แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 335
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 335
พลังอันที่มีพลานุภาพราวกับภูเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่งที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้า และกดขยี้ลงเสียงดัง
ท่าที่สามของหมัดเทพเทียนเสวียน ปราบฟ้าดิน!
แกร๊ก แกร๊ก……
เสียงกระดูกหักต่อกันดังขึ้นเป็นพรวน คนของสำนักหยินทิพย์แห่งแดนสู่ทิพย์จำนวนสิบกว่าคน ถูกหมัดๆนี้ฆ่าเลยโดยตรง ร่างของทุกๆคนล้วนถูกกระแทกเข้าไปในใต้พื้นดิน
มีเฉินโม่เป็นศูนย์กลาง โดยรอบเกิดหลุมรูปร่างมนุษย์สิบกว่าคนขึ้น
ผู้บำเพ็ญของแดนสู่ทิพย์อยู่ตรงหน้าเฉินโม่ ราวกับมดเช่นนั้น!
ยิงอี้สงสามคนมองดูทุกสิ่งทุกอย่างนี้ด้วยความสยดสยอง เนื้อตัวสั่นเทากันทั้งสิ้น “นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย! นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ?”
ทั้งสามคนดีใจที่ตัวเองเลือกที่จะยอมแพ้ ไม่เช่นนั้นชะตากรรมของพวกเขากลัวว่าจะเหมือนกับคนพวกนี้
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่เฉินโม่ด้วยความชื่นชมทั่วใบหน้า กาลครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มเสเพลคนนั้น ได้เติบโตขึ้นถึงขั้นที่องอาจกล้าหาญแบบนี้ มีเขาคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าฟ้าถล่มดินทลายล้วนมิต้องเป็นกังวล
แต่น่าเสียดาย แม้ว่าดวงตาที่เขามองตัวเองจะเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่กลับไม่มีร่องรอยของความรักระหว่างชายหญิงเลยสักนิด
แววตาของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนหมองลงเล็กน้อย เธอรู้ว่าในชีวิตนี้กับเฉินโม่ มีบุญแต่ไร้วาสนา!
“ไอ้หนู ถ้าแกฆ่าคนของสำนักหยินของฉัน ฉันจะใช้ตระกูลของแกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มาชำระความแค้นในวันนี้!” เสียงตะโกนร้องเสียงหนึ่งที่โมโหเดือดดาลดังขึ้นในถ้ำ
ดวงตาของเฉินโม่ราวกับคบไฟ เห็นร่างอ้วนเตี้ยนั้นที่หลบซ่อนตัวในถ้ำ ได้หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเฉินโม่เย็นยะเยือก ในตัวปรากฏเจตนาสังหารที่ทรงพลังขึ้น เหมือนกับอากาศที่เย็นเยือกของโลก ซึ่งดูเหมือนจะแช่คนซะจนแข็ง
“มีคำพูดนี้ของแก ก็เพียงพอแล้วที่ฉันจะทำลายล้างทั้งสำนักหยินทิพย์ของแก”
ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของเฉินโม่ในชาติก่อน คือการที่ญาติมิตรผองเพื่อนมีจุดจบที่น่าเศร้า การเกิดใหม่ในครั้งนี้ ความปรารถนาสูงสุดของเฉินโม่คือการปกป้องญาติมิตรและผองเพื่อน เพื่อชดเชยความรู้สึกเสียใจในชาติก่อน
คำพูดของเจ้าสำนักน้อยสำนักหยิน ได้ล้ำเส้นของเฉินโม่แล้ว
เฉินโม่ไขว้มือทั้งคู่ไว้ที่หลัง ใบหน้าเย็นยะเยือก ในแววตาราวกับปรากฏกองศพท่วมไปทั่วทั้งผืน แล้วค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าและมั่นคงไปยังในถ้ำ
เฉินซงจื่อและเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนรีบตามหลังเฉินโม่ไป ทุกคนต่างมองออกว่า เฉินโม่นั้นโมโหแล้ว
เฉินโม่เข้าไปจากทางเข้าที่ใหญ่ที่สุดในถ้ำ จากนั้นไม่กี่เมตร ห้องหินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของคนหลายคน ชั้นบนสุดของห้องหินฝังด้วยหินเรืองแสงบางส่วน ส่องให้ห้องหินสว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน
คนชุดดำเจ็ดแปดคนยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง และมองเฉินโม่กันอย่างระแวดระวัง มีวัยรุ่น มีวัยกลางคน และยังมีชายชราคนหนึ่งด้วย
คนเหล่านี้ล้วนมีพลังบำเพ็ญในตัว เพียงแต่พลังบำเพ็ญนั้นอ่อนหัด คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เทียบเท่ากับนักบู๊แดนนอก
เจตนาสังหารแว๊บผ่านในแววตาของเฉินโม่ น้ำเสียงไร้ซึ่งร่องรอยของอารมณ์เลยแม้แต่น้อย “ในเมื่อพวกแกเลือกที่จะเข้าร่วมสำนักหยินทิพย์ ก็ได้ลิขิตชะตาของพวกแกเอาไว้แล้ว อย่าได้โทษฉันที่ไร้ความปราณี!”
แค่คิด กระบี่สับสวรรค์ก็ปรากฏแสงสีทองขึ้น และผ่านคอของคนหลายคนไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของคนเหล่านี้แข็งกระด้าง กุมคอเอาไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ตัวเองตายยังไงก็เห็นไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ
ยิงอี้สงสามคนกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่า ชายหนุ่มที่ดูธรรมดาๆคนนี้ เป็นมือขี้ฆ่าที่ไม่มีใครทำให้ขุ่นเคืองได้!
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็ตกใจเช่นกัน ราวกับว่ารู้จักเฉินโม่เป็นครั้งแรก ซึ่งไม่สามารถนำเฉินโม่ที่ราวกับมือขี้ฆ่าตรงหน้า กับชายหนุ่มคนนั้นที่ตัวเองรู้จักเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้
เฉินโม่ไม่แม้แต่จะมองดูซากศพพวกนั้น และยังคงเดินหน้าไปที่ปากถ้ำตรงมุมนั้น โดยที่ได้ตั้งเป้าจิตวิญญาณเอาไว้ที่เจ้าสำนักน้อยตั้งนานแล้ว
เฉินโม่และคนอื่นๆก็ได้มาถึงที่ห้องหินอีกครั้ง พื้นที่ที่นี่เล็กกว่าห้องหินที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาห้องนั้นมากๆนัก ชายชราตัวอ้วนเตี้ยคนหนึ่งยืนอยู่ที่ปลายห้องหินด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทั่วใบหน้า
“ไม่หนีแล้ว?” เมื่อมองไปที่ชายชราที่ดูเหมือนเปลือกไม้ที่เฉี่ยวเฉาตายห่างสามนิ้วตรงหน้า เฉินโม่สีหน้าเฉยเมย
“เหอะๆ หนี? ฉันไม่เคยคิดที่จะหนีมาก่อน ฉันก็แค่ตั้งใจรอนายอยู่ที่นี่!” รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา และมองไปที่เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนด้านหลังเฉินโม่
“หญิงธาตุหยินสุด! เหอะเหอะยิงอี้สงแกทำได้ดีมาก! หลังจากฆ่าไอ้หนูนี้แล้ว ฉันจะใช้วิธีลับบำเพ็ญคู่กับหญิงธาตุหยินสุด ไม่แน่ว่าพละกำลังของฉันอาจจะเก่งเกินกว่าเจ้าสำนัก ต่อไปสำนักหยินทิพย์ก็จะเป็นโลกของฉัน!”