แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1449
เริ่มแรกเฉินโม่ไม่คิดที่จะรับเอียนชิงเฉิงเป็นศิษย์ แต่ถูกความจริงใจของเธอทำให้ใจอ่อน จึงรับเธอไว้ชั่วคราว วิชาที่ถ่ายทอดให้เธอก็เป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงแล้ว
เฉินซงจื่อก็เช่นกัน เฉินโม่ไม่ได้ถ่ายทอดพลังวิชาที่แท้จริงของผู้บำเพ็ญให้กับเขาทั้งสอง มีเพียงโจวลี่เต๋อที่เฉินโม่ได้ถ่ายทอดพลังวิชาที่แท้จริงของผู้บำเพ็ญให้
เดิมแค่ต้องการทดสอบเฉินซงจื่อกับเอียนชิงเฉิงก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะถ่ายทอดพลังวิชาที่แท้จริงของผู้บำเพ็ญให้กับพวกเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้มันเกือบจะทำให้พวกเขาเสียชีวิต เฉินโม่รู้สึกเสียใจมาก ที่เขาไม่ได้ถ่ายทอดพลังวิชาที่แท้จริงของผู้บำเพ็ญให้กับทั้งสอง
เฉินโม่มองเอียนชิงเฉิงแล้วพูดอย่างจริงจัง “วิชานี้ไม่ธรรมดา เธอมอบให้เฉินซงจื่อ นอกจากพวกเธอทั้งสองคนแล้ว ห้ามให้คนอื่นรู้ รวมถึงคนที่พวกเธอสนิทที่สุด พวกเธอต้องจำให้ขึ้นใจ!”
เอียนชิงเฉิงพยักหน้า พูดด้วยสีที่หน้าแน่วแน่ “อาจารย์สบายใจได้เลย วิชานี้นอกจากฉันกับศิษย์พี่แล้ว จะไม่มีคนอื่นรู้อีกเป็นอันขาด”
“อืม”
เฉินโม่พยักหน้า ออกเดินทางไปยังหนานซู บ้านตระกูลเฉิน
ขณะนี้ ตระกูลเฉินที่อยู่ในหนานซู กำลังอยู่ในภาวะที่ตึงเครียด ตามข้อมูลที่เฉินเยว่รายงาน เฉินกั๋วเหลียงได้ไปล่วงเกินตระกูลหนึ่งของโลกบู๊โบราณ
แม้ว่าเฉินกั๋วเหลียงจะเป็นผู้นำตระกูล แต่เหตุการณ์แบบนี้มันก็ทำตระกูลเฉินตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย สมาชิกแต่ละคนของตระกูลเฉินต่างก็บ่นอย่างคับข้องใจ
ถ้าหาไม่ใช่เฉินตงซุ่นบอกทุกคนว่า เขาได้แจ้งเฉินโม่แล้ว เกรงว่าคนของตระกูลเฉินจะคิดบัญชีกับเฉินกั๋วเหลียงแล้ว
อย่างไรเสียตระกูลเฉินนั้นอยู่อย่างสงบสุขมานานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถทนต่อความวุ่นวายใดๆได้เลย
เฉินโม่ที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉินกั๋วเหลียง จึงมาถึงตระกูลเฉินในไม่ช้า หลังจากที่ถามสถานการณ์จากเฉินตงซุ่นแล้ว เฉินโม่กลับสบายใจขึ้นมาก
เดิมคิดว่าคนของโลกบู๊โบราณเริ่มแก้แค้นเขาแล้ว ที่แท้ไม่ใช่ สำหรับตระกูลหยู เฉินโม่ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลย
“คุณปู่ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” เฉินโม่ที่ตามหาเฉินเยว่จนเจอ หลังจากที่สอบถามรายละเอียดแล้ว จึงถามอย่างเป็นห่วง
เฉินเยว่กล่าว “ไม่เป็นไรมาก ความสามารถของคุณชายตระกูลหยู ก็แค่ปรมาจารย์ ไม่ต่างไปจากคุณปู่รอง เพียงแค่มีอาวุธที่มากกว่าคุณปู่รองเท่านั้น ดังนั้นคุณปู่รองจึงเสียเปรียบ”
จู่ๆเฉินโม่ก็รู้สึกอยากจะตำหนิตัวเอง สิ่งที่เฉินกั๋วเหลียงขาดไม่ใช่แค่อาวุธ เพราะเฉินโม่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉินกั๋วเหลียงจะต่อสู้กับนักบู๊เร็วขนาดนี้ ตอนแรกเขาสอนเฉินกั๋วเหลียงว่าต้องฝึกฝนอย่างไร แต่เขาไม่ได้สอนเฉินกั๋วเหลียงว่าต้องต่อสู้อย่างไร
ถ้าเฉินโม่สอนทักษะการต่อสู้ให้เฉินกัวเหลียง ต่อให้เขาจะมีอาวุธน้อยกว่าคนอื่น เขาก็จะไม่มีทางแพ้
“โชคดีที่คู่ต่อสู้ของคุณปู่ในครั้งนี้เป็นเพียงปรมาจารย์ธรรมดา หากพละกำลังของเขาสูงกว่าคุณปู่ ชีวิตของปู่อาจตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อเฉินโม่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่อยากจะทำมัน แต่ตอนนี้เขาต้องทำแล้ว
อาการบาดเจ็บของเฉินกั๋วเหลียงไม่ได้หนักหนา เมื่อได้ยินว่าเฉินโม่ถึงแล้ว ก็หยุดการปรับลมปราณทันที แล้วรีบออกมาเจอเฉินโม่
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องโถง เฉินกั๋วเหลียงก็เห็นเฉินโม่ในแวบแรก เขาหัวเราะอย่างภาคภูมิและพูดว่า “เสี่ยวโม่ นายมาแล้ว!”
“คุณปู่!” เฉินโม่เรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นกับตาว่าเฉินกั๋วเหลียงไม่เป็นมาก ใจที่แขวนอยู่ของเฉินโม่ก็สามารถวางมันลงได้แล้ว
เมื่อเห็นความเป็นห่วงบนใบหน้าของเฉินโม่ เฉินกั๋วเหลียงยิ้มกล่าว “อย่ากังวลเลย ปู่ไม่เป็นไร ก็แค่ยังขาดทักษะ เลยแพ้ให้พวกมัน!”
“อย่างไรก็ตามคนของโลกบู๊โบราณช่างน่ารักเกียจนัก พวกมันไม่เพียงแต่แย่งสำนักของเยว่เอ๋อร์ ยังฆ่าอาจารย์และศิษย์พี่ของเยว่เอ๋อร์อีก แม้กระทั่งไม่เห็นกฎหมายของหัวเซี่ยอยู่ในสายตา!”
“เดิมปู่อยากจะสั่งสอนพวกมันสักหน่อย แต่น่าเสียดายที่สู้พวกมันไม่ได้ นายกลับมาก็ดีแล้ว ครั้งนี้ต้องช่วยปู่สั่งสอนพวกมันดีๆหน่อย!” เฉินกั๋วเหลียงตบบ่าของเฉินโม่พูด