แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 650
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 650
“การที่พวกคุณทำเช่นนี้ เท่ากับดูถูกกฎหมายของโลกมนุษย์ พี่เว่ย คุณอยากให้เครื่องบินและปืนใหญ่ของกองทัพพุ่งเป้าไปที่ตระกูลเว่ยของคุณเหรอ!” ถึงแม้ว่าชายหนุ่มตระกูลเซวียจะรู้สึกหวาดหวั่น แต่การเคลียร์ปัญหาของเขายังคงสุขุมรอบคอบ
“ผมแค่ขอให้น้องสาวของคุณดื่มเหล้าเป็นเพื่อนพวกเราเท่านั้น แล้วคุณคิดว่าเจ้าหน้าที่จะแตกหักกับตระกูลเว่ยเหรอ” เว่ยอวี้เฉิงกล่าวเยาะเย้ย เพราะตระกูลเว่ยมีปรมาจารย์คอยดูแล ขอเพียงแค่เขาไม่ฆ่าคนตาย เจ้าหน้าที่ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
สีหน้าของพี่น้องตระกูลเซวียเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มตระกูลเซวียตะโกนด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าเหรอ!”
“ลงมือ!” เว่ยอวี้เฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และตะโกนเสียงดัง
แล้วชายหนุ่มพวกนั้นก็พุ่งเข้าไปหาสองพี่น้องตระกูลเซวียทันที
“หยุด!”
เสียงแผ่วเบาจะดังมาจากทุกทิศทาง ตามมาด้วยร่างที่เหมือนวิญญาณ ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพี่น้องตระกูลเซวียทันที และเขาก็คือเฉินโม่
เว่ยอวี้เฉิงและคนอื่น ๆ รู้สึกตกใจ มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณมาได้อย่างไร?”
สีหน้าของเฉินโม่ราบเรียบ และเสียงก็ราบเรียบเช่นกัน “ผมเดินมา”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของผู้ชมที่ดังอยู่รอบ ๆ ทำให้เว่ยอวี้เฉิงยั้งสติไม่อยู่
สีหน้าของเว่ยอวี้เฉิงแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายและโมโหมาก และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นใคร? คิดจะยุ่งเรื่องของตระกูลเว่ยเหรอ?”
เฉินโม่จ้องมองเว่ยอวี้เฉิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เมื่อสักครู่คุณยังบอกว่าผมเป็นคนหลอกลวง คุณลืมผมเร็วเกินไปหรือเปล่า?”
เว่ยอวี้เฉิงตกตะลึงครู่หนึ่ง มองเฉินโม่และถามด้วยความสงสัยว่า “คุณก็คือเฉินไต้ซือ?”
ชายหนุ่มที่เหลือถอยหลังอย่างรวดเร็ว มองเฉินโม่ด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดใส่ร้ายเฉินไต้ซือลับหลังด้วยความกำเริบเสิบสาน แต่ถึงอย่างไรฉินไต้ซือก็เป็นคนที่ชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วฮ่านหยาง จึงทำให้พวกเขาไม่กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าเฉินไต้ซือ
พี่น้องตระกูลเซวียไม่เคยเห็นหน้าเฉินไต้ซือมาก่อน พวกเขามองเฉินโม่ด้วยความสงสัยเช่นกัน โดยเฉพาะน้องสาว ใบหน้าที่สวยงามของเธอ มีความตื่นเต้น ความอยากรู้อยากเห็น แล้วยังมีความสงสัยอีกด้วย
“คุณคือเฉินไต้ซือจริง ๆ เหรอ?”
เฉินโม่พยักหน้า “จริงแท้แน่นอน!”
“จริงเหรอ เยี่ยมมากเลย ฉันชื่อเซวียจื่ออี นี่คือเซวียมู่หัวพี่ชายของฉัน จริงสิ คุณคงไม่รู้จักพวกเรา แต่คุณต้องรู้จักคุณปู่ของฉันอย่างแน่นอน คุณปู่ของฉันคือเซวียเชียนเหอ!” หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็ว
“คารวะเฉินไต้ซือ!” เซวียมู่หัวไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับเซวียจื่ออี เขาประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับเฉินโม่ด้วยความสุภาพ และมีความสงสัยอยู่ในสายตา
เว่ยอวี้เฉิงกล่าวเยาะเย้ยทันทีว่า “บังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร ผมเพิ่งพูดถึงเฉินไต้ซือ แล้วเฉินไต้ซือก็ปรากฏตัวออกมา หรือว่าเฉินไต้ซือจะรู้ล่วงหน้า?”
“เจ้าเด็ก คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมคุณต้องสวมรอยเป็นเฉินไต้ซือ แล้วเป็นศัตรูกับผม?” เว่ยอวี้เฉิงตัดสินแล้วว่าเฉินโม่เป็นนักตุ้มตุ๋น
ชายหนุ่มที่เหลือถึงได้สติกลับมา และรู้สึกว่าตนเองถูกเฉินโม่หลอก พวกเขามองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เฉินโม่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเว่ยอวี้เฉิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไสหัวออกไป!”
“แกมันรนหาความตาย!” กล้าบอกให้เว่ยอวี้เฉิงไสหัวออกไปต่อหน้าสาธารณชน เพียงแค่ประโยคเดียวก็สามารถทำให้เว่ยอวี้เฉิงระเบิดอารมณ์อย่างสิ้นเชิง
เว่ยอวี้เฉิงถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่ของตระกูลเว่ย และในบรรดาคนรุ่นเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง ซึ่งผู้นำตระกูลเว่ยให้ความสำคัญกับเขามาก จนทำให้เขามีนิสัยเย่อหยิ่งและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
เว่ยอวี้เฉิงลงมือเคลื่อนไหวทันที และใช้พลังทั้งหมดเพื่อต้องการฆ่าเฉินโม่ให้ตายทันที
“ระวัง!” เซวียจื่ออีอุทาน
เฉินโม่ไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่โบกมือเบา ๆ แล้วร่างกายของเว่ยอวี้เฉิงก็เหมือนลูกบอลที่ถูกพลังมหาศาลพัดพากระเด็นออกไป
ปัง!
กระแทกกับผนังทันที เว่ยอวี้เฉิงถึงได้หยุดลง
“คุณชายเว่ย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชายหนุ่มพวกนั้นรีบวิ่งเข้าไป พยุงเว่ยอวี้เฉิงที่นอนอยู่บนพื้น
พู่!
เว่ยอวี้เฉิงพ่นเลือดออกมาเต็มปาก มองเฉินโม่ด้วยความหวาดกลัว และคำรามว่า “แกกล้าทำร้ายฉัน เจ้าเด็ก ถึงแม้ว่าแกจะเป็นเฉินไต้ซือจริง ๆ ตระกูลเว่ยของฉันก็ไม่ปล่อยแกไป อย่าลืมว่าที่นี่คือเจียงหนาน ไม่ใช่ฮ่านหยางของแก!”