แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 407
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 407
มณฑลเจ้อฟู่ที่ใกล้เคียงกับมณฑลเจียงหนาน เมืองชวีหยาง ตระกูลมู่
หนานกงหลงพ่อของหนานกงหลินเทียน สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวไว้อาลัย ดวงตาแดงก่ำ
สูญเสียลูกชายที่เก่งที่สุดไป หนานกงหลงทั้งเสียใจและโมโหเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาไม่ได้บุ่มบ่าม แล้วเลือกที่จะไปต่อสู้ต่อกรกับเฉินโม่ แต่กลับมาที่บ้านคุณลุงของหนานกงหลินเทียน เพื่อขอความช่วยเหลือ
ผู้นำตระกูลมู่ในปัจจุบัน คือมู่จือเสว๋ ลุงใหญ่ของหนานกงหลินเทียน กำลังต้อนรับหนานกงหลงอยู่ที่ห้องโถง
“พี่มู่ เทียนเอ๋อร์ถูกฆาตกรรม โดนไอ้เดรัจฉานที่ชื่อว่าเฉินโม่คนนั้นทำลาย พี่จะต้องช่วยฉันนะ ช่วยฉันแก้แค้นให้กับเทียนเอ๋อร์!” ใบหน้าของหนานกงหลงที่เดิมทีสง่างาม แต่เนื่องจากความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชาย ทรมานจนตอนนี้มีสีหน้าที่โหดเหี้ยม
มู่จือเสว๋ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก ไว้หนวดเครา ค่อยๆลูบเครา พูดด้วยสีหน้าชั่วร้ายว่า “เทียนเอ๋อร์เป็นหลานชายที่แก่งที่สุดของฉัน ความแค้นของเขาฉันต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน แต่เจ้านั่นกล้ามองข้ามคำขู่ของตระกูลหนานกง แล้วฆ่าเทียนเอ๋อร์ จะต้องมีพลังความสามารถที่ไม่ธรรมดาแน่นอน หรือไม่ก็ต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง”
“พวกเราจะบุ่มบ่ามประมาทไม่ได้!”
ในแววตาของหนานกงหลงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลหนานกงในปัจจุบัน ไม่ใช่ผู้ที่โง่เขลา จึงเข้าใจหลักการการวางแผนก่อนแล้วค่อยลงมือทำ
“พี่มู่ หลายวันมานี้ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เพื่อสืบหาเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้านั่น”
“ฉันสืบมาเรียบร้อยแล้ว เจ้านั่นคือคุณชายของตระกูลเหม่ยหว่ากรุ๊ป ความสามารถน่าจะเก่งกว่าเทียนเอ๋อร์เพียงเล็กน้อย แต่ก็มีอาจารย์คนหนึ่ง เป็นปรมาจารย์แดนดั่งเทพ ได้ยินมาว่าเคยทำการเข่นฆ่าปรมาจารย์คนหนึ่งของตระกูลหลี่เพื่อทำการสักการะด้วย พลังความสามารถไม่ธรรมดา”
มู่จือเสว๋ลูบคลำเครา ยิ้มเยาะว่า “แม้ว่าตระกูลหลี่จะมีฐานะเป็นถึงหกตระกูลมหาอำนาจ แต่คนที่ไม่ได้ใช้พื้นที่แห่งนั้น ปรมาจารย์ของตระกูลหลี่ก็คงจะเป็นแค่ปรมาจารย์ผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับแดนชี่แท้เท่านั้น การถูกเข่นฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร หากว่านี่เป็นเบื้องหลังทั้งหมดที่เจ้าหนุ่มนั้นมีอยู่ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย”
“ว่ามาสิ ว่านายมีความคิดจะทำยังไง?” มู่จือเสว๋มองหนานกงหลง เขารู้ว่าหนานกงหลงจะต้องคิดแผนการการแก้แค้นไว้เรียบร้อยแล้วแน่นอน
หนานกงหลงสีหน้าชั่วร้าย พูดว่า “ทำการจับเหยื่อก็ต้องใช้กำลังทั้งหมด พวกเราอย่าได้ประมาทศัตรูเด็ดขาด ฉันคิดจะร่วมมือกับตระกูลว่าน เล่นงานเจ้าหนุ่มนั่นด้วยการกดดันเหม่ยหวากรุ๊ปก่อน จากนั้นก็หลอกล่อให้เจ้านั่นลงมือ แล้วทำการฆ่ามันทิ้งซะ”
“เพียงแค่จัดการกับเจ้านั่นและอาจารย์ของมันทิ้ง แล้วฉันค่อยทำการฆ่าล้างตระกูลคนอื่นๆของมัน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับเทียนเอ๋อร์!”
หนานกงหลงเคียดแค้น พลังบำเพ็ญของหนานกงหลินเทียนสูงมากกว่าเขา เป็นความหวังในอนาคตของตระกูลหนานกง และก็เป็นลูกชายที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ไม่พูดก็รู้ได้ว่า ความเกลียดชังที่เขามีต่อเฉินโม่นั้นมากมายเพียงใด!
มู่จือเสว๋พยักหน้า “ในเมื่อนายมีแผนแล้ว อย่างนั้นก็ทำตามแผนการซะ หากต้องการให้ฉันช่วย ก็บอกมาได้เต็มที่ การแก้แค้นให้กับหลานชาย มันเป็นหน้าที่ของฉันที่มีฐานะเป็นลุงอยู่แล้ว”
หนานกงหลงพูดว่า “ที่ผมมาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะให้พี่มู่ยืมตัวคนคนหนึ่งให้กับผม เพื่อเป็นการอำนวยแผนการแก้แค้นของผมครับ”
มู่จือเสว๋นึกคิดวิเคราะห์ จากนั้นก็พูดว่า “อย่างนั้นก็ให้เจิ้งเฟิงไปกับนายแล้วกัน!”
“น้องเจิ้งเฟิงกลับมาแล้วงั้นหรือครับ? อย่างนั้นก็ดีมากเลยครับ!” หนานกงหลงดีใจอย่างมาก มู่เจิ้งเฟิงเป็นลุงสองของหนานกงหลินเทียน และก็เป็นคนในตระกูลมู่อันดับสองนอกจากมู่จือเสว๋
หนานกงหลงพามู่เจิ้งเฟิงเดินทางสู่ฮ่านหยาง ส่วนคำสั่งระดมพลของเฉินโม่เองก็ได้รับผลมามากมายแล้วเช่นกัน
เวลาเพียงไม่กี่วัน ฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอานรวมทั้งพวกผู้มีอิทธิพลอื่นๆ ต่างก็ส่งตัวแทนมาส่งมอบหินทิพย์ที่ค้นหามาได้มายังที่คฤหาสน์ริมทะเลสาบกลับกลับคืนรัง
นอกจากหินทิพย์ธาตุน้ำและธาตุไม้ที่เฉินโม่ต้องการนำมาสร้างค่ายกลรวมพลังทิพย์แล้ว ยังมีหินหยกที่มีคุณภาพดีอีกไม่น้อย แต่ว่า หลายวันมานี้ ก็ทำให้ยาเสริมจิตที่เฉินโม่สะสมไว้เสียไปหมดเกลี้ยงเช่นกัน