แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1432
ผู้บังคับบัญชาไม่ได้พูดต่อ เพื่อเฉินโม่แล้วต้องเสียสละหน่วยมังกรทั้งหน่วย มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยินดีเลย
ตระกูลหลี่ หลี่ตงหยางที่นั่งอยู่ในห้องโถง ฟังลูกน้องรายงาน ใบหน้าก็ปรากฏขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“คนของหกสำนักกับคนของแปดตระกูลใหญ่ กำลังพาคนโจมตีค่ายกลคงรากของทะเลสาบกลับคืนรัง ไอ้หนุ่มนั้นกลายเป็นเต่าหัวหด ไม่ว่าผู้อาวุโสหลินจะด่ายังไง เขาก็ไม่ยอมออกมา”
“ดูเหมือนไอ้หนุ่มคนนี้คงกลัวแล้ว ขอเพียงค่ายกลคงรากถูกทำลาย ไอ้หนุ่มคนนี้ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
หลี่เจ๋อโค้งตัวกล่าว “ท่านผู้นำ ผู้อาวุโสที่อยู่ในสำนักคุนชาง ก็ถือเป็นนักบู๊ที่มีความสามารถอันดับต้นๆ มีเขาเป็นคนนำโจมตีค่ายกลคงรากของทะเลสาบกลับคืนรัง มันต้องทำลายได้สำเร็จอย่างแน่นอน ครั้งนี้เนื้อร้ายของตระกูลหลี่เรา คงจะถูกกำจัดออกไปเสียที”
ผู้คนของตระกูลหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ กาลครึ่งหนึ่ง เด็กที่ถูกคนของตระกูลหลี่มองว่าเป็นความอัปยศ เวลาเพียงสั่นๆเขาเติบโตจนสามารถคุกคามตระกูลหลี่ได้แล้ว และกลายเป็นเนื้อร้ายของตระกูลหลี่
สวรรค์ช่างเล่นตลกกับตระกูลหลี่จริงๆ ถ้าหากในเวลานั้นหลี่ตงหยางยอมรับการแต่งงานในครั้งนั้น ตอนนี้เนื้อร้ายก้อนนี้ ในทางกลับกันก็จะกลายเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหลี่
ไม่รู้ว่าเวลานี้หลี่ตงหยาง จะมีความรู้สึกเสียใจอยู่บ้างมั้ย
ยานจิง ตระกูลหยาง
หยางหมิงหยู่สีหน้าดูแย่ มองลูกน้องคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างกายเขา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เอียนชิงเฉิงยังอยู่ที่กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังเหรอ?.
“ครับ!” หยางหมิ่นฟาโค้งตัวตอบ
หยางหมิงหยู่สีหน้าขุ่นมัว “เป็นเพราะไอ้เดรัจฉานอย่างไอ้เฉินโม่แท้ๆ ถ้าหากเอียนชิงเฉิงต้องตายเพราะมัน ฉันจะเอาคนที่เกี่ยวข้องกับมันทั้งหมดและมันมาฝังเป็นเพื่อนของเอียนชิงเฉิง!”
“คุณชายอย่างกังวลไปเลย คุณได้ขอร้องผู้อาวุโสโจวของสำนักคงต้องแล้วไม่ใช่เหรอ หากเขาเจอคุณหนูเอียน ก็ต้องเมตตาอย่างแน่นอน!” หยางหมิ่นฟาพูดกล่อม
หยางหมิงหยู่ถอนหายใจไปหนึ่งที “เมื่อศึกใหญ่เกิดขึ้น แม้ว่าผู้อาวุโสโจวจะเมตตา ก็ไม่ใช่ว่าจะเจอเธอแต่แรก ครั้งนี้เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ฮ่านหยาง ฉู่เหวินสงกับเจี่ยจิ้งอานและคนอื่นๆ ต่างก็ได้มาถึงเหม่ยหวา กรุ๊ป รายงานสถานการณ์ของทะเลสาบกลับคืนรังให้กับหลี่ซู่เฟินทราบ
หลี่ซู่เฟินที่ทราบข่าว ร้อนใจอย่างมาก แต่พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่านักบู๊ยอดฝีมือ พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย
หลี่ซู่เฟินมองไปทางเฉินซงจื่อ แล้วกล่าว “ท่านพรตเฉิน คุณไปช่วยเสี่ยวโม่ตอนนี้เลย ไม่ต้องสนใจพวกเรา”
เฉินซงจื่อก็ร้อนใจเช่นกัน แต่เขาเชื่อว่าค่ายกลคงรากจะสามารถขวางคนพวกนั้นเอาไว้ได้
“ท่านประธานอย่าได้กังวลไปเลย ค่ายกลคงรากที่อาจารย์ตั้งไว้ อานุภาพไม่มีใครเทียบได้ คนพวกนั้นไม่มีทางทำลายมันได้หรอก”
หลี่ซู่เฟินถอนหายใจ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามคุณไปช่วยเฉินโม่ก่อนเถอะ ถ้าหากคนของโลกบู๊โบราณต้องการจะมาหาเรื่องพวกเรา คุณคนเดียวก็เอาไม่อยู่!”
เฉินซงจื่อคิดไปครู่หนึ่ง จึงพยักหน้า “ครับ พวกคุณรักษาตัวด้วย!”
เมื่อเฉินซงจื่อไปแล้ว ฉู่เหวินสงและคนอื่นๆก็คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ช่วงเวลาที่สำคัญ ผู้หญิงแกร่งอย่างหลี่ซู่เฟินยังนิ่งกว่าพวกฉู่เหวินสงอีก
“เรานั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ว่าทางหน่วยงานรัฐสามารถช่วยได้ ตอนนี้ฉันจะโทรหาทางหน่วยงานราชการ หวังว่าพวกเขาจะช่วยเสี่ยวโม่!”
“ใช่แล้ว ท่านประธานหลี่ คุณโทรหาคนของหน่วยงานรัฐ เราก็มาโทรหาเพื่อนๆที่ทำงานในหน่วยงานรัฐ ดูว่าพวกเขาจะสามารถช่วยคุณเฉินได้มั้ย!” เจี่ยจิ้งอานพูดอย่างร้อนใจ
วันที่สอง ที่ทะเลสาบกลับคืนรัง หลินว่านเหนียนและพวก หลังจากที่นำนักบู๊ฟื้นฟูกำลังแล้ว ก็เริ่มโจมตีอีกระรอก
เอียนชิงเฉินคนเดียวที่ควบคุมค่ายกลห้าธาตุกลับหัว โชคดีที่เฉินโม่กลับมาแล้วก็สอนให้เธอกับเฉินซงจื่อถึงรายละเอียดการควบคุมค่ายกล ถ้าหากยังใช้วิธีควบคุมค่ายกลเหมือนแต่ก่อน เกรงว่าเอียนชิงเฉิงคงต้านไม่ไหวแม้แต่วันเดียว
เฉินโม่ได้เริ่มทะลวงแดนแล้ว ตอนนี้ไม่สามารถให้ใครมารบกวนได้ มิฉะนั้นความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้จะสูญเปล่าและร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ
ดังนั้น ตอนนี้ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เอียนชิงเฉิง
เป็นครั้งแรกที่เอียนชิงเฉิงรู้สึกว่าบนบ่าของเธอมีภาระที่หนักอึ้ง ถึงกระทั่งทำให้เธอเข้าใจภาระอันหนักอึ้งที่อยู่บนบ่าของเฉินโม่ในทันที