แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1360
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1360
ภาพนี้ได้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมในประเทศหัวเซี่ย ผู้คนจำนวนมากที่เห็นเฉินโม่หายตัวไป ต่างก็เสียงใจกันอย่างมาก
เวลานี้ มีชายชราคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของคนที่กำลังเสียใจ ใช้ไม้เท้าชี้ไปยังทุกคนแล้วพูดเสียงดัง “พวกคุณพูดบ้าอะไร! เฉินไต้ซือไม่มีทางแพ้ พวกคุณไม่เชื่อเขา แต่ฉันเชื่อเขา!”
“เมื่อก่อนหัวเซี่ยของเราลำบากข้นแค้นมากขนาดไหน ยังสามารถขับไล่คนของประเทศต้าเหอออกไปได้ เราผ่านความลำบากมามากมาย ก็ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ฉันเชื่อเฉินไต้ซือ เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมแพ้ง่ายๆเช่นกัน!”
“พวกคุณต้องตั้งสติ พวกคุณต้องเชื่อเฉินไต้ซือ!ยังไม่ถึงที่สุด พวกคุณต้องเชื่อเฉินไต้ซือ!”
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง มองชายชราเหมือนมองคนบ้า
“พวกเราก็อยากจะเชื่อมั่นเฉินไต้ซือ แต่ตอนนี้เฉินไต้ซือแพ้ไปแล้ว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างน้อยใจ
ชายชราคนนั้นพูดอย่างเสียงดัง “ไม่ เฉินไต้ซือยังไม่แพ้!”
น้ำเสียงของชายชราหนักแน่นอย่างมาก และท่าทางก็จริงจังมากเช่นกัน ทำให้คนไม่สามารถที่จะโต้เถียงได้
“ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ลุกขึ้น พูดอย่างจริงจัง “ใช่ เฉินไต้ซือยังไม่แพ้!”
ทุกคนมองไปยังเขา และประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้
แต่ว่าก็ได้มีนักบู๊คนหนึ่งลุกขึ้น ตะโกนพูดอย่างจริงจัง “ใช่ เฉินไต้ซือยังไม่แพ้!”
ตอนแรก ทุกคนต่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาทำไมต้องหลอกตัวเอง แต่ว่าก็ได้มีคนอีกคนลุกขึ้น ตะโกนด้วยเสียงสูงเฉินไต้ซือยังไม่แพ้
ทันใดนั้นในแววตาของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นด้วยความเข้าใจ
“ใช่ เฉินไต้ซือยังไม่แพ้!”
ทุกคนยืนขึ้นด้วยสายตาแน่วแน่และตะโกนประโยคนี้
มันเหมือนโรคระบาด ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
เฉินไต้ซือยังไม่แพ้ ต่อให้เฉินไต้ซือตายแล้วจะทำไม? พลังของเฉินไต้ซือยังอยู่!
บนเขาฟู่ถุ ยากิวยิโตะยังคงคุกเข่าด้วยขาข้างเดียว มืออยู่ในท่าถือดาบ
ด้านล่าง ประชาชนของประเทศต้าเหอยังคงโห่ร้องด้วยความดีใจ และพวกเขาแทบจะรอไม่ไหว อยากที่จะเผยแผร่ข่าวดีนี้ไปทั่วโลก
เล่หรูหั่วมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า น้ำตาที่ใสราวคลิสตัสได้ไหลลงมาที่แก้ม
“เฉินโม่ นายต้องไม่เป็นอะไร! นายต้อง……ไม่เป็นอะไร!”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่ดังมาจากฟากฟ้าอันไกล ข้ามมากาลเวลา
“เทพกำลังจะผ่าฟ้า…….เทพกำลังจะผ่าฟ้า…….เทพกำลังจะผ่าฟ้า……..”
คนของประเทศต้าเหอได้หยุดร้องในทันที จ้องมองท้องฟ้าอย่างปากอ้าตาค้าง มองหาต้นตอของเสียง
ยากิวยิโตะที่สีหน้าหนักใจ มองท้องฟ้าอันว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหน้า ตรงนั้นไม่มีอะไรเลย มีเพียงกระบี่เล่มหนึ่งที่ลอยอยู่
ร่างของเฉินโม่เป็นเหมือนเงาลวงตา แข็งตัวจากความว่างเปล่า แต่ในขณะนี้ ร่างของเฉินโม่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ด้วยความสูงถึงสามฟุต
ในมือเขา กำลังลากกระบี่ยักษ์สีน้ำเงินกลับหัวอยู่ เหมือนยักษ์ในสมัยโบราณ ที่ข้ามมากับกาลเวลา
ยักษ์ตนนี้ได้วาดกระบี่ไปยังบนท้องที่อยู่ตรงหน้าอย่างแรง ในขณะนั้น ทุกคนมีภาพลวงตาว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่ม
ยากิวยิโตะมีสีหน้าที่หนักใจมาก ท่าเก็บดาบได้เปลี่ยนเป็นท่าชักดาบในทันที
พลังชี่ฟ้าดินโดยรอบได้คลุ้งคลั่งอีกครั้ง ความคลุ้งคลั่งได้มารวมอยู่บนตัวของยากิวยิโตะ
“เฉินไต้ซือ ก็เหมือนหมาเห่าที่ไม่กัดเท่านั้น อยู่ต่อหน้าพลังฟ้าดิน ทักษะทั้งหมดไม่มีความหมายอะไรนอกจากไร้สาระ ไม่มีความสำคัญเลย!”
“ชักดาบฟัน!”
เผชิญหน้ากับยักษ์ด้วยดาบ ยากิวยิโตะได้ใช้พลังที่แข็งแกร่งของเขา ชักดาบฟัน!
ในตำนาน ชักดาบฟันหากฝึกถึงที่สุด มันสามารถตัดสิ่งกีดขวางทางอากาศ และทำลายความว่างเปล่า
แสงสีแดงซึ่งมีพลังมากกว่าเมื่อกี้ ขยายขึ้นอีกครั้ง แสงสีน้ำเงิน และแสงสีแดง รวมเป็นพลังที่ทำลายล้าง เหมือนอุกกาบาตตกลงมาชนเข้ากับยอดเขาฟู่ถุ