แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 132
บทที่ 132
เซวียเชียนเหอส่ายหัว ส่งสัญญาณบอกไปว่าอย่าหาเรื่อง
เจี่ยจิ้งอานก็ทำตัวไม่ถูก แต่ว่ารู้จักกับเฉินโม่มานาน เขาก็เหมือนจะรู้ว่าเฉินโม่ไม่ชอบการทักทายอะไรที่อ้อมค้อม ก็เลยยิ้มพูดกับเซวียเชียนเหอว่า “คุณท่านเซวีย เฉินไต้ซือไม่ค่อยชอบวิถีการอ้อมค้อมแบบนี้ ไม่ได้จะเสียมารยาทหรอกนะครับ ได้โปรดเข้าใจ!”
เซวียเชียนเหอก็ยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นไร!”
ตอนนี้ ก็มีอีกสองคนเข้ามา เฉินโม่เคยเห็นที่การพนันหิน ฟางปู้ถงเศรษฐีอันดับหนึ่งของชิ่งหยาง ด้านหลังก็มีวัยรุ่นสวมชุดสูทเดินตามหนึ่งคน
“เถ้าแก่ฟาง มาแล้วหรือครับ” เจี่ยจิ้งอานยกมือคำนับพูด
“เถ้าแก่เจี่ยเกรงใจไปแล้ว” ฟางปู้ถงเดินเข้ามา แล้วก็ยิ้มหยักหน้าให้กับเซวียเชียนเหอ จากนั้นก็ไปหาที่นั่ง
พอฟางปู้ถงเห็นเฉินโม่ที่อยู่อีกมุมหนึ่ง ก็อึ้งเบาๆ จากนั้นก็จ้องมองไปยังเจี่ยจิ้งอาน
จากนั้นไม่นาน ก็มีอีกสองคนเข้ามา ล้วนเป็นเจ้าสัวใหญ่ทั้งนั้น
สุดท้าย สวีตงฮ่านก็พาคนแก่อ้วนๆ คนหนึ่งเดินเข้ามา
“ฮ่าๆ ให้เถ้าแก่ทุกท่านรอนานไปแล้ว ผมต้องขออภัยด้วยจริงๆ !” สวีตงฮ่านยิ้มยกมือคำนับพูด
คนส่วนใหญ่ก็ยกมือทักทายสวีตงฮ่านกลับไป เจี่ยจิ้งอานก็ยิ้มปลอมๆ พูดตอบกลับไปว่า “เถ้าแก่สวีตั้งใจให้พวกเรารอสิไม่ว่า แบบนี้จะได้ดูเป็นแขกคนพิเศษหน่อย!”
“เถ้าแก่เจี่ยเข้าใจผิดไปแล้ว ที่ผมมาช้าก็เพราะว่าผมอยู่ไกล ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ !” สวีตงฮ่านอธิบายอย่างจริงใจ แต่ไม่มีใครเชื่อ
คนส่วนใหญ่ก็มาถึงอู่โจวตั้งแต่เมื่อวาน แล้วก็พักผ่อนที่โรงแรม สวีตงฮ่านก็น่าจะเหมือนกัน มาอ้างว่าตนเองอยู่ไกล ผีที่ไหนจะเชื่อ?
แต่ว่า คนในนี้ก็ล้วนเป็นเจ้าสัวหรือผู้มีอิทธิพลกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากจะหาเรื่องสวีตงฮ่าน นอกจากเจี่ยจิ้งอานที่ไม่ถูกกันแต่เดิมแล้ว
สวีตงฮ่านกวาดมองทุกคน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอย่างได้ใจออกมา แต่ว่า ทันใดนั้นเขาก็เห็นเฉินโม่ที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็นิ่งค้างไป
เงิน50ล้านนั้น จนถึงตอนนี้สวีตงฮ่านก็ยังไม่ได้โอนไปให้กับเฉินโม่เลย แต่ก็ไม่เห็นว่าเฉินโม่จะทำอะไรกับเขา สวีตงฮ่านก็อาศัยว่าตนเองโชคยังดีอยู่ ก็เลยคิดจะยื้อเรื่องนี้ต่อไป
แต่ว่า จากคนชายแก่อ้วนลึกลับที่เรียกตนเองว่าเป็นศิษย์พี่ของหวางหย่งซานมาที่นี่ด้วย เผยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด สวีตงฮ่านก็มีคนหนุนหลัง ก็เลยไม่สนใจเฉินโม่
สวีตงฮ่านก็หาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็พูดเบาๆ กับชายแก่อ้วนข้างๆ ชายแก่อ้วนคนนั้นก็มองไปยังเฉินโม่ทันที สายตาเป็นประกายออกมา แล้วก็หัวเราะเสียงเย็นๆ สองครั้ง
เจี่ยจิ้งอานก็พูดว่า “เถ้าแก่สวี ตอนนี้ในห้องได้รวมตัวผู้มีอิทธิพลของฮ่านหยางกว่าครึ่งไว้แล้ว คุณก็เอาของสองสิ่งนั้นออกมาได้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รีบมองไปยังสวีตงฮ่าน เห็นได้ชัดว่าสนใจของพวกนั้นมาก
สวีตงฮ่านหัวเราะอย่างได้ใจว่า “ได้ ในเมื่อทุกท่านให้เกียรติผม งั้นผมก็จะเอาออกมาเพิ่มอีกอย่าง ทั้งหมด3ชิ้น เชิญทุกท่านมาชมกัน!”
“เอาของออกมา ให้เจ้าสัวทุกท่านได้ชมกัน!” สวีตงฮ่านพูดกับลูกน้อง
ลูกน้องก็เปิดกล่องที่ถืออยู่ แล้วก็หยิบกล่องไม้หรูหราที่ขนาดไม่เท่ากันออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงกลางห้อง
พอเปิดออก ในกล่องไม้ที่เล็กที่สุดก็บรรจุไข่มุกที่ขนาดเท่าๆ กับไข่ไก่หนึ่งเม็ด สุกใสสกาว มีพลังเย็นๆ แพร่ออกมา ให้คนเห็นแล้วก็อยากจะหมกมุ่นอยู่กับมัน
กล่องไม้อันที่สอง ก็คือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ทำจากสำริด บนตัวองค์พระเต็มไปด้วยสนิมสีเขียว เหมือนจะมีอายุยาวนานแล้ว
กล่องไม้อันที่สาม เป็นหินหยกปากว้าหนึ่งก้อน ดูไปแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ คุณภาพของหยกก็เหมือนจะไม่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับสองสิ่งก่อนหน้านี้ ดูธรรมดากว่ามาก
สวีตงฮ่านก็ยิ้มแปลกๆ “ทุกท่าน เชิญชมเลยครับ!”
ชายท้วมๆ วัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกน้องของสวีตงฮ่าน ก็พูดออกมาว่า “ผมก่อน!”
พูดจบ ตาก็มองชายแก่ผมขาวแต่ยังดูดีคนนั้น แล้วก็พูดอย่างมีมารยาทว่า “เชิญคุณเต๋อหลงวิเคราะห์ของสิ่งนี้ให้ได้!”