แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1152
ภายในห้องประชุมตระกูลเฉิน มีรุ่นหลังตระกูลเฉินจำนวนหนึ่งมาถึงก่อนแล้ว รวมถึงเฉินโม่และผู้เข้ารับการทดสอบคนอื่น ๆ อีกแปดคนด้วย
“พี่เฉินเหล่ย ได้ยินว่าที่ดินที่พี่ซื้อมาราคาขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ทรัพย์สินของพี่ก็น่าจะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าเลยน่ะสิ !” รุ่นหลังของตระกูลเฉินอายุประมาณสิบห้าปี มองเฉินเหล่ยด้วยความนับถือ
เฉินเหล่ยก็เป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ และยังเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ในครั้งนี้ เห็นได้จากการที่เขาสามารถดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยของตระกูลเฉินได้โดยอายุยังน้อย เฉินเหล่ยจึงค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนในตระกูลเฉิน
เฉินเหล่ยมองเด็ก ๆ เหล่านั้น และกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ได้เงินเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่มันไม่ได้เกินจริงอย่างที่เธอว่ามาหรอก”
เด็กน้อยพูดต่อว่า “พี่เฉินเหล่ยถ่อมตัวเกินไปแล้ว ผมคิดว่าชนะเลิศในครั้งนี้จะต้องเป็นของพี่แน่”
“ฮึ เฉินฉี เด็กอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร ! ฉลาดอย่างเขา อย่างมากเพิ่มเงินทุนเป็นสองเท่าได้ก็เก่งแล้ว เทียบกับฉัน มันจะห่างชั้นกันอยู่ !” เฉินหลี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดด้วยความเย่อหยิ่ง
“ใช่แล้ว รางวัลชนะเลิศในครั้งนี้จะต้องเป็นของพี่เฉินหลี้เท่านั้น !” ด้านข้างเฉินหลี้มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบขวบยืนอยู่ พลางตะโกนออกมาด้วยความเหยียดหยาม ท่าทางดูคล้ายกับเฉินหลี้
เฉินเหล่ยขมวดคิ้ว แม้เฉินหลี้คนนี้ท่าทางดูหยิ่งผยอง แต่เขาก็มีความสามารถ เป็นศัตรูตัวฉกาจในการคว้าแชมป์ครั้งนี้
เฉินฉีพูดด้วยความโมโหว่า “พี่เฉินเหล่ย ดูพวกเขาสิ !”
“ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเขา รอดูกันเถอะว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นยังไง !” เฉินเหล่ยท่าทางหนักแน่น เขารู้สึกว่าตนเองจะไม่แพ้ให้กับเฉินหลี้
ส่วนคนที่เข้าร่วมการแข่งขันที่เหลือ ต่างก็ไม่ได้อยู่ในท่าทางที่ใจเย็นอีกแล้ว
พวกเขาต่างพากันถอนหายใจ เทียบกันกับเฉินเหล่ยและเฉินหลี้ พวกเขายังห่างชั้นอยู่มาก
“เฮ้อ จังหวะไม่ดีเลยจริง ๆ ฉันคัทราคาหุ้นไป ธุรกิจที่ทำปิดกิจการ เดิมทีฉันสามารถทำเงินจากอสังหาริมทรัพย์ได้ยี่สิบล้าน ตอนนี้กลับต้องมาขาดทุนย่อยยับ ถ้ารู้อย่างนี้ฉันคงใส่เงินทั้งหมดไปกับอสังหาริมทรัพย์แล้ว ถึงแม้จะทำเงินได้ไม่มาก แต่อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะได้สักเท่าตัว !” เฉินหลินพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
“ฉันยังดีกว่านายนิดนึง ฉันเปิดร้านอาหารไว้จำนวนหนึ่ง คิดแล้วประมาณยี่สิบถึงสามสิบล้าน” ชายหนุ่มคนอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“งั้นฉันคงแย่ที่สุด ตอนนี้ฉันทำเงินได้แค่หนึ่งล้านกว่า เทียบกับเศษเงินของพวกนายยังไม่ได้เลย”
“กลัวอะไร ต่อให้ทำเงินได้แค่หมื่นนึงก็ยังมากกว่าเฉินโม่อยู่ดี ไอ่ขยะนั่นแม้แต่เงินต้นทุนมันยังไม่รับเลยด้วยซ้ำ เกรงว่าคงต้องสละสิทธิ์เสียแล้วล่ะ !”
สายตาของพวกเขานั้นมองไปยังเฉินโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่รู้ตัว สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
เฉินโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบเชียบ ค่อย ๆ หลับตาทำสมาธิ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากให้คุณพ่อและคุณปู่เป็นกังวลล่ะก็ การทดสอบที่เป็นเหมือนแค่เกมของเหล่าเด็ก ๆ ในสายตาเขา เขาไม่มีทางเข้าร่วมแน่
“แค๊ก !”
จากเสียงกระแอมเบาๆ เฉินกั๋วเหลียง เฉินกั๋วจง เฉินกั๋วต้ง กระทั่งเฉินจิงเย่ เหล่าลูกรุ่นที่สอง รวมถึงลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉิน ล้วนเข้ามายังภายในห้องประชุมแล้ว
เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสประจำตระกูลมาถึง เสียงจอแจภายในห้องประชุมก็เงียบลงทันที
เฉินกั๋วเหลียงและคนอื่น ๆ อีกสองคน นั่งลงในตำแหน่งหน้าสุด เหล่าทายาทรุ่นที่สองทั้งสามคนนั่งถัดออกมา ทายาทรุ่นหลังที่เหลือต่างก็หาตำแหน่งของตนเอง
เฉินเข่อเอ๋อร์ที่มาพร้อมกับเฉินตงหวาในตอนแรก ดวงตาคู่โตดูเฉลียวฉลาดกวาดไปมา เมื่อเห็นเฉินโม่ สีหน้าของหญิงสาวก็เกิดอาการดีใจ เดินเข้าไปหาเขาด้วยใบหน้าที่มีความสุข
เฉินตงหวามีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายอย่างนี้ เขาก็อายเกินกว่าที่จะห้ามเฉินเข่อเอ๋อร์เอาไว้
“นังเด็กนี่ ก่อนหน้านี้รับปากไว้ดิบดีว่าหลังจากนี้จะไม่เข้าใกล้เฉินโม่ แต่แค่เห็นเขา กลับรีบทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉันทันทีเลย”
“ถ้าไม่มีคุณเฉินผู้ลึกลับคนนั้นคอยดูแลเธออยู่ล่ะก็ ฉันคงต้องสั่งสอนเธอสักหน่อย !”
ถ้าหากเป็นนิสัยของเฉินตงหวาเมื่อก่อน คงเอาตัวเธอไปสั่งสอนแล้ว แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าเฉินเข่อเอ๋อร์รู้จักกับคุณเฉินผู้ลึกลับคนนั้น เฉินตงหวาก็รู้สึกพะว้าพะวัง กลัวว่าจะเผลอลงโทษเธอแรงเกินไป จนทำให้คุณเฉินรู้สึกไม่พอใจ