แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1155
เฉินตงหรานเป็นคุณปู่สายเลือดเดียวของเฉินโม่ เป็นคนจริงใจ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ไม่พอใจแล้วอย่างไร ? ลูกตนเองไม่มุมานะ จะโทษใครกันล่ะ ?”
เฉินตงหวาหัวเราะฮ่าฮ่า “วางใจเถอะ ยังไงก็ทำได้ตั้งแปดล้าน ถือว่ายังได้กำไร ดีกว่าสละสิทธิ์เสียอีก !”
คำพูดเดียว สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังเฉินจิงเย่เพียงจุดเดียว
คำพูดสละสิทธิ์ของเฉินตงหวาเมื่อสักครู่ นอกจากเฉินโม่แล้วยังจะมีใครได้อีก ?
ขณะนั้นเอง เฉินตงซุ่นก็ตะโกนเสียงดังออกมาว่า “เอาล่ะ ต่อไป เฉินลู่”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินขึ้นไป นำหลักฐานทรัพย์สินไปมอบให้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินตงซุ่นก็ประกาศออกมาเสียงดัง “เฉินลู่ ทุนเริ่มต้นสิบล้าน กำไรหนึ่งปีสามสิบล้าน”
ด้านล่าง ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินลู่ส่งเสียงปรบมือให้กับเขา
“เฉินลู่สุดยอดจริง ๆ ปีนึงกำไรตั้งสามสิบล้าน แค่นี้ก็เยี่ยมยอดแล้ว”
แม้แต่เฉินตงซุ่นและเหล่าทายาทรุ่นที่สองยังอดที่จะพยักหน้าให้ไม่ได้ ผลงานระดับนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
เฉินหลี้ที่นั่งอยู่ แสยะยิ้มอย่างดูถูก “กำไรแค่สามสิบล้าน มีอะไรน่าดีใจตรงไหน”
พูดจบ เขาก็มองไปยังเฉินเหล่ย สายตาเขาเจ็มไปด้วยยั่วยุ
พอดีที่เฉินเหล่ยก็มองไปเขา สายตาของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
หลังจากที่เฉินลู่ลงจากสนาม เฉินตงซุ่นก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “คนต่อไป เฉินหลี้ !”
เฉินหลี้ละลายตากลับมา เดินขึ้นไปด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ เฉินหลี้ ต่างพากันชูนิ้วโป้งให้แก่เฉินหลี้ “พี่เฉินหลี้ สู้ ๆ รางวัลต้องเป็นของพี่แน่นอน”
เฉินฉีที่อยู่ข้างเฉินเหล่ยพูดอย่างแผ่วเบาว่า “พี่เฉินเหล่ย เฉินหลี้มันจะโอหังเกินไปแล้ว พี่ต้องบดขยี้ความเย่อหยิ่งของมันให้ได้นะ”
เฉิยเหล่ยยิ้มเบา ๆ “วางใจเถอะ ฉันจะระบายความแค้นให้กับนายเอง !”
เฉินเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเฉินโม่กระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “พี่เฉินโม่ เฉินหลี้คนนี้คือหนึ่งในผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับรางวัล แม้ว่าเขาจะทำตัวโอหัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถในการทำธุรกิจของเขาไม่ธรรมดา”
เฉินโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาทำสมาธิ เมื่อได้ยินดังนั้น แม้แต่ตาก็ไม่เปิดออก ตอบคำถามของเฉินเข่อเอ๋อร์อย่างราบเรียบว่า “งั้นให้เขาทำตัวโอหังไปก่อนเถอะ”
การประเมินของเฉินหลี้เสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ว่า ผู้รับผิดชอบทั้งสองคนกลับแสดงอาการตกใจออกมา
ขณะที่พวกเขานำผลการประเมินไปมอบให้เฉินตงซุ่น แม้แต่เฉินตงซุ่นเองยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฉินหลี้ด้วยสีหน้าจริงจัง
ในที่สุด เฉินตงซุ่นก็นำผลการประเมินส่งให้กับเฉินกั๋วเหลียงและผู้อาวุโสอีกสองคนดู
“เป็นไปไม่ได้ ผลลัพธ์ของเฉินหลี้ทำให้สามผุ้อาวุโสถึงกับตกตะลึง เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว” ทายาทรุ่นหลังคนหนึ่งอุทานออกมา
“ฉันเดาว่ากำไรของเฉินหลี้น่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน ! ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสทั้งสามคงไม่มีทางตกใจแน่”
“หนึ่งร้อยล้าน ! นั่นมันตั้งสิบเท่าเชียวนะ ! คนแบบนี้เรียกว่าเป็นอัจฉริยะได้เลย !”
เฉินฉีมองเฉินเหล่ยด้วยความกังวล “พี่เฉินเหล่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? หรือว่าเฉินหลี้จะเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ ?”
เฉินเหล่ยเกิดความกระวนกระวายในใจ แต่ว่าเขาก็มีความมั่นใจอยู่
“ไม่เป็นไร ดูต่อไปเถอะ”
เหล่าทายาทรุ่นที่สองรวมถึงเฉินตงหวาและเฉินจิงเย่ต่างก็เกิดความสงสัย
สายตาของเฉินตงหวามองไปยังชายวัยกลางคนที่มีอาการได้ใจ ถามออกไปว่า “พี่ฉงซาน เฉินหลี้เป็นลูกของคุณ ครั้งนี้เขาเพิ่มเงินทุนไปแล้วกี่เท่ากัน ?”
คนส่วนใหญ่ก็อยากรู้ สายตาต่างค่อย ๆ จับจ้องมาที่เฉินฉงซาน
เฉินฉงซานหัวเราะฮ่าฮ่า “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เชิญทุกท่านดูต่อไปเถอะ”
พูดจบ สีหน้าของเขาก็แสดงความพึงพอใจออกมา