แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1269
ผู้บังคับบัญชาส่ายศีรษะ มองออกไประยะไกลผ่านหน้าต่าง ดวงตาของเขาลึกลับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“ท่านเจียง คุณคิดผิดแล้ว”
ผู้บังคับบัญชามองเจียงเหอซานที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนท่านหวาคนเดียวสามารถปราบหกสำนักใหญ่ของบู๊โบราณได้ ฆ่าล้างจนโลกบู๊โบราณหนองเลือด บังคับให้พวกเขาออกไปจากโลกมนุษย์ แล้วยังทำข้อตกลงกับพวกเขาว่าถ้าแดนเทพกำเนิดขึ้น บู๊โบราณปรากฏตัว”
“คุณคิดว่าท่านหวาทำเพื่ออะไร?”
เจียงเหอซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ตอนนั้นท่านหวาไม่สามารถทนเห็นคนของโลกบู๊โบราณฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตของตนเองเพื่อบังคับให้โลกบู๊โบราณทำสนธิสัญญา โดยหวังว่าจะทำให้ประเทศหัวเซี่ยสงบสุข!”
“แต่น่าเสียดายที่ท่านหวาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทะลวงสู่แดนเทพเร็วขนาดนี้ ทำให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า!”
ผู้บังคับบัญชาหัวเราะและกล่าวว่า “แต่ผมไม่คิดแบบนั้น”
“ตอนนั้นท่านหวาคนเดียวสามารถปราบโลกบู๊โบราณได้ และบังคับให้โลกบู๊โบราณทำสนธิสัญญา ถ้าแดนเทพกำเนิดขึ้น บู๊โบราณปรากฏตัว ไม่ใช่เพื่อให้ทุกคนเสพสุขกับความสงบ แต่เพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงวิกฤต ให้ทุกคนไม่มีวันลืมว่าโลกบู๊โบราณอาจปรากฏขึ้นได้ทุกเมื่อ”
“เหมือนกระบี่คมที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ ซึ่งอาจร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ แล้ววันหนึ่งพวกเขาจะมีพลังที่จะต่อสู้กับโลกบู๊โบราณได้”
“ตอนนี้ พวกเรามีพลังเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าโลกบู๊โบราณจะปรากฏตัว หากพวกเขายังกล้าสร้างความหายนะให้กับหัวเซี่ยเหมือนเมื่อร้อยปีที่แล้ว อาวุธนิวเคลียร์ของพวกเราก็ไม่ได้มีไว้เพื่อโชว์เท่านั้น!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้บังคับบัญชาแสดงความมั่นใจอย่างมาก นั่นเป็นเพราะเขามีความมั่นใจเพียงพอ
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพ เมื่อเผชิญกับอาวุธนิวเคลียร์แล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะถอยหนีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
ตอนนั้นท่านหวาคนเดียวสามารถปราบจนคนของโลกบู๊โบราณไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนั้นเขาอยู่แดนเทพชั้นสูงสุดเท่านั้น
ถึงแม้ว่าท่านหวายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าพูดว่าตนเองสามารถต้านอาวุธนิวเคลียร์ได้
และนี่คือความมั่นใจของผู้บังคับบัญชา
ดูเหมือนว่าเจียงเหอซานจะได้รับอิทธิพลจากผู้บังคับบัญชา เขากล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ถูกต้อง หัวเซี่ยในปัจจุบันไม่ใช่หัวเซี่ยที่อ่อนแอเหมือนเมื่อร้อยปีก่อนอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าโลกบู๊โบราณจะปรากฏตัว พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา”
หลังจากกล่าวจบ ดูเหมือนเจียงเหอซานจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และถามว่า “แล้วทางหกตระกูลมหาอำนาจล่ะ?”
ผู้บังคับบัญชาหัวเราะและกล่าวว่า “เมื่อก่อนทำอย่างไร ต่อไปก็ทำเช่นนั้น หัวเซี่ยเป็นของทุกคน ไม่ใช่หัวเซี่ยของพวกโลกบู๊โบราณอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากพวกเขาพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ ทุกอย่างคุยกันง่าย แต่ถ้าพวกเขาอยากย้อนกลับไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกเขา”
เจียงเหอซานพยักหน้า ”ผมเข้าใจแล้ว!”
หนานซู ตระกูลเฉิน
หลังจากผ่านการต่อสู้กับหนานกงหยู่แล้ว สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินแสดงพฤติกรรมแย่ ๆ ออกมาหมด และหลังจากเฉินโม่พลิกสถานการณ์แล้ว ตอนนี้ทัศนคติที่สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินมีต่อเฉินโม่ สามารถพรรณนาด้วยประโยคเดียวเท่านั้น นั่นคือเชื่อฟัง
ในที่สุดตระกูลเฉินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมู่หรงเค่อและคนอื่น ๆ รวมถึงตระกูลเอียนแห่งยานจิง ถึงให้ความสำคัญกับเฉินโม่
แม้ว่าพลังอำจานของตระกูลเอียนจะไม่ธรรมดา แม้ว่ามู่หรงเค่อและคนอื่น ๆ จะโดดเด่น แต่เมื่อเทียบกับเฉินโม่แล้ว พวกเขาไม่สามารถถือเป็นอะไรได้?
ไม่ว่าคุณจะมีพลังอำนาจมากเพียงใด ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยมากเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งที่เหมือนเทพเจ้า ที่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้ สิ่งเหล่านี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง
การที่คนเหล่านั้นประจบเฉินโม่ ไม่มีอะไรที่จะเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้
สองวันต่อมา เฉินกั๋วเหลียงจัดการเรื่องของตระกูลเฉินเสร็จเรียบร้อย แต่หลังจากจัดการเรื่องของตระกูลเฉินเสร็จแล้ว เฉินกั๋วเหลียงก็ล้มป่วยอย่างกะทันหัน
หลังจากเรียกหมอประจำตัวมาตรวจดูอาการ หมอบอกว่าเฉินกั๋วเหลียงทำงานหนักเกินไป เดิมทีสุขภาพก็ไม่ดีอยู่แล้ว หลังจากผ่านเรื่องราวเลวร้ายคราวนี้ อารมณ์แปรปรวนมาก ดังนั้นจึงทำให้โรคของเฉินกั๋วเหลียงกำเริบ
หลังจากหมอตรวจร่างกายของเฉินกั๋วเหลียง ก็พบข่าวร้าย
เฉินกั๋วเหลียงเป็นมะเร็งตับ ยิ่งไปกว่านั้น เป็นระยะสุดท้ายแล้ว