แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 668
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 668
เวลาบ่ายสามโมงกว่า ผู้นำบ้านมู่หรงเค่อออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เขาพาคนมารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ราวกับว่ามาต้อนรับแขกพิเศษ
หลังจากเฉินโม่มาถึงวิลล่าชิงหลงของตระกูลมู่หรงแล้ว เขาเห็นมู่หรงเค่อพามู่หรงยานเอ๋อร์ที่สวมชุดยาวสีชมพู ผมยาวคลุมไหล่ ใบหน้าสวยงามเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น แล้วยังมีเหล่าสมาชิกของตระกูลมู่หรงที่ยืนด้วยท่าทางเหมือนมารอนานแล้ว
“เฉินไต้ซือ!” มู่หรงเค่อสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ ประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ
เฉินโม่พยักหน้าเบา ๆ ถือเป็นการทักทาย เขาไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อหรงเค่อ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้ามู่หรงยานเอ๋อร์แล้ว เขาจะไม่สนใจมู่หรงเค่อ
มู่หรงยานเอ๋อร์เดินมาข้างหน้าอย่างมีความสุข คล้องแขนเฉินโม่อย่างอ่อนโยน เธอบังเอิญสัมผัสแขนของเฉินโม่โดยไม่ตั้งใจ ทำให้เธอรู้สึกเพลิดเพลินกับการสัมผัสนั้น
“เฉินไต้ซือ เชิญเข้าไปข้างในเถอะ!” มู่หรงยานเอ๋อร์ยิ้มอย่างซุกซน ยื่นมือเรียวยาวออกมาเป็นการเชิญ
เฉินโม่ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดล้อเล่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่า “คุณหนูมู่หรง เชิญ!”
มู่หรงยานเอ๋อร์ยิ้มจนแก้มปริ หยกแขวนที่อยู่บนหน้าอกแกว่งไปมา
มู่หรงเค่อและพ่อบ้านลุงสุ่ยมองภาพนี้ ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
ลุงสุ่ยกล่าวเบา ๆ ว่า “โชคดีที่มีคุณหนูยานเอ๋อร์ มิเช่นนั้นพวกเราไม่เพียงแค่ไม่มีวาสนากับคนใหญ่คนโตเท่านั้น แล้วยังไปล่วงเกินเขาอีกด้วย!”
มู่หรงเค่อเม้มปากและถอนหายใจด้วยความจำใจ “ใครจะคิดว่านักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งจะกลายเป็นเฉินไต้ซือ ต้องขอบคุณความยึดมั่นถือมั่นของยานเอ๋อร์ ถ้าเธอเชื่อฟังผม แล้วตีตัวออกห่างจากเฉินไต้ซือ เกรงตระกูลมู่หรงคงจะไม่มีวันฟื้นได้ตลอดไป”
“ชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว บางทีนี่อาจเป็นความโชคของตระกูลมู่หรง!” สายตาของลุงสุ่ยคลุมเครือเล็กน้อย และน้ำเสียงมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องเดินตามพวกเขาไปหรือไม่?” ลุงสุ่ยหยุดคิดและถามเบา ๆ
มู่หรงเค่อมองท่าทางที่สนิทสนมของเฉินโม่กับมู่หรงยานเอ๋อร์แล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ต้อง ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่หนุ่มสาวสองคนก่อน และยานเอ๋อร์ก็ไม่รู้เรื่องที่พวกเรากำลังจะทำ อย่าให้เธอคิดว่าพวกเราตั้งใจหลอกใช้เธอ”
“ครับ”
มู่หรงยานเอ๋อร์พาเฉินโม่ไปที่ห้องของตนเอง ห้องของสาวน้อยตกแต่งเรียบง่ายและอบอุ่น มีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
สีหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์แดงระรื่น เธอมองเฉินโม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เฉินโม่ นายเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาในห้องของฉัน”
เฉินโม่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แล้วเขาจะไม่รู้ความคิดของมู่หรงยานเอ๋อร์ได้อย่างไร? เพียงแต่ชาตินี้ เขายังไม่ได้คิดว่าจะเผชิญหน้ากับมู่หรงยานเอ๋อร์อย่างไร
ตอนนี้ร่องรอยของศิษย์น้องหญิงปรากฏออกมาแล้ว เฉินโม่มั่นใจว่าศิษย์น้องหญิงมาเกิดใหม่บนโลกแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เขายังแข็งแกร่งไม่มากนัก ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะไปตามหาเธอ
ถ้าเขายอมรับน้ำใจของมู่หรงยานเอ๋อร์ เมื่อเฉินโม่ตามหาศิษย์น้องหญิงเจอ เกรงว่าคนที่เจ็บปวดเสียใจจะเป็นผู้หญิงทั้งสองคน
เฉินโม่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของมู่หรงยานเอ๋อร์ ยิ้มบาง ๆ และกล่าวว่า “งั้นผมควรจะรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม?”
มู่หรงยานเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “แน่นอน! นายคิดว่าทุกคนจะสามารถเข้ามาในห้องของฉันได้เหรอ?”
หลังจากกล่าวจบ พวกเขาสองคนต่างนิ่งเงียบ
ปกติแล้วเฉินโม่เป็นคนที่ไม่เก่งในการพูด ตั้งแต่เขากลายเป็นผู้บำเพ็ญ นิสัยของเขายิ่งเด็ดขาดมากขึ้น และเขาพูดน้อยกว่าการลงมือเสียอีก
มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองพูดเมื่อสักครู่ มันเปิดเผยเกินไป ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เธอก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย และยังมีร่องรอยความเศร้าที่อธิบายไม่ได้
มันไม่ง่ายที่จะได้พบหน้ากัน แต่ไม่คิดว่าบรรยากาศจะกลายเป็นหดหู่ขนาดนี้ ทันใดนั้นมู่หรงยานเอ๋อร์ก็นึกถึงเรื่องที่มู่หรงเค่อสั่งไว้ “เฉินโม่ คุณพ่อของฉันบอกว่ามีธุระจะคุยกับนาย นายไปพบคุณพ่อหน่อยได้ไหม?”