แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 412
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 412
ข่าวร้ายตามกันมาติดๆ เพียงแค่เป็นสายธุรกิจที่เหม่ยหวากรุ๊ปข้องเกี่ยวด้วย ก็มักจะมีในส่วนของตระกูลว่านออกมาพร้อมกัน แล้วทุกธุรกิจของตระกูลว่าน ล้วนประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้จะเป็นคนโง่ ก็ยังสามารถดูออกได้ว่าตระกูลว่านมีผู้วิเศษอยู่
ภายในห้องทำงานของเหม่ยหวากรุ๊ป หลี่ซู่เฟินยังอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ เปิดดูรายงานผลงานของธุรกิจต่างๆของเหม่ยหวากรุ๊ปด้วยสีหน้าทรุดโทรม
หดหู่ไปหมด ผลงานของทั้งหมดล้วนตกต่ำลง เวลาสั้นๆเพียงหนึ่งอาทิตย์ เหว่ยหวากรุ๊ปก็ขาดทุนนับร้อยล้านแล้ว
ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะไม่เกินหนึ่งเดือน เหม่ยหวากรุ๊ปก็สามารถยื่นเรื่องล้มละลายได้แล้ว
“เห้อ ตระกูลว่านได้ความช่วยเหลือจากใครกันแน่นะ? การโจมตีในครั้งนี้ถึงได้เก่งกาจขนาดนี้!” หลี่ซู่เหินถอนหายใจด้วยสีหน้าหมดหนทางสู้
เวินฉิงเทน้ำชาแก้วหนึ่ง วางไว้บนโต๊ะของหลี่ซู่เฟิน แล้วพูดอีกครั้งว่า “ท่านประธานคะ โทรไปถามเสี่ยวโม่กันเถอะค่ะ ถ้าหากยังรอต่อไป พวกเราจะเสียหายมากกว่านี้อีกนะคะ”
น้ำเสียงของเวินฉิงมีความอ้อนวอนแฝงอยู่ด้วย
หลี่ซู่เฟินมองเวินฉิง แล้วพยักหน้าอย่างจำใจ “โอเค เธอโทรไปถามเสี่ยวโม่ ดูสิว่าเขามีวิธีการอะไรมั้ย”
เมื่อเทียบกับความเศร้าลำบากที่เหม่ยหวากรุ๊ปแล้ว ว่านซื่อกรุ๊ปกลับมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมาก
ภายในห้องพักผ่อนของว่านฉางหรู ทุกคนกำลังยกแก้วเฉลิมฉลอง
“มู่ไต้ซือครับ คุณหนานกง ครั้งนี้เป็นเพราะมีทั้งสองท่านช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทำให้ตระกูลว่านของผมสามารถเหยียบย่ำเหม่ยหวากรุ๊ปได้! มาครับ ผมขอเคารพทั้งสองท่านหนึ่งแก้วครับ!” ว่านฉางหรูยกแก้วขึ้น ดื่มจนหมดแก้ว
พ่ายแพ้ให้กับเหม่ยหวากรุ๊ปมาหลากหลายครั้ง ในที่สุดครั้งนี้ว่านฉางหรูก็ได้เอาคืนยินดีปรีดาซะที
หนานกงหลงและมู่เจิ้งเฟิงเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วค่อยๆดื่มจนหมด
ว่านฉางหรูมองดูมู่เจิ้งเฟิงที่สวมใส่เสื้อเพ้าสีเขียว มัดผมม้วนไว้ แล้วพูดยิ้มแย้มอย่างประจบว่า “มู่ไต้ซือครับ หลายวันมานี้ผมถือว่าได้เปิดโลกมากเลยครับ ไม่คิดเลยว่าวิชากลั่นยาจะยังมีประโยชน์มากเช่นนี้อีก! ไม่เพียงแต่สามารถใช้ในธุรกิจอาหาร แล้วยังสามารถใช้ในธุรกิจยาอีกด้วย แม้กระทั่งธุรกิจด้านโรงแรมก็ยังสามารถใช้ได้ ครั้งนี้ผม ได้เรียนรู้อย่างมากจริงๆครับ!”
มู่เจิ้งเฟิงพูดนิ่งๆว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยง่ายดาย ไม่มีอะไรให้ชื่นชม”
หนานกงหลงสีหน้าหยิ่งยโส พูดว่า “เหม่ยหว่ากรุ๊ปเป็นเพียงแค่ผู้มีอำนาจในโลกมนุษย์เท่านั้น ไม่มีค่าให้ชื่นชมพูดถึง ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้นเฉินโม่ ตระกูลหนานกงของฉันก็สามารถทำลายได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรให้น่ายินดี”
“ใช่สิ เจ้าหนุ่มเฉินโม่คนนั้นยังไม่ปรากฏตัวอีกงั้นหรอ? มันช่างอดทนอดกลั้นได้เก่งจริงๆ! หึ!” เมื่อพูดถึงเฉินโม่ ในแววตาของหนานกงหลงก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แทบอยากจะฉีกเนื้อเฉินโม่ทิ้ง
มู่เจิ้งเฟิงมองดูหนานกงหลง พูดนิ่งๆว่า “ใจเย็นอย่าบุ่มบ่าม ยังไงซะเหม่ยหวากรุ๊ปก็มีความสามารถไม่ธรรมดา ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ ยังไม่เพียงพอที่จะบีบบังคับมันจนถึงทางตัน รอจนหลี่ซู่เฟินแบกรับไม่ไหวแล้ว ก็จะแจ้งไปที่เฉินโม่เอง”
สีหน้าของหนานกงหลงดีขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงเย็นชาว่า “ผมแค่โกรธที่ไม่สามารถรีบฆ่าเฉินโม่ทิ้ง แล้วแก้แค้นให้กับเทียนเอ๋อร์”
ในแววตาของว่านฉางหรูมีความชั่วร้ายแวบเข้ามา ว่านเหวินโยวถูกหักขาสองข้าง แทบจะเกือบพิการ แล้วเขาจะไม่อยากฆ่าเฉินโม่งั้นหรือ? เพียงแต่พวกเขาดูถูกความเข้มแข็งของหลี่ซู่เฟินมากเกินไป อดทนแบกรับมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่แจ้งไปที่เฉินโม่อีก
“ผมได้ข่าวมาว่า หลี่ซู่เฟินแจ้งไปให้เฉินโม่รู้เรื่องแล้ว ช้าที่สุดก็วันพรุ่งนี้ เฉินโม่ก็จะมาถึงที่เมืองฮ่านหยาง ถึงตอนนั้น ก็จะถึงเวลาที่พวกเราได้ทำการล้างแค้นแล้วครับ” คนที่ว่านฉางหรูส่งไปสอดแนมข้างกายหลี่ซู่เฟิน ได้แจ้งการกระทำของหลี่ซู่เฟินให้กับว่านฉางหรูเรียบร้อยแล้ว
“ดี พรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เป็นคนตัดหัวของไอ้หนุ่มเฉินโม่นั่นด้วยตัวเอง!” หนานกงหลงคำราม แล้วโยนแก้วเหล้าลงพื้นแตกกระจายไปทั่วพื้น