แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1062
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1062
เสิ่นฉีเซิ่งมองเซินกงเฟิ่งเทียนด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “คุณเฉิน ก็คือเฉินไต้ซือไง!”
“อะไรนะ!” ครั้งนี้ก็ถึงคิวของเซินกงเฟิ่งเทียนตื่นตะลึงแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมงานพันธมิตรสี่ฝ่าย แต่หลังจากจบงานเขาก็เคยได้ยินเรื่องในงานพันธมิตรสี่ฝ่าย รู้พลังของเฉินไต้ซือดี อีกอย่างเขาที่เป็นญาติกับตระกูลเสิ่น เสิ่นฉีเซิ่งก็ต้องย้ำกำชับเขาว่าคนอะไรที่ล่วงเกินไม่ได้
สามารถพูดได้ว่าเซินกงเฟิ่งเทียนได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเฉินไต้ซือมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงที่โด่งดังของเฉินไต้ซือมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ครั้งแรกที่พบเจอเฉินไต้ซือ กลับเป็นในรูปแบบของศัตรู
เซินกงเฟิ่งเทียนในวินาทีนี จู่ๆก็มีความคิดที่อยากจะตีเซินกงหมิง ล่วงเกินใครก็ได้ ทำไมต้องมาล่วงเกินเฉินไต้ซือ?
เซินกงหมิงนั้นได้มองคุณน้ากับคุณพ่อที่กำลังตกใจ ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดี
เขาก็กระชากคอเสื้อของหานทงอย่างโกรธเคือง ดึงตัวเขามาตรงหน้าของเขา ตะคอกถามด้วยเสียงต่ำ “ไหนแกบอกว่าไอ้หมอนี่ก็เป็นเด็กที่มาจากบ้านนอก? ทำไมเขาถึงกลายเป็นเฉินไต้ซือไปได้!”
หานทงที่ถูกเซินกงหมิงเขย่าจนมึนหัว กว่าจะตั้งสติได้อย่างไม่ง่าย ก็พูดอย่างรีบร้อน “คุณชายเซิน,คุณชายเซิน,ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน!อานเข่อเยว่คนนั้นพูดแบบนี้จริงๆ เธอคงไม่โกหกแม้แต่แฟนของตัวเองมั้ง!”
เซินกงหมิงมองไปยังสายตาของพ่อของเขาที่อยากจะตีเขาให้ตาย ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในใจ มือที่จับหานทงก็ได้ออกแรงมากขึ้น เล็บของเขาจิกเข้าไปในเนื้อของเขาหานทง หานทงอ้าปากร้องด้วยความเจ็บ รีบร้องขอชีวิต “คุณชายเซินปล่อยมือเถอะ……เจ็บ!”
วินาทีนี้เซินกงหมิงมีแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะบีบคอหานทงให้ตาย ในฐานะลูกชายของตระกูลเซินกง เขาย่อมรู้ถึงชื่อเสียงของเฉินไต้ซือ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ตัวเขาแค่ไปกร่างเล่นๆในมหาวิทยาลัยหัวหนาน ก็สามารถเรียกเฉินไต้ซือมาได้!
“หานทง แม่งมึงทำให้กูซวย!” เซินกงหมิงใบหน้าขุ่นมัว ถอนหายใจไปหนึ่งที หลับตาราวกับยอมแพ้ต่อชะตากรรม
เซินกงเฟิ่งเทียนมองไปที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของลูกชายที่บวมเหมือนหัวหมูและขาที่เปื้อนเลือด ในฐานะพ่อ แม้ว่าเขาจะกลัวเฉินไต้ซือ แต่ในใจยังคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เซินกงเฟิ่งเทียนมองไปยังหวงไต้ซืออย่างเงียบๆ ถามด้วยเสียงต่ำ “หวงไต้ซือ หากตอนนี้คุณต่อสู้กับเฉินไต้ซือ มีโอกาสชนะมากแค่ไหน?”
เสิ่นฉีเซิ่งตกตะลึงทันที มองไปที่ เซินกงเฟิ่งเทียนอย่างหวาดกลัว แล้วต่อว่าด้วยเสียงต่ำ“เฟิ่งเทียน นายบ้าไปแล้วเหรอ! นั่นมันคือเฉินไต้ซือเลยนะ!”
เซินกงเฟิ่งเทียนที่สีหน้ามืดมน มองเฉินโม่ที่หลับตาพักผ่อนอยู่ พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “ฉันที่เป็นพ่อ เห็นลูกที่ถูกทำร้ายจนขาหัก จะนิ่งดูใดได้อย่างไร?”
เสิ่นฉีเซิ่งไม่กล้าที่จะเห็นด้วย พูดอย่างเด็ดขาด “น้องเฟิ่งเทียน นายต้องคิดให้ดี หากนายดึงดันที่จะเป็นศัตรูกับเฉินไต้ซือ ฉันตระกูลเสิ่นก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซินกงทันที!”
เซินกงเฟิ่งเทียนคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่าเสิ่นฉีเซิ่งจะพูดเช่นนี้ ก็พูดด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ “วางใจเถอะพี่เสิ่น ผมเซินกงเฟิ่งเทียนไม่มีวันที่จะทำให้ตระกูลเสิ่นได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน”
พูดจบ เซินกงเฟิ่งเทียนมองไปยังหวงไต้ซือ ยกมือคารวะกล่าว “หวงไต้ซือ สิ่งที่ผมถามคุณเมื่อกี้ คุณสามารถตอบได้หรือยัง?”
หวงไต้ซือมองเขาอย่างเย็นชา แล้วมองเฉินโม่ที่อยู่ตรงมุมห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ “ฮึ่ม ต่อให้ฉันฝึกอีกหนึ่งร้อยปี เมื่ออยู่ต่อเฉินไต้ซือ ผมก็เป็นได้แค่รุ่นน้อง ให้ผมไปสู้กับเฉินไต้ซือ คุณคิดออกมาได้ยังไง!”
หลังจากที่ถูกหวงไต้ซือตำหนิ เซินกงเฟิ่งเทียนใบหน้าแดงก่ำ ยืนอยู่ตรงที่เดิมโดยพูดไม่ออก
หวงไต้ซือชำเลืองมองเซินกงเฟิ่งเทียน แล้วพูดอย่างจริงจัง “เห็นแก่มิตรภาพในอดีต ผมของเตือนคุณ เฉินไต้ซือไม่ใช่คนที่คุณจะล่วงเกินได้ หากไม่ถึงแดนที่สูงสุด พวกคุณไม่มีทางที่จะเข้าใจความแข็งแกร่งของเฉินไต้ซือได้อย่างแท้จริง!”