แดนนิรมิตเทพ - บทที่1210
อันที่เฟิงเหมียนถือคือดาบยาว ก็คือเครื่องรางชั้นสูงเช่นกัน
อันที่ลี่เซี่ยวใช้คือกริชเล่มหนึ่ง แสงเย็นแวววับ ถ้าจ้องมันมากเหมือนมันจะสามารถกินกลืนวิญญาณของคนเข้าไปได้ เกรดก็ไม่ต่ำอย่างแน่นอน
อาวุธของจางเจิ้นคือนวมมวยที่แผ่กระจายไปด้วยอุณหภูมิที่สูง ก็คือเครื่องรางชั้นสูงเช่นกัน
ก็แม้แต่เซี่ยไห่หลงก็ได้หยิบมีดด้ามใหญ่ออกมาหนึ่งด้าม ก็ยังคงเป็นเครื่องรางชั้นสูงเช่นกัน
เฉินโม่อึ้งไปเล็กน้อย คนพวกนี้ไม่มีทางที่จะมีเครื่องรางชั้นสูงมากขนาดนี้ ต้องเป็นเจียงเหอซานที่มอบให้พวกเขาอย่างแน่นอน แต่เจียงเหอซานไม่ยุติธรรมเลย ทำไมจงใจไม่มอบให้เขา?
จางเจิ้นหาโอกาสมองเฉินโม่ไปแวบหนึ่ง เห็นเฉินไม่ไม่ขยับเขยื้อน ก็พูดขึ้นมาทันที “ไอ้หนุ่ม อาวุธของนายล่ะ? นายคงไม่คิดที่จะไปฉีกเนื้อสัตว์ประหลาดตัวนั้นด้วยมือเปล่ามั้ง?”
เฉินโม่ที่น้อยใจเล็กน้อยพูดขึ้น “ผมไม่มีอาวุธ”
เซี่ยไห่หลงแสดงความขอโทษทางใบหน้า “หัวหน้าเฉิน กริชทำลายล้างเล่มนี้ก็คืออาวุธของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีของเรา เริ่มแรมฉันไม่รู้ว่าหัวหน้าจะมา เอางี้หัวหน้าเอาไปใช้เถอะ กริชเล่มนี้เดิมมันก็เป็นของหัวหน้าอยู่แล้ว นายถึงจะเป็นหัวหน้าของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี”
ที่แท้ไม่ใช่เจียงเหอซานเป็นคนมอบให้เหรอ แต่มันเป็นอาวุธพิเศษของทุกหน่วย หลังจากที่เฉินโม่รับช่วงหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีแล้ว ส่วนใหญ่ก็เอาแต่สั่งการอย่างเดียว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าทุกหน่วยรบยังมีอาวุธพิเศษ
“ไม่ต้อง ผมชินกับการใช้มือ”
อย่างไรเสียประเทศก็ยังมีความมั่งคั่งไม่เบาเลย ทุกหน่วยรบพิเศษมีเครื่องรางชั้นสูงหนึ่งชิ้น เจ็ดหน่วยรบก็เจ็ดชิ้น เฉินโม่ที่มีอายุนานขนาดนี้เพิ่งเคยได้เครื่องรางป้องกันตัวชั้นสูงมาเพียงหนึ่งชิ้น แต่ยังถูกค่ายกลหมื่นดวงดาวทำลายไปอีก
ผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพอย่างเขา ช่างต่ำต้อยนัก
จีอู๋หยาได้เริ่มสั่งการแล้ว “เหลยจ้าน นายจู่โจมด้านหน้า ใช้ทวนสายฟ้าของนาย ทดสอบความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดก่อน และอย่าผลีผลาม!”
“ครับ!” เหลยจ้านขันตอบ
“จางเจิ้น และเซี่ยไห่หลง หลังจากที่เหลยจ้านทดสอบความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดเป็นที่แน่ชัดแล้ว พวกนายกับเหลยจ้านก็โจมตีด้านหน้าพร้อมกัน”
“ครับ!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
ลี่เซี่ยว รอโอกาสจู่โจม และเตรียมฆ่ามันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”
“ครับ!”
