แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 325
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 325
นายอำเภอเหมยพูด “คุณเฉิน ประธานจินครับ ทุกท่านอย่าได้ยืนคุยกันเลย เชิญนั่งเถอะครับ!”
จินเพ่ยอวิ๋นมองเฉินโม่ ผายมือทำท่าเชิญ “คุณเฉินคะ เชิญค่ะ!”
ทุกคนด้านหลังเองก็ไม่มีใครกล้านั่ง ต่างมองไปที่เฉินโม่ สีหน้าเต็มไปด้วยความประจบเอาใจ
เฉินจิงเย่มองดูลูกชายตัวเองด้วยความตกตะลึง มีแต่คำถามเต็มไปหมด
งานฉลองประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่จุดสนใจไม่ได้อยู่ที่นายอำเภอเหมยอีกต่อไป และก็ไม่ใช่จินเพ่ยอวิ๋นด้วย แต่เป็นเฉินโม่
เฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินเองก็กลายเป็นบุคคลผู้ที่ทุกคนต่างก็ชื่นชมประจบ
ทุกคนต่างก็รู้ดี หลังจากวันนี้ไป ตระกูลเฉินจะกลายเป็นผู้สะเทือนในอำเภอเฟิ่งซาน
ในอีกหลายวันต่อมา บ้านตระกูลเฉินมีแขกมาไม่หยุด ของขวัญมากมายกองพะเนินเป็นภูเขา
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ถึงช่วงปีใหม่ สถานการณ์ที่ตระกูลเฉินถูกโลกทอดทิ้งได้ถูกทำลายลง เฉินจิงเย่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ลง
เห็นคุณพ่อยิ้มแย้มสดใสออกมาจากใจจริง เฉินโม่เองก็ดีใจเช่นกัน
ปีใหม่วันที่ห้า และก็ถูกเรียกว่าพั่วอู่* ตามวัฒนธรรมหัวเซี่ย หากผ่านพ้นวันนี้ไป ทุกอย่างก็จะไม่มีห้ามอีก
วันนี้ จู่ๆเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็โทรศัพท์มา เชิญให้เฉินโม่ไปรวมตัวกัน พูดอย่างจริงใจมาก
สถานที่รวมตัวก็ยังเป็นร้านพะโล้เฟิ่งซานเหมือนเดิม ในตอนที่เฉินโม่ไปถึง ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวได้รออยู่นานแล้ว
เมื่อเจอเฉินโม่อีกครั้ง ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวรู้สึกระวังตัวเล็กน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นในอำเภอเมื่อวันปีใหม่ที่สอง ทั้งสองคนได้รับรู้แล้ว
มีเพียงแค่เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนที่เป็นเหมือนเคย ท่าทางการกระทำที่มีต่อเฉินโม่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“พวกนายสองคนทำตัวให้มีอนาคตหน่อยได้มั้ย แค่นี้ก็ตกใจกลัว แล้วต่อไปพวกนายยังจะไปทำอะไรได้อีก?” เฉินโม่เอ่ยปากพูดก่อน แม้จะเป็นการพูดกระทบ แต่ก็เพื่อลดความประหม่าของทั้งสอง
ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวยิ้มเขินอาย ถานชิวเซิงพูดยิ้มๆว่า “ฉันบอกแล้วว่าเสี่ยวโม่ก็ยังเป็นเสี่ยวโม่คนเดิม ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปเพราะฐานะตัวตนหรอก ตอนนี้นายเชื่อหรือยัง?”
สวีจื่อหาวกลอกตาใส่ “เมื่อกี้ไม่รู้ใครที่ตื่นเต้นจนเอาแต่เข้าห้องน้ำ!”
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนปิดปากแอบหัวเราะ ถานชิวเซิงเขินอายหน้าแดง
เฉินโม่พูดยิ้มๆว่า “ไม่ว่าต่อไปพวกเราเปลี่ยนไปยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จะไม่เปลี่ยนแปลง!” พูดจบ ก็หันไปมองเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนโดยไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่จงใจ
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วร้อนรน รีบพูดตามว่า “ใช่ มิตรภาพจงเจริญ!” แต่เมื่อพูดจบ ในสายตาก็มีความเศร้าใจปรากฏขึ้น
“มา ชนแก้วเพื่อมิตรภาพจงเจริญ!” ถานชิวเซิงยกแก้วเหล้าขึ้นพูด
สวีจื่อหาวเองก็ยกแก้วขึ้นเงียบๆ มองเฉินโม่และพูดว่า “พวกเราเป็นเพื่อนพี่น้องกัน ไม่ว่าต่อไปพวกเราจะไปพัฒนาเติบโตอยู่ที่ไหน แต่เมื่อแก่ตัวมา ก็ยังหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่ ได้มีสถานการณ์อย่างนี้อีก!”
“ชน!”
ทั้งสี่คนยกแก้วขึ้นพร้อมกัน แม้แต่เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนที่ปกติแล้วไม่ค่อยดื่มเหล้าเองก็ยกขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
แล้วทุกคนก็คุยเรื่องเก้าๆด้วยกัน บรรยากาศอบอุ่น แต่เฉินโม่มักจะเอาแต่มองเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอยู่เสมอ ทำให้เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ
ผ่านไปสักพัก จู่ๆเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็ยกแก้วขึ้น “หลังจากวันนี้ ฉันจะไปที่อื่นกับพ่อแม่แล้ว ต่อไปโอกาสที่เราจะได้เจอกันอีกคงจะไม่เยอะแล้ว การรวมตัวกันในวันนี้ ก็ถือซะว่าเป็นงานกินเลี้ยงส่งแล้วกัน!”
ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวอึ้งไปเล็กน้อย ถานชิวเซิงพูดอย่างตกใจว่า “เสี่ยวเชี่ยน เธอจะไปจากอำเภอเฟิ่งซานแล้วงั้นหรอ? บ้านเธอใช้ชีวิตอยู่ในอำเภอเฟิ่งซานได้อย่างดีีไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงจะไปละ?”
เฉินโม่และสวีจื่อหาวเองก็มองเสี่ยวเชี่ยน หวังว่าเธอจะบอกเหตุผล
“เหอะๆ พ่อแม่ฉันคงจะอยากพาฉันออกไปเจอสังคมข้างนอกละมั้ง! พวกนายไม่ต้องเสียใจ สมัยนี้การเดินทางสะดวก ฉันกลับมาเที่ยวหาพวกนายได้ตลอด” ในสายตาของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมีความจำใจ นอกจากเฉินโม่ พวกถานชิวเซิงทั้งสองคนไม่มีใครเห็น
“ฉันสนับสนุนการตัดสินใจของเสี่ยวเชี่ยน คนเดินขึ้นไปที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ อำเภอเฟิ่งซานของพวกเราเล็กเกินไป ที่ด้านนอกมีช่องทางการพัฒนามากยิ่งกว่า ฉันขอให้เธอเดินทางปลอดภัยราบรื่น!” สวีจื่อหาวรู้ว่าครอบครัวเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้ว อกอย่างเรื่องแบบนี้ก็พูดอะไรมากไม่ได้