แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 33 เสแสร้ง(1)
บทที่ 33 เสแสร้ง(1)
“ใครเป็นเถ้าแก่ของที่นี่?”ด้านหลังของชายหัวล้าน ชายหนึ่งย้อมผมสีเหลืองคนหนึ่ง พูดตะโกนอย่างจองหอง
กลุ่มนักเรียนตกตะลึงทันที ทั้งสามคนมองดูแล้วก็ไม่ใช่คนดีอะไร หรือว่ามาหาเรื่องงั้นเหรอ?
มีเพียงแค่โจวหาว ก้มหน้าอย่างเงียบๆ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เจี่ยงหยาวลุกขึ้นยืนอย่างค่อนข้างตึงเครียด น้ำเสียงค่อนข้างสั่น : “ขอโทษนะ วันนี้ร้านเพื่งเปิดให้บริการ ไม่รับลูกค้าเป็นการชั่วคราว ถ้าหากพวกพี่ๆอยากทานอาหาร เชิญไปร้านอื่นเถอะ!”
ทั้งสามคนเบี่ยงสายตาจดจ่อไปยังเจี่ยงหยาวทันที นัยน์ตานำมาซึ่งความหมายที่รุกราน
“ไอโย ยังมีน้องสาวที่สวยขนาดนี้ด้วย สาวน้อย บอกพี่หน่อย แกเป็นใครในร้านอาหารแห่งนี้เหรอ?”ชายหัวล้านพูดแล้ว เดินไปยังเจี่ยงหยาวพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เลย
“พวกแกเป็นใคร?คิดจะทำอะไร!”แม่ของเจี่ยงหยาวได้ยินการเคลื่อนไหว เดินออกมาจากด้านหลังครัว เอ่ยถามชายหัวล้านพร้อมจ้องมองด้วยความโกรธ
ชายหัวล้านหยุดเดินทันที หันหน้ามองไปยังแม่ของเจี่ยงหยาว : “แกคือเถ้าแก่ของที่นี่?”
“ใช่ พวกแกจะทำอะไร?”แม่เจี่ยงหยาวพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“จะทำอะไร?เธอถามฉันจะทำอะไร?เพื่อนๆ พวกแกบอกเธอซิว่าเราจะทำอะไร?”ชายหัวล้านพูดโอ้อวดพร้อมหัวเราะเสียงดังลั่นกับลูกสมุนทั้งสอง
ลูกสมุนทั้งสองก็หัวเราะเยาะตามครู่หนึ่ง หนึ่งในนั้นพูดว่า : “ในเมื่อพวกแกเปิดร้านอาหารที่นี่ หรือว่าไม่เคยสอบถามมาก่อนล่วงหน้าว่า หน้าร้านของถนนเส้นนี้ ใครเป็นคนคุมงั้นเหรอ?”
“ก็คือพี่เสือ ที่ถนนเส้นนี้ พี่เสือก็คือคนคุม!”
ชายวัยรุ่นคนนั้นถามเองตอบเอง ยื่นมือออกไป ยกหัวแม่โป้งขึ้นสูง สีหน้าภาคภูมิใจ
เฉินโม่และคนในกลุ่มเข้าใจทันที สามคนนี้ มาเก็บค่าคุ้มครอง!
แม่ของเจี่ยงหยาวก็เข้าใจเจตนาที่มาของสามคนนี้โดยทันที โมโหอย่างมากทันที : “ฉันไม่สนใจพี่เสือหรือว่าพี่หมานี่หรอกนะ ฉันมีใบอนุญาตร้านอาหาร มีใบรับรองสุขอนามัย ถ้าหากพวกแกกล้ามาวุ่นวาย ฉันจะแจ้งความ!”
ชายหัวล้านสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที พูดพร้อมยิ้มอย่างเยือกเย็นว่า : “ก่อนหน้านี้ก็มีคนใจร้อนที่เพิ่งมาที่นี่จำนวนมากพูดว่าจะแจ้งความ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาต่างก็ไสหัวออกไปจากถนนเส้นนี้แล้วโดยที่จมทุนไม่ได้เงินกลับคืนแม้แต่สตางค์เดียว คิดอยากจะทำธุรกิจบนถนนเส้นนี้ ก็จะต้องเชื่อฟังกฎที่ฉันจางหู่ตั้งขึ้นมา!”
“พวกแกคิดจะเอายังไง?”ในเวลานี้ พ่อของเจี่ยงหยาวใส่ผ้ากันเปื้อน เดินออกมาจากหลังครัว แถมในมือยังถือช้อนมาคันหนึ่งด้วย สีหน้าเคร่งขรึม
ชายหัวล้านถูๆนิ้วมือ หัวเราะเบาๆพร้อมพูดว่า : “กฎเดิม หนึ่งปีหนึ่งหมื่นหยวน ฉันรับรองว่าแกจะอยู่ที่ถนนเส้นนี้อย่างปลอดภัย!”