เฟิงเหมียน เธอรับผิดชอบการให้ความช่วยเหลือทุกคน
“ค่ะ!”
จีอู๋หยาพูดอย่างเสียงดัง “เข้าประจำที่ แล้วจู่โจม! ศึกแรก ต้องทำให้ดี!”
“ครับ!” ทุกคนตอบพร้อมกัน เสียงดังสนั่น
ทุกคนถูกส่งตัวออกไป มีแต่เฉินโม่ที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในที่เดิม ซึ่งมันน่าอึดอัดมาก
ถ้าเขาเป็นคนทั่วไป เกรงว่าคงถามหาเหตุผลกับจีอู๋หยาอย่างแน่นอน แต่เฉินโม่ไม่ทำอย่างนั้น แต่กลับยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ มองดูการต่อสู้อย่างสบายใจ
จางเจิ้นยิ้มหยัน มองเฉินโม่อย่างดูแคลนไปแวบหนึ่ง หันหน้าและพุ่งตัวไปทางสัตว์ประหลาด
อาวุธในมือของเหลยจ้านมีชื่อว่าทวนสายฟ้า มันสามารถใช้สายฟ้าในการโจมตี
สายฟ้าเต้นอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า และ เหลยจ้านถือทวนสายฟ้าของเขา ราวกับเทพเจ้าแห่งสายฟ้าร้องลงมายังโลก
“ไอ้เดรัจฉาน ไปตายเถอะ!”
พลังแห่งสายฟ้าถูกชี้นำโดยเหลยจ้านได้ฟาดลงไปบนหัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้น แม้ความหนามันจะเท่าแค่แขน แต่พลังของมันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
เพรี้ยง!
สัตว์ประหลาดตัวนั้นเงยหัวขึ้นและร้องคำรามไปหนึ่งที ราวกับว่าได้ทำให้มันโกรธแล้ว
ขาที่มากกว่าร้อยขาได้เคลื่อนไหวพร้อมกัน ความเร็วนั้นว่องไวมาก มุ่งมาทางเหลยจ้าน
“ถอย!” จีอู๋หยาสั่งการอย่างใจเย็น
เหลยจ้านหัวเราะ รีบถอยทันที
จู่ๆ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เงยหน้าคำราม เฟิงเหมียนที่เฝ้าสังเกตอยู่ตลอดเวลาก็ตะโกนทันที “แย่แล้ว รีบถอยเร็ว!”
ก่อนที่เฟิงเหมียนจะพูดจบ ของเหลวสีน้ำตาลเป็นก้อนก็ถูกพ่นออกมาจากปากของสัตว์ประหลาดในทันที เมื่อของเหลวสัมผัสกับวัตถุ มันก็กัดกร่อนวัตถุทันที แม้แต่ดาบก็ไม่เหลือ
ตำแหน่งเดิมที่ เหลยจ้าน เต็มไปด้วยควันสีดำ หากในขณะนี้เหลยจ้านยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าที่จะคิดถึงสภาพของเขาเลย
เหลยจ้านถุยน้ำลายด้วยความกลัว “แม่งเอ๊ย ไอ้เดรัจฉานตัวนี้ยังพ่นพิษได้ด้วย โชคดีที่กูวิ่งได้เร็ว ไม่งั้นตายแน่!”
ทันใดนั้นจีอู๋หยาก็ตะโกนพูดอย่างเสียงดัง “ตามฉันมา!”
พูดจบ กระจกปา-กว้าที่อยู่ในมือจีอู๋หยาก็เปล่งแสงสีทองออกมา ยาวประมาณสิบตารางเมตร
เหลยจ้าน และจางเจิ้นพร้อมด้วยเซี่ยไห่หลงที่เห็น ก็รีบเข้าไปในเขตแดนเครื่องรางชั้นสูงของจีอู๋หยา แล้วจู่โจมไปยังสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดตัวนั้นพ่นพิษไปอีกหลายรอบ แต่ถูกเครื่องรางของจีอู๋หยาขวางเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าพิษนั้นไม่สามารถกัดกร่อนเกราะป้องกันที่เกิดจากพลังทิพย์ได้