แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 748
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 748
“เฉินโม่ จนถึงตอนนี้แล้วนายยังใจแข็งไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเหรอ? ถ้านายเป็นลูกผู้ชาย จงปรากฏออกมาพูดกับมู่หรงยานเอ๋อร์ด้วย!” พิธีกรสาวได้รับอิทธิพลความรักปักใจและความกล้าหาญของมู่หรงยานเอ๋อร์ จนออกหน้าช่วยมู่หรงยานเอ๋อร์ตามหาคน
เมื่อได้ยินชื่อเฉินโม่แล้ว นักศึกษาของห้องสามบางคนรู้สึกตกตะลึง
สีหน้าของเสิ่นเจี้ยนเหวินเคร่งขรึม เขาหันไปมองเฉินโม่ด้วยความเหม่อลอย ขมวดคิ้วเล็กน้อยและสีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“ไม่ ไม่น่าจะเป็นเขา!” ถึงแม้ว่าเขาจะปลอบใจตัวเอง แต่ยิ่งอยู่สีหน้าของเสิ่นเจี้ยนเหวินก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่ชิงหยีที่เป็นหัวหน้าห้องอดไม่ได้ที่จะมองเฉินโม่ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นส่ายศีรษะ และหัวเราะเยาะตัวเอง “ไม่ เป็นไปไม่ได้ จะเป็นเขาได้อย่างไร?”
เล่หรูหั่วอดไม่ได้ที่จะมองเฉินโม่เช่นกัน ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวของเธอมีความแปลกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เพื่อนนักศึกษาที่รู้จักเฉินโม่ ทุกคนต่างมองเฉินโม่เช่นกัน และคิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า “ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น!”
เฉินโม่รู้สึกจำใจ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เขาไม่ปรากฏตัวไม่ได้แล้ว และเขาไม่ใจแข็งพอที่จะให้มู่หรงยานเอ๋อร์เผชิญกับสายตามากมายอยู่บนเวทีตามลำพัง
เมื่อพิธีกรสาวเห็นว่ายังไม่มีใครยืนออกมา เธออดไม่ได้และตะโกนไปกลางฝูงชน “เฉินโม่ นายจะหลบซ่อนจนถึงเมื่อไหร่?”
เฉินโม่ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อว่า “ไอ้เบื๊อกเฉิน ถึงแม้ว่านายจะชื่อเฉินโม่เหมือนกัน แต่คนที่เธอเรียกไม่ใช่นาย นายอย่าล้อเล่น!”
เฉินโม่มองจี๋ต๋าจิ่วตูและกล่าวเบา ๆ ว่า “ฉันก็คือไอ้สารเลวที่พวกนายพูดถึง”
“ห๊ะ……”
ร่างกายของจี๋ต๋าจิ่วตูแข็งทื่อทันที และรู้สึกตกใจมาก
“เป็นไปไม่ได้!” ห่าวเจี้ยนมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แว่นตาขอบดำขนาดใหญ่ที่อยู่บนจมูกเกือบตกลงบนพื้น
เสิ่นเจี้ยนเหวิน เล่หรูหั่ว หลี่ชิงหยี รวมถึงคนที่รู้จักเฉินโม่ ต่างมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ และท่าทางที่ซับซ้อน
บนเวที สีหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอมองเฉินโม่และกล่าวด้วยความดีใจว่า “เฉินโม่!”
หลังจากกล่าวจบ เธอยกกระโปรงขึ้นโดยไม่คำนึงถึงอะไร มุ่งหน้าวิ่งไปทางเฉินโม่
เมื่อมองนางฟ้าที่วิ่งไปหาเฉินโม่อย่างรวดเร็ว นักศึกษาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เฉินโม่มองร่างอรชรที่วิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของตนเองพร้อมกับกลิ่นหอม ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความขมขื่น
ตอนนี้เขาไม่อยากดังก็กลายเป็นเรื่องยากแล้ว
มู่หรงยานเอ๋อร์ผละออกจากอ้อมแขนของเฉินโม่ด้วยสีหน้าแดงระรื่น กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขว่า “เฉินโม่ นายนึกไม่ถึงว่าฉันจะมาหานายที่นี่ใช่ไหม?”
เฉินโม่ปัดผมที่อยู่บนหน้าผากของมู่หรงยานเอ๋อร์ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณยังอยู่ในช่วงการแสดง กลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้พวกเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว ยังมีเวลาคุยกันอีกมากมาย”
มู่หรงยานเอ๋อร์พยักหน้า “ค่ะ ฉันคิดว่านายจะตำหนิฉันเสียอีก? งั้นฉันไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปหานาย”
“ครับ ไปเถอะ!” เฉินโม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
มู่หรงยานเอ๋อร์รีบวิ่งกลับไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว กล่าวขอบคุณพิธีกร และขอโทษผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที จากนั้นเธอก็หันหลังแล้ววิ่งไปที่หลังเวทีอย่างมีความสุข
พิธีกรมองตำแหน่งของเฉินโม่ และรู้สึกสงสัย ผู้ชายคนนั้นธรรมดา แล้วเขาสามารถเอาชนะใจผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างมู่หรงยานเอ๋อร์ได้อย่างไร?
หลังจากมู่หรงยานเอ๋อร์จากไปสักครู่ จี๋ต๋าจิ่วตูถึงได้สติกลับมา เขามองเฉินโม่ อ้าปากกว้างและกลืนน้ำลายด้วยความลำบาก “เฉิน…ไอ้เบื๊อกเฉิน นายรังแกคนแบบนี้ได้อย่างไร?”
ห่าวเจี้ยนกะพริบตา ส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าต่อไปขอเพียงแค่พวกเราอยู่กับเฉินโม่ พวกเราจะไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองสาวสวยแล้ว!”