แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1318
หานเทียนฟ่างมองเจี่ยว่างชวน เขาคิดว่าเจี่ยว่างชวนจะฆ่าล้างเขา คิดไม่ถึงว่าเจี่ยว่างชวนจะมีเมตตามากขนาดนี้!
“ขอบคุณพี่เจี่ยอย่างมาก ผมผิดไปแล้ว!”
เมื่อจัดการเรื่องของตระกูลเจี่ยเสร็จแล้ว เฉินโม่ก็ปฏิเสธที่เจี่ยว่างชวนที่ชวนให้อยู่ต่อ แต่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัยหัวหนานพร้อมกับเจี่ยจวินเซี่ย
สำหรับวิกฤตที่เกิดขึ้นกับตระกูลเจี่ย เฉินโม่กับเจี่ยจวินเซี่ยไม่ได้พูดถึงมันเลย พวกเขามีความคิดแบบเดียวกัน ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
เฉินโม่และเขาไม่พูด พวกจี๋ต๋าจิ่วตูก็ไม่ได้ถาม ทุกคนเหมือนจะรู้ใจกันเป็นอย่างดี
แบบนี้ก็คือเพื่อน มิตรภาพระหว่างลูกผู้ชาย อัศจรรย์มาก และจริงใจมาก
จี๋ต๋าจิ่วตูเอาบัตรเอทีเอ็มคืนให้กับเจี่ยจวินเซี่ย ยิ้มพร้อมกับพูด “ไอ้เจี่ย ครั้งต่อไปหากนายคิดจะใช้เงินซื้อฉัน ตัวเลขนี้มันไม่พอ คนที่มีความสามารถอย่างฉัน ประเมินราคาไม่ได้ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา จะลดราคาให้นายหน่อย ถ้าหนึ่งร้อยล้านฉันจะฝืนรับเอาไว้!”
ขณะที่พูด ยังตบบ่าของเจี่ยจวินเซี่ยอย่างเปิดเผย แถมยังทำหน้าทำตาใส่เจี่ยจวินเซี่ย
เจี่ยจวินเซี่ยหัวเราะด่า “ไปไกลๆเลย อย่างนายเหรอหนึ่งร้อยล้าน แถมนายให้ฉัน ฉันยังต้องคิดดูก่อนเลย จะเปลืองข้าวสุกหรือเปล่า!”
“ฮ่าๆ…………”
เมื่อเข้าเรียนแล้ว ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ เฉินโม่ก็เข้าเรียนเป็นบางครั้ง เวลาส่วนใหญ่ก็ยังฝึกฝนพลังอยู่ในบ้านที่เขาเช่าอยู่ข้างนอก
เฉินโม่รู้สึกได้ว่า เขายิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ชั้นแปดแดนรวมพลังแล้ว
แต่เฉินโม่ไม่ได้รีบร้อน พื้นฐานสำคัญกว่าสิ่งใด เขาต้องการให้พื้นฐานของตัวเองแข็งแกร่งก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนเมื่อชาติที่แล้ว
หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง ห้องฝึกฝนของเฉินโม่ เล่หรูหั่วมาหาเฉินโม่อยางกะทันหัน
เฉินโม่หยุดฝึก แล้วก็พาเล่หรูหั่วเข้ามาในห้องตัวเอง
ตอนนี้เล่หรู่หั่วไม่มีความกังวลในใจแล้ว คนทั้งคนดูแล้วน่าดึงดูดมากกว่าเดิม ขอเพียงยืนอยู่ข้างกายเธอ ราวกับว่าความมีชีวิตชีวิตของเธอทำให้คนที่เข้าใกล้กระชุ่มกระชวยไปด้วย
แต่ว่าเล่หรู่หั่วในวันนี้กลับมีใบหน้าที่เศร้าหมอง ใครก็สามารถมองออกว่าเธอมีความในใจ
เฉินโม่รินชาให้เธอ แล้วพูดขึ้น “มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจฉัน!”
มือที่ขาวนวลของเล่หรู่หั่วจับถ้วยชาเอาไว้ แล้วมองเฉินโม่ เหมือนลำบากใจที่จะพูด
เฉินโม่รออย่างใจเย็น เขารู้ว่าในเมื่อเล่หรูหั่วมาหาเขาถึงที่นี่ น่าจะตัดสินใจได้แล้ว เธอต้องพูดมันออกมาอย่างแน่นอน
เป็นจริงเช่นนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง แววตาของเล่หรูหั่วก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่ มองเฉินโม่อย่างเงียบๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “เฉินโม่ ฉันมาหานาย ไม่ใช่เพราะเรื่องของตัวเอง แต่เป็นเพราะพ่อฉันให้ฉันมาหานาย”
“เขาอยากให้นายช่วยเขา!” เล่หรูหั่วมองเฉินโม่อย่างขมับเขม่น ราวกับว่าต้องการเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินโม่อย่างชัดเจน
ตระกูลเล่เห็นเล่หรูหั่วเป็นเครื่องมือ ให้เธอแต่งงานกับหยุนเทียนหลิง เล่หรูหั่วผิดหวังต่อตระกูลเล่อย่างมาก ตอนนี้เล่หรูหั่วมาขอร้องแทนตระกูลเล่ เห็นได้ว่าตระกูลเล่คงจะเผชิญกับเรื่องที่หนักไม่เบา
แม้ว่าตระกูลเล่จะร้ายกับเฉินโม่มาโดยตลอด และเกือบจะกลายเป็นศัตรูกันแล้ว อย่างไรเสียมันก็คือครอบครัวของเล่หรูหั่ว เฉินโม่อยากจะชดเชยให้กับเล่หรูหั่ว ก็คงไม่สามารถทนดูครอบครัวของเธอแตกสลาย
“ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไรอีก เรื่องแค่นี้เอง? พูดมาเถอะ อยากให้ฉันช่วยเธอยังไง?” เฉินโม่พูดอย่างยิ้มๆ
“นาย……นายยอมช่วยครอบครัวฉันจริงๆใช่มั้ย? อย่างไรเสียเมื่อก่อนพ่อฉันก็เคยทำไม่ดีกับนายเอาไว้……” เล่หรูหั่วมองเฉินโม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ เรื่องที่ตระกูลเล่เคยทำไว้กับเฉินโม่ เฉินโม่ไม่ได้แก้แค้นตระกูลเล่ก็ดีมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่ช่วยตระกูลเล่!
แต่ว่าเฉินโม่กลับรับปาก อีกทั้งยังพูดว่ามันคือเรื่องเล็ก……..
เล่หรู่หั่วเหมือนจะว่าเข้าใจอะไรแล้ว สายตาที่มองเฉินโม่ก็ตื้นตันขึ้นมาในทันที “เฉินโม่ ขอบใจนายนะ!”