แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1460
หยูเปียวได้ยินคำพูดนี้ ก็หน้าแดงทันที ตระกูลเฉินเป็นเพียงตระกูลธรรมดาในโลกมนุษย์ พวกเขากลับสู้ไม่ได้ ถ้าหากพูดออกไปไม่รู้ว่าจะถูกตู๋กูเยว่หัวเราะเยาะหรือเปล่า?
แต่ว่าในเมื่อตู๋กูเยว่ถามแล้ว หยูเปียวก็ไม่สามารถปิดบัง ทำได้เพียงพูดตามความจริง
ตู๋กูเยว่ฟังจบแล้ว พยายามกลั้นหัวเราะอย่างมาก ในใจยิ่งดูถูกความสามารถของตระกูลหยูเข้าไปอีก
“คุณลุงหยูสบายใจได้เลย ครั้งนี้ผมจะช่วยคุณลุงหยูเอาคืนพวกมันเอง!”
“ไม่ว่ามันจะเป็นลูกศิษย์ของใคร ฉันตู๋กูเยว่ก็ไม่กลัว!”
สีหน้าที่หยูเปียวมองตู๋กูเยว่เหมือนกับว่าต่อให้ฮ่องเต้มาเขาก็ไม่กลัวแล้ว รู้สึกปวดใจเล็กน้อย นี่แหละคือความสามารถ!
ถ้าหากตระกูลหยูก็มีความสามารถอย่างแปดตระกูลใหญ่ วันนี้จะยังต้องไปเชิญตระกูลตู๋กูมาช่วยจัดการกับตระกูลของโลกมนุษย์อีกเหรอ?
“มา คุณลุงหยู ผมขอดื่มให้กับคุณลุงหยูหนึ่งแก้ว ดื่มเหล้าแก้วนี้หมดแล้ว เราก็ออกเดินทางเลย ผมจะช่วยคุณลุงหยูจัดการตระกูลเฉินให้ราบคาบ!”ตู๋กูเยว่มั่นใจอย่างมาก ก็แค่ตระกูลของโลกมนุษย์ แค่นิ้วของเขานิ้วเดียวก็สามารถฆ่าพวกมันให้ตายทั้งหมดแล้ว
หยูเปียวที่สีหน้าดูแย่ยกแก้วเหล้าขึ้น ยิ้มแห๋ยๆ “งั้นก็รบกวนหลานชายแล้ว!”
ที่หนานซู ในตระกูลเฉิน
เฉินโม่กำลังสอนเทคนิคการใช้พลังให้กับเฉินกั๋วเหลังอยู่ในลานสวนบ้าน จู่ๆก็หยุดลง มองไปยังทิศทางของประตู
เฉินกั๋วเหลียงไม่ได้มีความสงสัยเลย ยังคงฝึกฝนเทคนิคการใช้พลังที่เฉินโม่สอนให้เขา
ป้าง!
ประตูของตระกูลเฉินถูกถีบจนกระเด็น ยามที่เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูก็โดนถีบจนลอยกระเด็นมาพร้อมกัน ตู๋กูเยว่กับหยูเปียวพาคนเดินเข้ามา
มองไปยังเฉินกั๋วเหลียงที่ยังวาดท่าต่อสู้อยู่ตู๋กูเยว่กวาดมองอย่างดูถูก จากนั้นก็หันหน้าไปถามหยูเปียว “คุณลุงหยูก็คือพวกมันเหรอ?”
หยูเปียวสองตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จ้องมองเฉินโม่แล้วพยักหน้า “ก็คือพวกมัน”
ตู๋กูเยว่หัวเราะ “วางใจเถอะ เรื่องต่อไปนี้ก็มอบให้ผมจัดการเลย รับรองว่าคุณลุงหยูต้องพอใจอย่างแน่นอน”
ขณะที่พูด ตู๋กูเยว่ก็ก้าวไปข้างหน้า จ้องมองเฉินโม่อย่างดูถูก พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกอย่างมาก “ไอ้หนุ่ม นายใช่มั้ยที่ล่วงเกินคุณลุงหยู?”
เฉินโม่มองไปยังเฉินกั๋วเหลียง ยิ้มพูด “เห็นหรือยังคุณปู่ ผมพูดไปแล้ว ต่อให้คุณปู่ปล่อยพวกมันไป พวกมันไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ กลับหาคนมาช่วย และก็จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก!”
“ผมพูดไม่ผิดใช่มั้ย?”
เฉินกั๋วเหลียงจ้องหยูเปียว พยักหน้าอย่างจำใจ “ใช่ นายพูดถูก”
พูดจบ เฉินกั๋วเหลียงก็จ้องหยูเปียวอย่างดุดัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตำหนิ “ให้คนอื่นอยู่อย่างสบายหน่อยจะได้มั้ย?”
หยูเปียวโกรธจนควันออกหู เขาที่เป็นผู้นำตระกูลหยูอย่างสง่าผ่าเผย กลับถูกชายชราอย่างเฉินกั๋วเหลียงสั่งสอน ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ไอ้แก่เอ๊ย ไม่ต้องมาทำเป็นคนมีคุณธรรมแถวนี้เลย วันนี้แกต้องตายอย่างแน่นอน!” หยูเปียวพูดอย่างโหดเหี้ยม
ได้ยินหยูเปียวพูดหยามเฉินกั๋วเหลียง สีหน้าของเฉินโม่ก็เย็นชาทันที มองหยูเปียวแล้วพูด “วันนี้ก็เป็นวันตายของแกอย่างไม่ต้องสงสัย!”
หยูเปียวตกใจจนต้องหลบสายตา เผชิญหน้ากับเฉินโม่ เขาไม่กล้าที่จะบังอาจ
ตู๋กูเยว่มองเฉินโม่ด้วยความสนใจ เขาแม้จะไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่เรื่องสังเกตสีหน้าแววตาก็ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง เขาพบว่าหยูเปียวนั้นกลัวเฉินโม่มาก
“แบบนี้มันก็น่าสนใจแล้ว ผู้นำตระกูลหยูผู้สง่างาม แม้ว่าจะไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ไม่ถึงกลับต้องเกรงกลัวเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีขนาดนี้มั้ง! นอกเสียว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะมีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัว?”
ขณะที่เขาคิด สายตาของตู๋กูเยว่ก็ไปรวมอยู่บนร่างของเฉินโม่โดยธรรมชาติ
“ไอ้หนุ่ม อย่างแกก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เคารพผู้นำตระกูลหยูเหรอ? ฉันว่าแกคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!” ตู๋กูเยว่หัวเราะพูดอย่างเย็นชา
เฉินโม่เหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ถามอย่างไม่แยแส “แล้วแกล่ะเป็นใคร ชอบเสือกเหรอ?”
มุมปากของตู๋กูเยว่โค้งขึ้นอย่างลำพองใจ “ฉันตู๋กูเยว่ ฉันก็คือตระกูลตู๋กู หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของโลกบู๊โบราณ คุกเข่าอย่างสำนึกผิด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”