แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1372
“เฉินโม่ นายจะต้องไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรอย่างแน่นอน!”
ทันใดนั้น ซาสึซึรุก็หยุดโจมตี และมองไปที่เฉินโม่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย: “ช่างเถอะ น่าเบื่อจริงๆ เฉินไต้ซือ แกอ่อนแอเกินไป! ตอนนี้ ก็ทำให้ทุกอย่างจบลงเถอะ!”
เฉินโม่เช็ดเลือดจากมุมปาก มองไปซาสึซึรุที่เย่อหยิ่ง และทันใดนั้นท่าทีก็ผ่อนคลายขึ้นมา
“โอเค ฉันยอมรับว่าฉันประเมินแกต่ำไป คาดไม่ถึงว่าแกจะซ่อนวิชาอัญเชิญไว้! แต่แค่ทอดเงาของร่างแยกงูปีศาจ ยังไม่มีสิทธิ์ฆ่าฉันได้หรอก”
“อย่าว่าแต่แค่ทอดเงาของร่างแยกตัวเดียวของมันเลย ต่อให้ตัวของงูปีศาจนี้เอง ฉันไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่ามาก่อน”
ซาสึซึรุแหงนหัวหัวเราะอย่างบ้าระห่ำ: “เฉินไต้ซือ ไม่นึกเลยว่าความตายอยู่ตรงหน้าแกยังคุยโม้อีก วันนี้จะอุทิศวิญญาณของแกให้กับท่านยามาตะ โนะ โอโรจิ!”
ซาสึซึรุพูดจบ แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือทั้งสองข้างอย่างกะทันหัน โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีสิบเมตรรอบตัวเขาต่างก็เหี่ยวเฉาในทันที
“ส่งมอบวิญญาณของแกมาซะดีๆ!”บนใบหน้าของซาสึซึรุก็แสดงภาพหลอนของหัวงูอย่างกะทันหัน และพูดกับเฉินโม่อย่างตะกละตะกลาม
เฉินโม่ยืนอยู่กับที่ หลับตาลงอย่างกะทันหัน และปากก็พูดแค่สองคำ: “รัศมีกาล!”
เมื่อร่างโปร่งใสออกมาจากร่างของเฉินโม่ ก็เหมือนกับของเฉินโม่ทุกประการ
จู่ๆซาสึซึรุก็พบว่าตัวเองขยับไม่ได้ แม้แต่กวักนิ้วก็ทำไมได้
“ไม่ นี่คือมหาฤทธิ์ของผู้บำเพ็ญ นี่เป็นแค่มหาฤทธิ์ที่มหาบุคคลของแดนดั่งเทพสามารถเข้าใจได้ แกทำได้ยังไง!”
บนใบหน้าของซาสึซึรุ หัวงูตัวนั้นยังคงปรากฏอยู่อย่างไม่หยุด แสดงท่าทางตื่นตระหนก ดูเหมือนกับว่าพยายามดิ้นรนเพื่อหนีจากร่างของซาสึซึรุ
แต่ว่า ภายใต้พันธนาการของมหาฤทธิ์รัศมีกาล มันเป็นไม่ได้ที่จะหนีกลับไปแล้ว
ท่ามกลางก้อนเมฆบนท้องฟ้า ร่างของยามาตะ โนะ โอโรจิม้วนตัวและคำรามอย่างรุนแรงในกระแสน้ำวน: “มนุษย์ต่ำต้อย แกเป็นใคร? บอกฉันมาว่าแกเป็นใครกันแน่?”
“ถ้าหากแกกล้าทำร้ายร่างแยกของฉัน ต่อให้ข้ามจักรวาล ฉันก็จะมากลืนกินแกที่นี่!”
ร่างโปร่งแสงของเฉินโม่ ลอยข้ามผ่านซาสึซึรุที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสยดสยอง กริชสีดำสนิทในมือก็ฟันตรงผ่านทอดเงาของร่างแยกงูปีศาจ และไม่ได้ทำร้ายซาสึซึรุเลยสักนิด
แต่ว่า ซาสึซึรุได้สละวิญญาณให้กับยามาตะ โนะ โอโรจิแล้ว เฉินโม่ก็ฟันเงาร่างแยกของยามาตะ โนะ โอโรจิด้วยมหาฤทธิ์รัศมีกาล ซึ่งเทียบเท่ากับการฆ่าวิญญาณของซาสึซึรุด้วย
ตอนนี้ ซาสึซึรุกลายเป็นศพที่ไร้วิญญาณแล้ว
“อ๊าก! ฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่ แกค่อยดูเถอะ!”ในกระแสน้ำวนของเมฆ สูญเสียการเชื่อมต่อของวิชาอัญเชิญไป ร่างของยามาตะ โนะ โอโรจิก็ค่อยๆหายไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในจักรวาล
การสูญเสียพิกัดของผู้อัญเชิญ ยามาตะ โนะ โอโรจิทำได้เพียงกลับไปยังดวงดาวของตัวเองเท่านั้น อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในจักรวาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันต้องการค้นหาพิกัดของโลก ไม่มีเวลาหลายร้อยปีทำไมได้เด็ดขาด
ดังนั้นเฉินโม่จึงไม่กลัวการแก้แค้นของเขาเลย ถ้าหากรอถึงหนึ่งร้อยปี เกรงว่าเฉินโม่จะบำเพ็ญเป็นแดนดั่งเทพแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขา
ซาสึซึรุยืนอยู่ที่เดิม โดยปราศจากลมหายใจ เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า: “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง!”
“เฉินโม่!”เล่หรูหั่วตะโกนอย่างเป็นห่วง วิ่งมาอย่างรีบร้อน และกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินโม่
“เมื่อกี้นี้ ฉันกลัวแทบตาย!”เล่หรูหั่วยังคงมีน้ำตาบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้นี้เธอกังวลใจแทบแย่
เฉินโม่พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ: “ฉันบอกแล้ว ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำร้ายฉันได้ ทำไมเธอไม่มั่นใจในตัวของฉันขนาดนี้เนี่ย?”
เล่หรูหั่วยิ้มทั้งน้ำตา: “ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นไม่ใช่คนบนโลกนี้ด้วยซ้ำ”
“ก็ใช่ แต่ว่าเรื่องนี้อย่าได้บอกกับคนนอกเด็ดขาดเข้าใจมั้ย?”เฉินโม่พูดกำชับ ถ้าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าจะทำให้ผู้คนมากมายตื่นตระหนก
ยังไงซะเรื่องราวเทพเจ้าผีพรายเหล่านั้น ถือว่าเป็นตำนานก็พอแล้ว ถ้าหากปรากฏขึ้นจริงๆ มันอาจทำให้โลกปั่นป่วนได้