“หนึ่งปีหนึ่งหมื่นหยวน ตั้งราคาสูงเกินไปแล้วอย่างกับแกจะปล้นเลย?หนึ่งปีพวกเราได้เงินมาเท่าไหร่กันเชียว ?”แม่ของเจี่ยงหยาวโมโหจนตัวสั่น
ชายหัวล้านคิ้วขมวดแน่น ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาพร้อมนั่งลงอย่างวางมาด นั่งไขว่ห้าง และล้วงหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน สมุนที่อยู่ข้างๆคนนั้นรีบจุดไฟให้เขาทันที
ชายหัวล้านสูดลมหายใจเข้าลึก พ่นควันออกมา : “พูดแบบนี้พวกแกคิดจะไม่จ่ายใช่ไหม?”
แม่ของเจี่ยงหยาวเตรียมที่จะเอ่ยปากปฏิเสธ กลับถูกพ่อของเจี่ยงหยาวดึงไว้ : “ไม่ใช่ไม่จ่าย แต่เราทำธุรกิจเล็กๆ ในหนึ่งปีก็ทำเงินได้ไม่เท่าไหร่ ปีละหนึ่งหมื่น มันมากเกินไปจริงๆ!”
ชายหัวล้านค่อนข้างหงุดหงิด : “อย่ามาพูดไร้สาระ ฉันถามแกแค่ประโยคเดียว จ่ายหรือไม่จ่าย”
แม่ของเจี่ยงหยาวตะโกนออกไปว่า : “ทำไมพวกเราต้องจ่ายด้วย แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?ฉันจะบอกแกให้ฟังนะ ตอนนี้เป็นสังคมที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ยังจะมาเก็บค่าคุ้มครองมุกเก่าๆในเมื่อก่อนอีก มันล้าสมัยไปตั้งนานแล้ว”
สีหน้าของชายหัวล้านเคร่งขรึมถึงขีดสุด มองไปยังพ่อของเจี่ยงหยาวพร้อมถามว่า : “นี่เป็นคำตอบของพวกแก?”
พ่อของเจี่ยงหยาวลังเลครู่หนึ่ง มองไปยังภรรยาที่โมโหข้างๆแล้ว แววตาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา : “คำพูดเธอ ก็คือคำตอบของฉัน”
“เหอะๆ ได้ ไม่ได้เจอคนที่จัดการยากอย่างพวกแกแบบนี้มาช่วงระยะหนึ่งแล้วอาเจี๋ย โทรเรียกคนมาหน่อย ต่อไปก็กำหนดโรงอาหารให้อยู่ที่นี่ซะ!”ชายหัวล้านพูดจบ เอนบนเก้าอี้ สีหน้าท่าทางไม่มีเหตุผล
“เข้าใจครับ!”ชายวัยรุ่นคนนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรแล้ว
สีหน้าของแม่เจี่ยงหยาวเปลี่ยนไป : “ฉันโทรศัพท์แจ้งตำรวจ!”
ชายหัวล้านเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มอย่างแปลกประหลาดพร้อมพูดว่า : “แจ้งความ?ได้สิ!ฉันจะรอ”
แม่ของเจี่ยงหยาวเชื่อมั่นมาตลอดว่า บนโลกใบนี้มีความจริงอันยอมรับโดยทั่วไป รีบกดโทรแจ้งความทันที : “สวัสดีค่ะ ที่ร้านของเรามีคนมาหาเรื่องค่ะ”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากปลายสายโทรศัพท์ : “มีคนได้รับบาดเจ็บไหม?”
แม่ของเจี่ยงหยาวตอบกลับด้วยความจริง : “ไม่มี!”
“มีข้าวของเสียหายไหม?”
“ไม่มี!”
“อ๋อ งั้นคุณบอกตำแหน่งของคุณให้ชัดเจน ฉันจะให้ตำรวจในท้องที่ไปทันที !”
“ถนนเหวินเสียง หมายเลข109”
วางสายโทรศัพท์ แม่ของเจี่ยงหยาวจ้องมองชายหัวล้าน : “ตำรวจกำลังจะมา หากตระหนักได้ ฉันแนะนำให้พวกแกรีบไปจะดีกว่า!”
ชายหัวล้านยักไหล่อย่างไม่แยแส : “ไม่เป็นไร ฉันรอตำรวจมา”
ห้านาทีผ่านไป ตำรวจไม่มา แต่สมุนของชายหัวล้านกลับว่ามาสามคนแล้ว นั่งในร้านอาหารอย่างวางมาด ยกขาขึ้นพาดบนโต๊ะ มองดูพ่อแม่ของเจี่ยงหยาว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
บทที่ 32 ใครเป็นตัวตลก(2)
บทที่ 34 เสแสร้ง(2)