แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 313
บทที่ 313
ทุกคนมองดูนายอำเภอเหมย ในสายตาต่างมีความอิจฉาอยู่
แต่พวกเขาเชื่อว่า เพียงแค่ตระกูลจินเข้าสู่อำเภอเฟิ่งซาน ต่อไปพวกเขาเองก็มีโอกาสที่จะได้รับของขวัญจากตระกูลนักธุรกิจพวกนั้นเช่นกัน
กำนันหลี่พูดว่า “วันนี้ข่าวเพิ่งเผยแพร่ออกไป ประธานหวางของจินเมากรุ๊ปก็มาแล้ว หากเป็นพรุ่งนี้ คนที่มาแสดงความยินดีด้วย คงจะต่อคิวยาวเป็นหางว่าวแล้วละ”
สารวัตรกำนันหวางที่คอยคิดจะแก้แค้นเอาคืนครอบครัวเฉินจิงเย่มาตลอด จู่ๆก็ได้หันไปเห็นสาวสวยที่โต๊ะด้านข้าง ทันใดนั้นตาก็เป็นประกาย และฉีกยิ้มขึ้นมา
“ใช่สิ น้องฉี ได้ยินมาว่าหลานสาวหยู่เหมียนเจริญวัยอย่างสวยงาม ทำไมถึงไม่เห็นหล่อนเลยละ?” สารวัตรกำนันหวางเหมือนจู่ๆก็นึกขึ้นได้แล้วถามออกไป
สารวัตรกำนันฉีไม่ได้คิดอะไรมาก หันหลังมองไปที่โต๊ะด้านข้าง “นู่น พวกหล่อนอยู่นู่น”
“บอกให้พวกหล่อนมานั่งด้วยกันสิ โต๊ะของพวกเรายังมีที่ว่างอีกหลายที่เลย!” ฉีหยู่เหมียนบังเอิญหันมามองทางนี้พอดี สารวัตรกำนันหวางจึงโบกมือเรียก “หลานสาวหยู่เหมียน มานั่งนี่สิ!”
สารวัตรกำนันหวางยิ้ม พูดว่า “หยู่เหมียน มานั่งที่นี่มา!”
เฉินโม่มองไปที่ทั้งสองคน สีหน้าเริ่มเย็นชามากขึ้น ตอนนั้นที่เขาเขียนจดหมายรักให้กับฉีหยู่เหมียนมีคนรู้อยู่หลายคน แม้กระทั่งพ่อแม่ของเฉินโม่เองก็รู้ ที่สารวัตรกำนันฉีจงใจให้ฉีหยู่เหมียนไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด
แต่ว่า สารวัตรกำนันหวางกลับทำทุกวิถีทางเพื่อจะเรียกฉีหยู่เหมียนมา เห็นได้ชัดว่าจงใจอยากทำให้เฉินโม่อับอาย
ฉีหยู่เหมียนเดินไปอย่างเงียบๆ นั่งลงข้างสารวัตรกำนันฉี สายตาที่บางครั้งเหลือบไปมองเฉินโม่ เต็มไปด้วยความดูถูก
สารวัตรกำนันหวางหัวเราะอย่างได้ใจ “เด็กสาวโตแล้วเปลี่ยนไปมากจริงๆ ยิ่งโตยิ่งสวย! หน้าตาของหลานสาวหยู่เหมียน สวยงามกว่าดาราในทีวีพวกนั้นเยอะเลย!”
