แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1233
“ทุกคนเตรียมพร้อม รวบรวมพลังทั้งหมด ขวางกั้นการโจมตีครั้งนี้เพื่อเฉินโม่!” จีอู๋หยาตะโกนเสียงดัง
ในตอนที่ทุกคนเตรียมพลีชีพ เสียงของเฉินโม่ดังขึ้นแผ่วเบา “ไม่ต้องกังวล พวกเขาฆ่าฉันไม่ได้”
เฉินโม่ทำท่าทางนิ้วมือจีบดอกบัว มุมปากเผยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา ราวกับพระพุทธเจ้ารูปหนึ่ง ยิ้มให้กับโลกมนุษย์ที่ผันแปร
แสงสีทองส่องสว่างออกมาจากตัวของเฉินโม่ กลายเป็นเงานักรบสูงแปดฟุต ครอบคลุมเฉินโม่ไว้ตรงกลาง
ทั้งๆ ที่เฉินโม่ไม่ได้พูดจา แต่กลับมีเสียงอันน่าเกรงขามดังก้องอยู่บนท้องฟ้า เหมือนกับดังขึ้นในหัวของทุกคนโดยตรง
“ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหว ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหว…”
กระบี่ในหินของอาเธอร์ แมลงปีกแข็งศักดิ์สิทธิ์ของอาร์คบิชอปชุดแดง การโจมตีเต็มกำลังของพอล และยังมีอแมนดัสที่หายตัวไป
การโจมตีโดยคนใดคนหนึ่งในสี่คนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกำลังของปรมาจารย์ที่แอบดูจากจุดสูงสุดของแดนมองขวัญ การโจมตีของทั้งสี่คนรวมเข้าด้วยกัน เทียบได้กับนักบู๊แดนเทพที่แท้จริง การโจมตีเต็มกำลัง!
เฉินโม่ไม่กล้าประมาท ใช้ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวใน “มนต์สะกดราชาแห่งปัญญาไม่หวั่นไหวราวขุนเขา” ป้องกันไว้ นี่คือมนต์คาถาที่ตอนนั้นอยู่ที่ค่ายกลมังกรฟ้าปกคลุมวารีก็ไม่ถูกตีแตก
เหลยจ้านมองดูแสงสีทองของเงานักรบที่ส่องสว่างบนตัวเฉินโม่ ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“นี่คือวิชาอาคม ที่แท้เฉินโม่ก็คือไต้ซือวิชาอาคม!” จีอู๋หยาพูดอย่างประหลาดใจ
กระบี่ในหินของอาเธอร์ โจมตีเป็นอันดับแรก
กระบี่หินขนาดยักษ์ถูกพลังมืดล้อมรอบ มีเงามืดของวิญญาณอาฆาตล่องลอยอยู่รอบๆ จุดที่แล่นผ่าน อากาศสั่นสะท้านไปหมด
กระบี่ในหินขนาดใหญ่ฟันไปที่ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวของเฉินโม่ ส่งเสียงทุ้มราวกับตีกลองออกมา ไม่ว่าอาเธอร์จะออกแรงเพียงใด กลับทำลายการป้องกันของเฉินโม่ไม่ได้
เพียงแต่ ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวของเฉินโม่มืดลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารับไม่ไหวกับการโจมตีที่รุนแรง
การโจมตีของอาร์คบิชอปชุดแดงมาถึงเป็นที่สอง แมลงปีกแข็งศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเต็มไปด้วยแสง กลายเป็นขนาดเท่ากับคน แสงสีขาวมนเหมือนกับสามารถชำระล้างได้ทุกสรรพสิ่ง บินแฉลบไปทางเฉินโม่อย่างรวดเร็ว
จุดที่แมลงปีกแข็งศักดิ์สิทธิ์บินผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกชะล้างไม่เหลือ แม้แต่พลังชะตาในฟ้าดินที่อยู่ในอากาศก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์รุนแรงที่แมลงปีกแข็งศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกมาบีบคั้นจนหมดไป
สุดท้าย แมลงปีกแข็งศักดิ์สิทธิ์ชนเข้ากับร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวของเฉินโม่
ร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวของเฉินโม่มืดลงอีกครั้ง เหมือนกับหดเล็กลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังมั่นคงดั่งเดิม
การโจมตีครั้งที่สามมาถึง พอลกลายร่างเป็นหมียักษ์ สูงกว่าร่างราชาแห่งปัญญาของเฉินโม่อย่างเห็นได้ชัด พอลมาถึงข้างกายเฉินโม่ ยกกำปั้นที่ขนาดเท่าภูเขาเล็กขึ้น ชกลงบนเฉินโม่อย่างป่าเถื่อน
ครืน!
เสียงคล้ายกับระฆังวัดโบราณดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน สั่นสะท้านจนทุกคนตาลาย รู้สึกเหมือนวิญญาณแทบจะออกจากร่าง
พอลส่งเสียงพึมพำ ถูกกระเทือนจนกระเด็นออกไป ส่วนร่างราชาแห่งปัญญาผู้ไม่หวั่นไหวของเฉินโม่กลับยังมั่นคงอยู่ เพียงแต่เล็กลงอีกเท่าตัว
สุดท้าย มีหมอกปรากฏขึ้นด้านหลังของเฉินโม่ อแมนดัสปรากฏขึ้นราวกับปีศาจร้าย ในมือของเขา ถือหอกยาวที่เปล่งแสงอันเย็นเยือกอยู่
คอบร้ามองไปทางอแมนดัสที่อยู่ในอากาศ อุทานอย่างตกใจ “หอกแก้วอาเกอ!”
ขณะเดียวกัน จีอู๋หยาสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก มองไปทางหอกยาวในมือของอแมนดัสแล้วอุทาน “หอกมรณะ!”
เหลยจ้านถามขึ้นอย่างงุนงง “อะไรคือหอกมรณะ!”
จีอู๋หยาอธิบาย “หอกมรณะ อีกชื่อหนึ่งคือหอกแก้วอาเกอ มันคืออาวุธเทพในมือของพญายมในยุคเทพนิยายตะวันตกของศตวรรษที่ผ่านมา เล่ากันว่า ทุกอย่างที่ถูกหอกแก้วอาเกอล็อกเป้า ไม่เคยมีใครหนีรอดไปได้!