แดนนิรมิตเทพ - บทที่1188
เฉินตงหวายิ้มบางๆ แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันรู้นยะบันยัง!”
สายตาของนายกฯจ้าวมองไปทางเฉินโม่ พูดอย่างเสียงดัง “คิดไม่ถึงจริงๆ คุณเฉินผู้โด่งดังกลับหนุ่มขนาดนี้ ขอโทษที่ไร้มารยาท!”
นายกฯจ้าวแม้จะพูดอย่างเยินยอ แต่ท่าทีบนใบหน้าของเขาก็แสดงความดูถูกออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งใครๆก็ดูออก
เฉินโม่ที่สีหน้าเรียบเฉย นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ขยับเขยื้อน และไม่ได้สนใจนายกฯจ้าวเลย แต่กลับมาพูดคุยกับมู่หรงยายเอ๋อร์อย่างสนุกสนาน
สีหน้าของนายกฯจ้าวไม่เปลี่ยน แต่แววตาฉายผ่านด้วยความรุนแรง
เลขาข้างกายของนายกฯจ้าวที่ชื่อเสี่ยวอู๋ สีหน้าดูแย่มาก กระแอมไปหนึ่งที “ท่านนายกเทศมนตรีพูดกับนาย นายกลับไม่สนใจ ตระกูลเฉินสอนลูกหลานแบบนี้เหรอ?”
ในห้องโถง บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย
คำพูดของเลขาเห็นได้ชัดว่ากำลังตำหนิตระกูลเฉิน แต่ทุกคนนั้นเข้าใจดี เขานั้นเจาะจงเพียงเฉินโม่คนเดียว
ดังนั้น สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลเฉินล้วนเลือกที่จะเป็นผู้ชมอย่างเงียบๆ
มู่หรงเค่อและคนอื่นมองไปยังนายกฯจ้าว แววตาปรากฏด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา พวกเขาเข้าใจดี เสี่ยวอู๋เป็นเพียงปืนกระบอกหนึ่งเท่านั้น นายกฯจ้าวถึงจะเป็นเจ้าของปืนกระบอกนี้
อีกอย่างสำหรับคำพูดของเสี่ยวอู๋ นายกฯจ้าวก็ไม่ได้เอ่ยปากห้ามปราม ก็เท่ากับว่ายอมรับไปแล้วว่าเป็นความคิดของเขา
เฉินกั๋วเหลียงส่งสายตาให้เฉินตงซุ่น เฉินตงซุ่นรีบทำท่าคารวะแล้วกล่าว “เอาล่ะนายกฯจ้าว เด็กมันยังไม่ประสา นายก็อย่าไปถือสาเลย มา ฉันดื่มให้นายหนึ่งแก้ว!”
ขณะที่พูด เฉินตงซุ่นก็ยกแก้วที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ดื่มหมดในคราเดียว “ดื่มหมดแก้วแสดงความเคารพ!”
ไม่ว่ายังไงนายกฯจ้าวต้องให้เกียรติเฉินตงซุ่น ใครใช้ให้ตำแหน่งเขาต่ำกว่าเฉินตงซุ่นล่ะ?
อย่างไรก็ตามเขาแค่ไว้หน้าเท่านั้น อย่าว่าแต่เฉินตงซุ่นเลย ต่อให้เป็นคนทั้งหนานซู เขาจ้าวกวางเต๋อเคยกลัวใครบ้าง?
“พี่ตงซุ่นพูดอะไรเนี่ย ผมจะไปถือสาเด็กมันได้ยังไงกัน!” นายกฯจ้าวที่พูดตามมารยาท แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
หลังจากที่นายกฯจ้าววางแก้วเหล้าลงแล้ว ก็หัวเราะพูด “ที่แท้คุณเฉินที่ว่า ก็ไม่เท่าไหร่เลย!!ตัวจริงไม่ได้เก่งเหมือนที่ร่ำลือกัน”
ทุกคนในตระกูลเฉินมองหน้ากัน มีบางคนแอบคุยกัน “อย่างไรเสียเฉินโม่อายุก็น้อยเกินไป เขาคิดว่าการที่มีผู้มีอิทธิพลพวกนี้สนับสนุนเขา เขาก็สามารถที่จะไม่เห็นนายกฯจ้าวอยู่ในสายตาเหรอ”
“เขานั้นไม่รู้สถานะของนายกฯจ้าวเลย พวกมู่หรงเค่อแม้จะมีชื่อเสียงในถิ่นของตัวเอง แต่อนาคตก็ยากที่จะก้าวหน้าอีก แต่อนาคตของนายกฯจ้าวไร้ขีดจำกัด หากล่วงเกินนายกฯจ้าว ได้สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่งแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เฉินตงเยว่แอบกระซิบกับเฉินตงหวา ตงหวา “นายคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วใช่มั้ยว่าเฉินโม่นั้นจะล่วงเกินนายกฯจ้าว? ดังนั้นนายเลยบอกฐานะของเฉินโม่ให้นายกฯจ้าวรู้ นายอยากให้นายกฯจ้าวหักเหลี่ยมของเฉินโม่!”
เฉินตงหวาหัวเราะแล้วพูด “พี่ใหญ่ พี่คิดมากไปแล้ว ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าไอ้หนุ่มเฉินโม่จะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาขนาดนี้ แม้แต่นายกฯจ้าวก็ยังล่วงเกิน!”
เห็นว่าในที่สุดก็มีคนสามารถกดเฉินโม่ได้ เฉินเหล่ย เฉินควางและคนรุ่นสามที่อิจฉาเฉินโม่ เริ่มลำพองใจ
“เฉินโม่นะเฉินโม่ ล่วงเกินนายกฯจ้าว ต่อไปนายอยู่ที่เมืองหานคงทำอะไรก็ยากไปหมด” เฉินเหล่ยที่ยิ้มอย่างเย็นชา หัวใจที่หดหู่แต่เดิมดีขึ้นในทันที แล้วกอดสาวงามหนานซูที่อยู่ข้างกาย เขารู้สึกว่าเฉินโม่ก็ไม่เท่าไหร่
เฉินธงที่สีหน้ามืดมนเล็กน้อย สายตาที่มองเฉินโม่มีความเสียดาย “เฉินโม่นะเฉินโม่ ฉันยอมรับว่านายเก่ง แต่ว่านิสัยที่ไม่เห็นหัวคนอื่นจะแก้ได้เมื่อไหร่? ล่วงเกินนายกฯจ้าว ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย!”
เฉินควางมองเฉินโม่ สายตามีความดีใจ “เฉินโม่ ฉันยอมรับว่าสู้นายไม่ได้ แต่ว่านายล่วงเกินนายกฯจ้าว อนาคตก็มีคนจัดการนายแทนฉันแล้ว ฉันจะคอยดูว่านายจะเหิมเกริมได้นานแค่ไหน!”
แม้แต่เฉินจิงเย่ ก็ขมวดคิ้วแน่น มองเฉินโม่แล้วเตือน “เสี่ยวโม่ ลูกไร้มารยาทเกินไปแล้วนะ นายกฯจ้าวเป็นผู้อาวุโสของลูก รีบขอโทษนายกฯจ้าว นายกฯจ้าวก็จะไม่ถือโทษโกรธลูก!”
ในขณะที่เฉินจิงเย่พูดประโยคนี้จบ ด้านนอกก็ดังขึ้นด้วยเสียงรายงาน “คุณเจียงเหอซานมาครับ!”