“แต่ว่าหลานหยู่เหมียนต้องตาสว่างไว้นะ อย่าได้ถูกพวกหมาวัดมันมาบังตาเอาละ!” สารวัตรกำนันหวางตีวัวกระทบคราด สีหน้าของเฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินแย่มาก หันไปมองเฉินโม่อย่างเป็นห่วง กลัวว่าเฉินโม่จะรับไม่ไหว
เมื่อเห็นว่าเฉินโม่สีหน้านิ่งเฉย ทั้งสองคนจึงสบายใจ
กำนันหลี่ขมวดคิ้ว เหลือบมองสารวัตรกำนันหวาง แล้วก็เหลือบมองเฉินจิงเย่ คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา
นี่คือการต่อปากกันของทั้งสองคน ฉันอย่าไปยุ่งวุ่นวายดีกว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ของบ้านเฉินจิงเย่โอหังมากเกินไป พูดกระทบสักหน่อยบ้างก็ดี!
เมื่อเห็นว่าครอบครัวเฉินจิงเย่สีหน้าแย่มาก สารวัตรกำนันหวางก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ
“ใช่สิน้องฉี ปีนี้บ้านนายมีญาติพี่น้องกี่คนมาสวัสดีปีใหม่นายหรอ?” สารวัตรกำนันหวางแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่คิดมาก
แต่สารวัตรกำนันฉีรู้ทันที ว่าสารวัตรกำนันหวางคิดอยากจะใช้จุดอ่อนของเฉินจิงเย่มาเล่นงานเฉินจิงเย่อีกแล้ว แต่ว่าเขาเองก็ไม่ชอบเฉินจิงเย่เช่นกัน หากสามารถเล่นงานเฉินจิงเย่ได้ เขาเองก็ยินดีที่จะเห็นเช่นกัน
เหลือบมองเฉินจิงเย่ แล้วสารวัตรกำนันฉีก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เยอะหรอก นอกจากรุ่นหลังของญาติพี่น้องพวกนั้นแล้ว แค่พวกผองเพื่อนก็ยี่สิบกว่าครอบครัวแล้วละ”
“งั้นถ้านับญาติพี่น้องด้วย ก็มากถึงสี่ถึงห้าสิบครอบครัวเลยสิ? น้องฉีมีมิตรภาพมากมายจริงๆเลย!” สารวัตรกำนันหวางพูดชื่นชม
“แล้วคุณหวางละครับ? ญาติพี่น้องของคุณคงจะเยอะกว่าอีกมั้งครับ?” สารวัตรกำนันฉีถามอย่างให้ความร่วมมือ
“ไม่เยอะหรอก ก็แค่หกสิบหว่าครอบครัวเท่านั้น เทียบกับกำนันหลี่ของเราแล้วห่างไกลอีกเยอะเลย คนที่มาสวัสดีปีใหม่กำนันหลี่ของพวกเราในทุกๆปี อย่างน้อยก็มากกว่าร้อยแล้วมั้งครับ!” สารวัตรกำนันหวางพูดประจบสอพลอกำนันหลี่ไปด้วยอย่างไม่เกินงาม
วัฒนธรรมแต่โบราณของหัวเซี่ยก็คือ ในช่วงเวลาปีใหม่ บ้านใครที่มีแขกมาสวัสดีปีใหม่เยอะ บ้านนั้นก็จะมีหน้ามีตามีเกียรติอย่างมาก ครอบครัวใหญ่ในยุคสมัยโบราณ ถึงขั้นแข่งขันกันว่าบ้านใครมีแขกมาเยอะกว่ากัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นยุคสมัยนี้ วัฒนธรรมนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
กำนันหลี่เองก็ตามวัฒนธรรม ทั้งที่รู้ว่าสารวัตรกำนันหวางคิดอยากจะใช้เขามาเล่นงานเฉินจิงเย่ แต่ก็ยังพยักหน้า “ก็ธรรมดาทั่วไป เทียบกับนายอำเภอเหมยแล้วยังห่างไกลอีกเยอะ”
ทันใดนั้นสารวัตรกำนันหวางก็หันหน้ามองเฉินจิงเย่ที่สีหน้าไม่ดี ถามว่า “ใช่สิน้องจิงเย่ ไม่ทราบว่าปีนี้บ้านนายมีแขกมาสวัสดีปีใหม่กี่คนกันละ?”