แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 579
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 579
“กระบี่ฟ้าใช้กับฉันไม่ได้!”
โจนส์ยิ้มชั่วร้าย แขนที่ถูกตัดขาดงอกออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว
“งั้นหรอ?” เฉินโม่ยิ้ม กระบี่สับสวรรค์ส่องแสงสีทองอีกครั้ง แขนของโจนส์ที่เพิ่งงอกออกมา ถูกเฉินโม่ตัดทิ้งอีกครั้ง
โจนส์สีหน้าเยาะเย้ย จ้องเฉินโม่แล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันคือแวมไพร์อมตะ นายฆ่าฉันไม่ตายหรอก!”
ทันใดนั้น แขนที่ขาดของโจนส์ก็งอกออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนรู้สึกตะลึง พูดอย่างกังวลว่า “ฉันเคยได้ยินมาว่าชนเผ่าแวมไพร์มีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างมาก นอกจากว่าจะแทงทะลุหัวใจ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางฆ่าตายได้!”
“ตอนนี้ดูแล้ว คำเล่าลือเป็นเรื่องสินะ!”
โจนส์ยิ้มเยาะ “หัวใจของแวมไพร์พวกเรา ไม่เหมือนกับมนุษย์อย่างพวกแก คิดอยากจะโจมตีหัวใจของฉัน แกต้องหามันให้เจอก่อน!”
เฉินโม่หัวเราะเยาะ “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ดูสิว่าความเร็วของการงอกเงยของมันเร็ว หรือว่ากระบี่ของฉันเร็ว!”
เฉินโม่หรี่ตา กระบี่สับสวรรค์ลุกขึ้นอีกครั้ง มีความเร็วกว่าเมื่อกี้อีกหลายเท่า เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ได้ทะลุร่างกายของโจนส์จนกลายเป็นรูใหญ่
โจนส์ส่งเสียงคำรามออกมา “ไม่ เป็นไปได้ยังไง!”
ร่างกายของโจนส์ แหลกละเอียดเป็นหลายสิบท่อน ถึงแม้จะไม่ได้โจมตีโดนหัวใจ แต่เขาก็ไม่สามารถแปลงกลับเป็นเหมือนเดิมได้
เฉินโม่พูดนิ่งๆว่า “ชนเผ่าแวมไพร์ไม่ได้มีร่างกายอมตะ จุดอ่อนของพวกเขาก็ไม่ใช่หัวใจ เพียงแค่ทำร้ายพวกเขาเกินกว่ากำหนดที่ร่างกายพวกเขาจะรับได้ ก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย”
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะครับ!” ชายวัยกลางคนโค้งตัวคำนับ นับถือเฉินโม่จากใจจริง
เฉินโม่หยิบเอาตราเทพอินทรีดวงนั้นออกมา ยื่นให้กับชายวัยกลางคน “ของสิ่งนี้นายนำไปมอบให้กับหยางติ่งเทียนเองแล้วกัน!”
ชายวัยกลางคนส่ายหัว ใบหน้ายิ้มขมขื่น “ไม่ทันแล้วครับ เมื่อกี้ผมถูกคาถามนต์ดำสิงร่างของพ่อมดแห่งความชั่วร้ายโจมตี วิญญาณได้ถูกกัดกินไปกว่าครึ่งแล้ว มีชีวิตได้อีกนานแล้วครับ!”
เฉินโม่เคลื่อนไหวร่างกายมาข้างเขา จี้เข้าที่จุดระหว่างกลางหน้าผากของเขา
เฉินโม่สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย “ในเมื่อนายรู้ว่าวิญญาณของนายถูกทำลาย ทำไมถึงไม่พูดแต่แรก? ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นฉันก็ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้!”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างหลุดพ้น “ผมมีชีวิตอยู่ เพียงเพื่อนำข่าวสารกลับไปแจ้ง เมื่อเห็นคุณปรากฏตัว ผมก็ไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตรอดกลับไปแล้วครับ”
“พี่น้องของผมล้วนตายไปหมดแล้ว ผมจะมีหน้ามีชีวิตรอดคนเดียวได้ยังไงกันครับ? ผมจะไปพบกับพี่น้องผมแล้ว ผู้อาวุโสครับ รบกวนด้วย!”
พูดจบ ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างอาจหาญ แล้วเดินไปทางที่ทิศที่ผ่านมา
ท้องฟ้ายามเย็นสีแดงเดือด แผ่นหลังของเขามีความเศร้าโศก!
เฉินโม่มองดูชายคนนี้ที่ไม่รู้จักกันเงียบๆ มองดูอยู่เช่นนี้ ไม่พูดจาอะไรใดๆ จนกระทั่งแผ่นหลังที่เศร้าโศกของเขาหายไปจากเส้นขอบทะเลทราย
“ที่จริงแล้ว นายมีโอกาสมีชีวิตรอด!”
เฉินโม่มองดูตราสีเงินในมือ นกอินทรีที่กางปีกในนั้นเหมืองดั่งมีชีวิต ทั้งดื้อรั้น หยิ่งยโส ทะยานสู่ฟ้า!
หัวนกอินทรีที่ถูกย้อมเป็นสีทอง เหมือนดั่งมงกุฎที่ถูกบันทึกเกียรติยศนักรบ ทั้งแพรวพราวดึงดูสายตา และไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
เฉินโม่กำตราดวงนั้นไว้ ตราที่เดิมทีควรจะเย็นเฉียบ แต่ตอนนี้กลับมีความร้อนมือ
เพียงแค่คำว่าหัวเซี่ย เขาเลือกที่จะเชื่อเฉินโม่อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เพียงแค่คำว่าหัวเซี่ย เขาสามารถยินดีที่จะยอมตาย!
หันหลัง เฉินโม่ก้าวเดินจากไป เพียงแต่ฝ่าเท้ากลับมีความหนักอึ้งมากขึ้น
เฉินโม่ใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน ก็เดินออกมาจากทะเลทรายแล้ว มาจนถึงเมืองบรัสเซ
แต่เมื่อขณะที่เฉินโม่กำลังจะเหมารถกลับไปยังอู่โจว จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไป ไอสังหารแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ต้นไป่หยางเงินต้นหนึ่งที่อยู่ข้างกายเฉินโม่ เหี่ยวแห้งในพริบตา