แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 666
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 666
“นี่คือกระบี่สับสวรรค์!” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วยื่นมือชี้ออกไปอีกครั้ง กระบี่สับสวรรค์คำรามอีกครั้ง แล้วฟันไปที่ร่างกายของตาเฒ่าเว่ย
“แย่แล้ว คุณปู่รีบหนีเร็ว!” เว่ยอวี้เฉิงตะโกนด้วยความตกใจกลัว จากนั้นเตรียมที่จะวิ่งไปหลบอยู่ด้านข้าง
ตอนนี้ตาเฒ่าเว่ยสูญเสียแขนไปทั้งสองข้างแล้ว กระบี่สับสวรรค์ก็สามารถทะลวงผ่านพลังป้องกันบนร่างกายของเขาได้ ดังนั้นจึงทำให้เขาไม่สามารถต้านได้
ช่วงเวลาวิกฤต มีความโหดเหี้ยมปรากฏอยู่บนใบหน้าของตาเฒ่าเว่ย จากนั้นเขาใช้เท้าเตะเว่ยอวี้เฉิงที่อยู่ข้างกาย ไปต้านกระบี่สับสวรรค์
“โอ๊ย!”
เลือดโปรยปรายดั่งสายฝน ร่างกายของเว่ยอวี้เฉิงขาดเป็นสองท่อน จนกระทั่งตอนที่เขาตายก็ยังเปิดตากว้าง และไม่อยากจะเชื่อว่าปู่ของเขาจะทำเช่นนี้
ตาเฒ่าเว่ยใช้โอกาสนี้ กระโดดหลบเลี่ยงการโจมตีของกระบี่สับสวรรค์
เมื่อลูกน้องสองคนของเว่ยอวี้เฉิงเห็นภาพนี้ พวกเขาตกใจจนขาสั่น ร้องเสียงดังแล้ววิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
ตาเฒ่าเว่ยฆ่าคนจนไม่สามารถหยุดได้แล้ว เขาหัวเราะแปลก ๆ และกล่าวว่า “คิดจะหนีเหรอ?”
เขาขยับร่างกาย แล้วปรากฏอยู่ด้านข้างชายหนุ่มคนหนึ่ง อ้าปากแล้วกัดคอของชายหนุ่มคนนั้น ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ดูดจนร่างกายของชายหนุ่มกลายเป็นซากศพทันที
ชายหนุ่มอีกคนตกใจจนทรุดตัวลงบนพื้น ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่จะหลบหนี กระแสน้ำอุ่น ๆ ไหลออกมาจากร่างกายส่วนล่างอย่างช้า ๆ
ตาเฒ่าเว่ยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หลังจากดูดซับพลังชีวิตของชายหนุ่มคนนั้นเสร็จ เขาก็ดูดซับพลังชีวิตชายหนุ่มอีกคนจนกลายเป็นซากศพเหมือนกัน
หลังจากดูดซับพลังชีวิตของชายหนุ่มทั้งสองคนแล้ว ใบหน้าของตาเฒ่าเว่ยเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ รอยย่นบนผิวหนังหายไปไม่น้อย และอายุน้อยลงหลายปี
เซวียมู่หัวรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เขาไม่ใช่มนุษย์นานมาแล้ว เขาเป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการดูดซับพลังชีวิตของคน เมื่อชีวิตของเขาถูกคุกคาม เขาจะเหลือเพียงสัญชาตญาณที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปเท่านั้น โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ”
“แล้วน้องสาวของผมล่ะ….” เซวียมู่หัวรู้สึกกังวลมาก เขาไม่กล้าพูดต่อ และไม่สามารถจินตนาการถึงผลลัพธ์แบบนั้น
“วางใจเถอะ น้องสาวของคุณน่าจะไม่เป็นไร ผมสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของเธอ!” เฉินโม่กล่าว
“จัดการเขาก่อน แล้วค่อยไปตามหาน้องสาวของคุณ”
ขณะนี้ตาเฒ่าเว่ยรู้สึกว่ากระฉับกระเฉง และมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปาก ยิ้มด้วยความชั่วร้ายและกล่าว “เจ้าเด็ก ดูเหมือนว่าแกจะสนใจผู้หญิงคนนั้นมาก เยี่ยมมาก ฉันจะดูดซับพลังชีวิตของเธอตอนนี้ เพื่อล้างแค้นให้หลานชายของฉัน!”
การเคลื่อนไหวของตาเฒ่าเว่ยเร็วมาก เขาแค่ขยับร่างกาย ก็พุ่งออกไปนอกหน้าต่างแล้ว
“รนหาความตาย!”
เฉินโม่รู้สึกโกรธ เขาขยับร่างกาย และไล่ตามตาเฒ่าเว่ย ขณะเดียวกัน กระบี่สับสวรรค์ขยายใหญ่กลางสายลม กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ ไล่ตามหลังตาเฒ่าเว่ย แล้วฟันไปที่หลังของเขา
ฉึก!
ร่างกายของตาเฒ่าเว่ยถูกตัดออกเป็นสองท่อน เพียงแต่ร่างกายทั้งสองท่อนยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้ และวิ่งไปข้างหน้าต่อ
“นึกไม่ถึงว่าแกจะกลายเป็นปีศาจไปแล้ว ถ้าให้เวลาแกอีกไม่กี่ปี เกรงว่าแกคงจะสามารถฝึกจนกลายเป็นมารศพแล้ว”
เฉินโม่ยื่นมือออกไป หยกแขวนปรากฏอยู่ในมือ แล้วเขาก็ใช้ค่ายกลไฟแท้สมาธิ
“ไป!”
ปลิวไฟที่เป็นประกายสองเส้นไล่ตามซากร่างกายทั้งสองท่อนของตาเฒ่าเว่ยไปทันที เมื่อไฟแท้สมาธิเผชิญกับซากศพ เหมือนกับไฟที่โหมกระหน่ำเผชิญกับฟืนที่แห้ง ลุกโชนขึ้นมาทันที
มีเสียงแตกและเสียงเปลวไฟลุกโชน ตาเฒ่าเว่ยไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่ประโยคเดียว แล้วเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านสองกอง
เซวียมู่หัวมองด้วยความหวาดผวาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างระมัดระวัง “เฉินไต้ซือ น้องสาวของผม เธอ…..”
เฉินโม่ปล่อยพลังจิตสัมผัสบริเวณรอบ ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตามผมมา”
เซวียจื่ออีถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน มองแล้วห้องใต้ดินนั้น น่าจะเป็นสถานที่ที่ตาเฒ่าเว่ยอาศัยอยู่ คนประเภทนี้ ได้สูญเสียคุณสมบัติที่จะอาศัยอยู่ในสถานที่มีแสงสว่างแล้ว
เมื่อเห็นเฉินโม่และเซวียมู่หัว ใบหน้าซีดเซียวของเซวียจื่ออีสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น ร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่ในอ้อมแขนของเซวียมู่หัว
โชคดีที่เฉินโม่มาทันเวลา เซวียจื่ออีไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ถ้าเขามาช้ากว่านี้ เกรงว่าเซวียจื่ออีคงจะถูกคนสารเลวอย่างเว่ยอวี้เฉิงย่ำยีแล้ว