แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 704
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 704
เสิ่นฉีเซิ่งรู้สึกใจสั่น นี่คือผู้แข็งแกร่งที่ฆ่าซุนบาเทียนด้วยสามหมัด เมื่อตนเองอยู่ต่อหน้าซุนบาเทียนแล้ว เป็นเพียงคนต้อยต่ำเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเช่นนี้?
ยิ่งกว่านั้น ก่อนหน้านั้นเขาเคยหัวเราะเยาะเฉินโม่ ถ้าเฉินโม่จะหาเรื่องเขา จุดจบของเขาก็น่าจะเหมือนกับซุนบาเทียน
“ผม ผมสละสิทธิ์ ถ้าเฉินไต้ซือต้องการ ผมก็ยินยอมที่จะมอบไห่ซีทั้งหมดให้!”
คนที่สามารถกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพล ย่อมไม่ใช่คนที่โง่เขลา พวกเขาล้วนเป็นวีรบุรุษที่สามารถปล่อยวางได้ ระหว่างชีวิตและอาณาเขต เสิ่นฉีเซิ่งเลือกอย่างแรกด้วยความชาญฉลาด
คนเหล่านี้ครอบครองอาณาเขตมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะไม่มีอาณาเขตแล้ว ทรัพย์สินที่พวกเขาสะสมไว้ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสุขสบายไปตลอดชีวิตแล้ว แต่ถ้าเสียชีวิตแล้ว ถึงแม้จะมีเงินมากมันก็ไม่มีประโยชน์
ชั่วพริบตา ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองฝ่ายยอมจำนนแล้ว ตอนนี้หัวใจของกู้เฟิงแห่งเจียงเป่ยจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
“ลุงสวี่ คุณคิดว่าพวกเราควรจะทำอย่างไร?” กู้เฟิงถามด้วยสีหน้าเศร้า
ลุงสวี่ถอนหายใจและกล่าวด้วยความจำใจว่า “ถ้าเขาต้องการ ก็ให้เขาเถอะ อย่าขัดขืนเด็ดขาด!”
กู้เฟิงพยักหน้าด้วยความยากลำบาก “อืม!”
มู่หรงเค่อไม่ใช่คนโลภที่ไม่รู้จักพอ และความสัมพันธ์ระหว่างกู้เฟิงกับเขาก็ดีเสมอมา และเขาไม่คิดที่จะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก
“ผู้นำตระกูลมู่หรง รบกวนคุณดูแลไห่ตงกับไห่ซีแทนผมด้วย” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเชื่อว่ามู่หลงเค่อเข้าใจความหมายของเขา
“ครับ!” มู่หรงเค่อประสานมือทั้งสองข้างและคำนับ ด้วยสีหน้าเคารพนอบน้อม
หลังจากนั้น เฉินโม่หันไปมองฉีเยว่หยูที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
ฉีหมิงซานซึ่งนั่งอยู่ข้างฉีเยว่หยู เมื่อเห็นเฉินโม่มองมา ทำให้เขารู้สึกตกใจมาก “เขา…เขาจะมาแก้แค้นเหรอ?”
ชั่วพริบตา แผ่นหลังของฉีหมิงซานก็เปียกโชก และเหงื่อหยดลงมาเหมือนสายฝน
เขาก้มหน้าลงต่ำ และหวังว่าเฉินโม่จะมองไม่เห็นเขา เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาดูหมิ่นเฉินโม่ก่อนหน้านั้น แล้วยังพยายามเอาใจมู่หรงยานเอ๋อร์ ซึ่งเท่ากับการแทงข้างหลังของเฉินโม่ แล้วเฉินโม่จะปล่อยเขาไปไหม?
ฉีหมิงซานรู้สึกเสียใจมาก เขานึกไม่ถึงว่านักเรียนที่ย้ายมาจากอำเภอเล็ก ๆ เมื่อสองปีก่อน และขึ้นชื่อว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ไปทั่วโรงเรียน ตอนนี้เขาจะกลายเป็นเฉินไต้ซือที่ยิ่งใหญ่ได้!
ถ้าเขารู้สถานะของเฉินโม่ตั้งแต่แรก ถึงเขาฉีหมิงซานจะใจกล้าเพียงใด เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินเฉินโม่หรอก!
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนอย่างเฉินโม่แล้ว ตอนแรกเขามีโอกาสที่จะผูกมิตรกับเฉินโม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นเกรงชีวิตของเขาคงจะเจริญรุ่งเรืองอย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่เพียงพลาดที่จะผูกมิตรกับคนแบบนี้ แต่ยังล่วงเกินเขาอีกด้วย
ตอนนี้ฉีหมิงซานเต็มไปด้วยความเสียใจและความหวาดกลัว ทำให้เขาแทบอยากจะหารอยแยกแล้วมุดเข้าไป!
“มิน่าตอนอยู่ที่มวยใต้ดิน มู่หรงยานเอ๋อร์บอกว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้าเดิมพัน แต่เขารังเกียจที่จะเล่นเกมเด็กแบบนั้นกับพวกเรา ยอดฝีมืออย่างเขาเมื่อลงมือเคลื่อนไหวก็ทำให้โลกสั่นสะเทือน และแค่เปล่งวาจาก็สามารถทำให้ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่ฝ่ายยอมจำนน การเดิมพันชกมวยด้วยเงินหมื่นหรือเงินล้าน สำหรับเขาแล้ว ก็ไม่ต่างไปจากเกมของเด็ก?”
“ช่างน่าขำสิ้นดี ตอนนั้นผมดูหมิ่นเขา หัวเราะเยาะว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด! ฮ่า ๆ ตอนนี้คิดแล้วช่างน่าขันจริง ๆ ที่แท้ผมเองที่เป็นกบอยู่ในกะลา!”
ไม่เพียงแค่ฉีหมิงซานที่คิดแบบนี้ ตอนนี้อารมณ์ของหวางเส้าหยู่ก็ไม่แตกต่างกับเขา
เมื่อมองร่างผอมบางของเฉินโม่แล้ว หวางเส้าหยู่รู้สึกเหมือนเทพเสงครามยืนอยู่ตรงหน้า และเขาไม่มีความกล้าหาญจะมองเฉินโม่แม้แต่น้อย
“ผมทำอะไรลงไป แม่งฉิบหายผมทำอะไรลงไป ผมดูหมิ่นเทพเจ้า! ตอนนั้นผมตาบอดจริง ๆ! ทำไมผมถึงได้เลอะเลือนขนาดนั้น!”
หวางเส้าหยู่ทรุดลงบนพื้น ไม่กล้านั่งบนเก้าอี้ เพราะกลัวว่าเฉินโม่จะเห็นเขา
เสิ่นหยูปิงนั่งด้วยท่าทางตกตะลึง ใบหน้าที่สวยงามของเธอไม่มีความเย่อหยิ่งอีกต่อไปแล้ว กลับกัน เธอยิ้มด้วยความขมขื่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รอยยิ้มนั้นขมขื่นและซับซ้อนมาก
“เฉินไต้ซือ! เฮอ ๆ ฉินไต้ซือ คุณปกปิดได้เนียนมาก!”