แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1461
ถึงตู๋กูเยว่น้ำเสียงจะฟังดูยโส แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนลงมือ เขาแค่อยากหลอกถามเบื้องลึกเบื้องหลังของฉินโม่เท่านั้น
เฉินโม่ทำหน้าเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “แปดตระกูลใหญ่ ถึงว่าทำไมคุณถึงกล้ามาที่นี่!”
“แต่ดูเหมือนว่า คนของแปดตระกูลใหญ่ ผมจะเคยฆ่าไปบ้างเหมือนกัน”
สีหน้าของตู๋กูเยว่เปลี่ยนไปทันที ตอนแรกคิดว่าการที่ตัวเองแนะนำตัวไป ต่อให้เฉินโม่ไม่กลัวแต่ก็น่าจะไว้หน้าบ้าง ต้องรู้ก่อนว่าต่อให้เป็นหกสำนักใหญ่ก็ยังต้องให้เกียรติแปดตระกูลใหญ่บ้าง แต่เฉินโม่กลับไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าหนู แกนี่มันยโสนักนะ!” ตู๋กูเยว่สีหน้าบึ้งตึง “แจ้งชื่อแซ่ของแกมา ให้ฉันได้รู้หน่อยซิว่าแกมีคุณสมบัติมากพอที่จะทำตัวโอหังแบบนี้มั้ย!”
ตู๋กูเยว่โมโหมาก แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามที่มาที่ไปของเฉินโม่ให้ชัดเจนก่อน เพื่อไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งให้ตระกูลโดยไม่จำเป็น
แต่ว่า เฉินโม่กลับไม่เล่นตามเกมเลย ในเมื่อตู๋กูเยว่แนะนำตัวไปแล้ว ตามหลักเฉินโม่ก็ต้องแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของต้องเองออกมาเหมือนกัน
แต่เฉินโม่ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นเลย กลับยิ้มเยาะแล้วพูดไปว่า “ไม่ต้องหรอก พวกคุณเข้ามาพร้อมกันเลย!”
ตู๋กูเยว่โกรธจนอยากสั่งคนฆ่าเฉินโม่ให้ตายไปเลย แต่ก็ยังอดกลั้นเอาไว้
ทันใดนั้น ลูกสมุนคนหนึ่งของตระกูลตู๋กูสีหน้าวิ่งมาข้างๆตู๋กูเยว่ด้วยสีหน้าที่อึมครึม แล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูตู๋กูเยว่ “คุณชายครับ มะ เหมือนเขาจะเป็นเฉินไต้ซือนะครับ!”
“เฉินไต้ซืออะไร?” ตู๋กูเยว่ขมวดคิ้วแล้วพึมพำออกมา ทันใดนั้น ตู๋กูเยว่ก็ได้อุทานออกมา “เฉินไต้ซือ! นี่แกคือเฉินไต้ซือแห่งฮ่านหยางอย่างนั้นเรอะ!”
สายตาที่ตู๋กูเยว่มองเฉินโม่มีแต่ความหวาดกลัว
ลูกสมุนคนนั้นคือหนึ่งในนักบู๊ที่หนีมาจากทะเลสาบกลับคืนรังได้ ตอนนั้นหกสำนักใหญ่แห่งโลกบู๊โบราณร่วมมือกับแปดตระกูลใหญ่ส่งคนไปรุมโจมตีทะเลสาบกลับคืนรัง เมื่อชิงของล้ำค่าอย่างจวนน้ำแข็งจากมือเฉินโม่
แต่กลับถูกเฉินโม่ที่ฝืนบรรลุแดนทำการฆ่าล้างครั้งใหญ่ ผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสิบคนที่ถูกส่งไปไม่มีใครรอดกลับมาสักคน
แต่ทว่า คนของโลกบู๊โบราณกลับฝืนทนต่อการเสียท่าครั้งใหญ่นี้ได้ และไม่กล้าไปหาเรื่องเฉินโม่อีก
เหตุการณ์นี้สร้างผลกระทบอย่างหนักกับโลกบู๊โบราณ ถึงเหล่านักบู๊ระดับล่างพวกนั้นจะไม่ได้รู้สึกอะไร ก็แค่สู้แพ้ไปครั้งเดียวแต่พวกระดับสูงของโลกบู๊โบราณของกองกำลังทั้งหลายกลับกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองว่าห้ามไปมีเรื่องกับเฉินไต้ซือเด็ดขาด
ตระกูลตู๋กูเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ ส่วนตู๋กูเยว่ก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลตู๋กู ก็ต้องเคยถูกทางตระกูลเตือนมาอยู่แล้ว
เฉินโม่จ้องมองตู๋กูเยว่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “ถูกต้อง ผมเอง!”
เฉินโม่ยอมรับไปตรงๆ ยังไงตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้จักตัวตนของเขาอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง
แถมหลังจากที่ทำการสังหารหมู่คนของโลกบู๊โบราณแล้ว เฉินโม่ก็ได้รู้ว่า เส้นทางประวัติศาสตร์ไปของโลกใบนี้มันได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว
ความตั้งใจที่เขาอยากทำตามเส้นทางของชาติที่แล้วโดยค่อยๆ ดำเนินไปทีละขั้นจนเรียนจบมหาลัยคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ที่สำคัญ ความผิดหวังสมัยที่อยู่มหาลัยก็ถูกเติมเต็มหมดแล้ว เฉินโม่จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่มหาลัยต่ออีก
ดังนั้น แนวทางการปฏิบัติงานของเฉินโม่ได้เด็ดขาดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รุนแรงดั่งสายฟ้ารวดเร็วเหมือนพายุ
สีหน้าของตู๋กูเยว่เดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดง เขาสาบานว่าจะช่วยสั่งสอนแทนตระกูลหยู แม้ว่าจะเป็นหกสำนักใหญ่หรือทางหัวเซี่ย เขาก็ไม่กลัวสักนิดเลย
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นเฉินไต้ซือ นั่นมันเทพนักฆ่าเลยนะ พ่อของตู๋กูเยว่ยังไม่อยากมีเรื่องด้วย อย่างเขาต่อให้มีสักกี่หัวก็ไม่พอให้เฉินโม่ตัด
พูดได้เลยว่านอกจากเฉินโม่ ไม่ว่าตระกูลหยูจะล่วงเกินใครเข้า วันนี้ตู๋กูเยว่ก็จัดการให้ตระกูลหยูได้ทั้งนั้น
ยกเว้นเฉินโม่ มีแค่เฉินโม่คนเดียว ที่ตู๋กูเยว่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย