๆ!
วิญญาณธาตุน้ำดีใจจนกระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้น เหมือนเรียนแบบมนุษย์ โค้งคำนับให้เฉินโม่ไม่หยุด
“โอเค เรื่องดีๆไม่เรียน แต่การประจบสอพลอนี่เรียนเก่งนะ เอาไปกินซะ ต่อจากนี้ไปจงทำงานอย่างซื่อสัตย์!”
เฉินโม่โยนมุกแก่นทองให้กับวิญญาณธาตุน้ำ วิญญาณธาตุน้ำ ก็กลายเป็นลูกบอลแสงสีขาว ห่อหุ้มมุกแก่นทองซ่อนตัวอยู่ในมุมเพื่อกินมื้อใหญ่
เฉินโม่มองดูวิญญาณธาตุน้ำ และแอบคิด “ถ้าหากในอนาคตหาอาหารที่อุดมไปด้วยพลังชาตะทองให้เจ้าตัวนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเติบโตไปถึงขั้นไหน?”
แต่ความคิดนี้เป็นเพียงชั่วแวบเดียว เฉินโม่แค่จินตนาการเท่านั้น ชี่ทิพย์บนโลกนั้นขาดแคลน การได้มุกแก่นทองสักชิ้นเป็นเรื่องที่พบง่ายแต่ครอบครองยาก จะไปหาของล้ำค่ามากมายจากที่ไหนมาให้มันกินล่ะ?
เฉินโม่ยังคงตรวจเช็คและจับเก็บ หลังจากจัดเก็บเรียบร้อย เขาเหลือบมองวิญญาณธาตุน้ำที่อยู่ตรงมุม และรู้สึกว่าออร่าของมันแข็งแกร่งขึ้นมาก
“เจ้าตัวนี้ ได้รับผลประโยชน์มากมาย เดี๋ยวจะให้มันให้ปล่อยของออกมาเยอะหน่อย!”
วันต่อมา เฉินโม่มาถึงมหาลัยแต่เช้า
ตอนนี้มันยังมีเวลาเยอะก่อนที่จะเรียน เฉินโม่กลับไปที่หอพักก่อน และจะไปหาเพื่อนเลวพวกนั้นก่อน
แต่ว่า เมื่อเฉินโม่มาถึงหอพัก เขาพบว่าไม่มีใครอยู่ คนในหอพัก306หายไปพร้อมกันเหมือนนัดกันไว้
เมื่อมองหอพักที่ว่างเปล่า เฉินโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเวลานี้ พวกเขาไม่ควรออกไปข้างนอก หรือเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เฉินโม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหามู่หรงยานเอ๋อร์ หลังจากวางสายแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมและน่ากลัว
เฉินโม่ไม่ได้ไปที่ห้องเรียน แต่หันหลังกลับและออกจากมหาลัย และเรียกแท็กซี่
“โรงพยาบาลราษฎรที่สอง”
มู่หรงยานเอ๋อร์รอรับเฉินโม่อยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล
ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลง มู่หรงยานเอ๋อร์สวมเสื้อมีขนสีแดงขนาดใหญ่และกางเกงรัดรูปสีเดียวกับผิวหนัง ดูท่าทางเธอเหมือนเกียจคร้านเล็กน้อย และมีความงามของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมู่หรงยานเอ๋อร์ แต่เฉินโม่ไม่ได้สนใจที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เมื่อเห็นมู่หรงยานเอ๋อร์ ก็ถามตรงๆ “อยู่ห้องไหน?”
มู่หรงยานเอ๋อร์คุ้นเคยกับนิสัยของเฉินโม่ ไม่พูดไร้สาระ หันกลับมาทันที และพูดว่า “มากับฉัน!”
ในหองผู้ป่วย มีหลายคนในหอพักที่อยู่ห้อง306ก็อยู่ด้วย เล่หรูหั่วก็อยู่ ยังมีหยางบี้ถิงที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับจี๋ต๋าจิ่วตูก็มาด้วย
จี๋ต๋าจิ่วตูนอนอยู่บนเตียงนอน แขนข้างหนึ่งเข้าเฝือกไว้อย่างหนา ที่ขาข้างหนึ่งก็เข้าเฝือก และถูกแขวนไว้สูง
จากลักษณะที่ปรากฏเห็นได้ชัดว่ามีอาการบาดเจ็บสาหัส
เฉินโม่เดินไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทราบข่าวการมาของเฉินโม่จากการโทรศัพท์ของมู่หรงเหยียนเอ๋อ พอเห็นเฉินโม่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจใดๆ
เมื่อมองไปที่จี๋ต๋าจิ่วตูบนเตียงนอน เสียงของเฉินโม่เย็นชาเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”
ในการโทรศัพท์ของมู่หรงยานเอ๋อร์ บอกเพียงว่าพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาล แต่ไม่ได้บอกเฉินโม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
จี๋ต๋าจิ่วตูมองเฉินโม่ หัวเราะและพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่ไม่ระวังบังเอิญหกล้ม ทำให้แขนหักหนึ่งข้างและขาหักหนึ่งข้าง!”