แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1292
หูหยางหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เฉินโม่ นายแปลกมาก? ทำไมถึงได้ถามคำถามแปลก ๆ แบบนี้?”
เฉินโม่ไม่ตอบ ยืนขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่มีอะไร เพียงแค่ถามเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
“เอาล่ะ คนกลับไปเกือบหมดแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ!” เฉินโม่พูด ลุกขึ้นและเดินจากไป
หูหยางหยู่ยิ้มบาง ๆ “นายไม่รอให้ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวกลับมาเหรอ?”
เฉินโม่หันกลับมามองหูหยางหยู่ที่กำลังยิ้ม และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่รอแล้ว พวกเขาไม่หลงทางหรอก ลาก่อน!”
หูหยางหยู่พยักหน้าและกล่าวว่า “ลาก่อน!”
เฉินโม่เจอถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวที่ด้านนอก KTV เมื่อพวกเขาสองคนเห็นเฉินโม่ พวกเรารู้สึกประหลาดใจทันที
“เฉินโม่ ทำไมนายออกมาเร็วขนาดนี้? หูหยางหยู่ล่ะ?”
เฉินโม่มองเขาด้วยสายตาดุดัน แล้วเดินออกไปด้านนอกทันที “ต่อไปถ้าพวกนายสองคนทำแบบนี้อีก เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะเปลื้องผ้าพวกนายสองคน แล้วโยนไปกลางถนน”
“ฮ่า ๆ พวกเราทำเพื่อนาย!” ถานชิวเซิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
สวีจื่อหาวยกมือแสดงการยอมแพ้ “เฉินโม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ถานชิวเซิงขอให้ฉันทำแบบนั้น!”
ถานชิวเซิงแยกเขี้ยวยิงฟันใส่สวีจื่อหาว “ไอ้สวี นายไม่มีน้ำใจต่อมิตรสหายเลย! ฉันจะเลิกคบนาย!”
สวีจื่อหาวแสร้งทำเป็นไม่เห็น
เฉินโม่กลอกตาใส่เขา แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ กลับกันเถอะ! ฉันรู้สึกว่าหูหยางหยู่แปลกเล็กน้อย!”
“ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรแปลกเลย เพราะรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ยิ่งเปลี่ยนก็ยิ่งสวยมากขึ้นเรื่อย ๆ!” ถานชิวเซิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
เฉินโม่ขี้เกียจเกินกว่าจสนใจเขา
“สายตาของนายมีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น นายไม่สังเกตเห็นท่าทางนิ่งเงียบจนเกินไปของหูหยางหยู่เหรอ?” เฉินโม่กล่าว
ถานชิวเซิงเกาหัว “นิ่งเงียบเกินไปอะไร? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกล่ะ ฉันรู้สึกว่าหูหยางหยู่เป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นและสง่างามมาก”
เฉินโม่ไม่สนใจเขาทันที
สวีจื่อหาวพยักหน้าและกล่าวว่า “เมื่อได้ยินนายพูดแล้ว ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าท่าทางของหูหยางหยู่นั้นนิ่งเงียบเกินไปจริง ๆ แม้แต่ตอนสุดท้าย ตอนที่นายเอาชนะหลิ่วจื่อเฉิงด้วยกระบวนท่าเดียว เธอก็ไม่แสดงความแปลกใจแม้แต่น้อย ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น!”
“ต้องรู้ว่าถึงแม้พวกเราจะรู้ความแข็งแกร่งของนายนานแล้ว แต่ตอนที่เห็นนายเอาชนะหลิ่วจื่อเฉิงด้วยการกระบวนเท่าเดียว พวกเราก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย! แต่หูหยางหยู่ไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของนาย และเธอก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย นายคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเหรอ?”
ในที่สุดถานชิวเซิงก็เข้าใจ และกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด “เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกนายพูดแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าวันนี้หูหยางหยู่แปลกเล็กน้อย นอกจากนี้ พวกนายสองคนสังเกตเห็นหรือไม่ว่ารอยยิ้มของเธอนั้นเสแสร้งมาก! ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของเธอก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย”
“แต่มันก็ไม่สามารถบอกอะไรได้? เพราะคนล้วนเปลี่ยนแปลงได้ บางทีช่วงหลายปีที่ผ่านมา หูหยางหยู่อาจจะไปร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์มากมาย ดังนั้นเธอก็เลยสุขุมเยือกเย็น อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้มีแผนชั่วอะไรกับนาย นายจะเดาไม่เรื่อยทำไม!”
“นี่คือจุดที่ฉันไม่เข้าใจได้ ถ้าเธอมีแผนชั่ว มันก็จะจัดการง่าย คนที่น่ากลัวก็คือคนที่ยากจะคาดเดาอย่างเธอ เพราะแม้แต่ฉันก็มองไม่ออก!” เฉินโม่กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“ช่างมันเถอะ ในเมื่อนายไม่ได้สนใจเธอ ก็อย่าไปคิดมาก เธอไม่ต้องการเงินและไม่ต้องการคน แล้วยังเสียเงินชวนเพื่อนนักเรียนมากมายมากมาดื่มกินอีกด้วย นายสงสัยเธอทำไม!” ถานชิวเซิงกล่าวพึมพำ
ทั้งสามคนเดินคุยกันไป และไม่นานพวกเขาก็ขึ้นรถ
“เอาล่ะ อย่าคิดอีกเลย กลับกันเถอะ!” ถานชิวเซิงเบียดขี้เกียจ แล้วกล่าว
“ไปกันเถอะ!” เฉินโม่เลิกคิดเช่นกัน ถ้าหากหูหยางหยู่มีปัญหาจริง ๆ เธอก็จะปรากฏตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน
หลังจากเฉินโม่ สวีจื่อหาว และถานชิวเซิงจากไปแล้ว ร่างของเฉินโม่ก็ปรากฏขึ้นใน KTV ที่ห้องวีไอพีของหลิ่วจื่อเฉิงอีกครั้ง
“เจ้าหนู ผมปล่อยเพื่อนนักเรียนของคุณไปแล้ว คุณจะมาหาผมอีกทำไม?” หลิ่วจื่อเฉิงกล่าวด้วยความเย็นชา