แดนนิรมิตเทพ - บทที่1307
กาลิโอกับชายชุดดำที่ถูกเฉินโม่ใช้พลังสวรรค์ภิภพคุมตัวเอาไว้ ไม่สามารถไปไหนได้เลย
พลังจู่โจมที่เขาทั้งสองปล่อยออกมา ถูกเฉินโม่ใช้พลังสวรรค์พิภพสะท้อนกลับไป ทะลุร่างกายของเขาทั้งสองโดยตรง
พลังอันทรงพลังทำให้ทั้งสองคนระเหยไปเลย
อย่างไรก็ตาม นักฆ่าสองคนนี้ก็อึดมาก ไม่ได้ส่งเสียงร้องเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินโม่ที่ลงมาสู่พื้น สัมผัสพลังสวรรค์ภิภพอันบ้าคลั่งที่อยู่บนท้องฟ้า ด้วยมีสีหน้าที่เรียบเฉย “องค์กรมรณะ”
แววตาของเฉินโม่ฉายผ่านด้วยไอเย็น
เมื่อกลับมาถึงห้องพักในโรงแรม เฉินก็นั่งขัดสมาธิต่อ ฟื้นฟูพละกำลัง
อันที่จริง พลังของเฉินโม่ยังไม่ถึงแดนเทพที่นักบู๊พูดถึงกัน แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญ เฉินโม่สามารถทำได้ในระดับแดนเทพ
สำหรับเฉินโม่แล้ว แดนเทพของเขาก็คือต้องถึงชั้นเก้าแดนรวมพลัง ยังไม่เคยผ่านด่านยาทองทัณฑ์ ก็คือยังอยู่ระหว่างชั้นเก้าแดนรวมพลังถึงแดนยาทอง
แบบนี้ถึงจะนับเป็นแดนเทพของผู้บำเพ็ญ
แน่นอน แดนเทพของผู้บำเพ็ญอย่างเฉินโม่ เมื่อเทียบกับแดนเทพของนักบู๊นั้นทรงพลังกว่าร้อยเท่าพันเท่า สมมุติว่านักบู๊สามารถควบคุมพลังสวรรค์ภิภพได้ในระยะร้อยเมตร งั้นแดนเทพของผู้บำเพ็ญก็จะสามารถควบคุมพลังสวรรค์ภิภพได้ในระยะหนึ่งล้านเมตร
เฉินโม่ฝึกฝนจนถึงเช้า จากนั้นก็ออกเดินทางไปเหลียวตง
ตามที่อยู่ที่จี๋ตาจิ่วตูให้มา เฉินโม่ตามหาเมืองที่เจี่ยจวินเซี่ยอาศัยอยู่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็คือเมืองเหลียวโจว
แต่ว่า การที่คิดอยากจะตามหาใครสักคนในเมือง มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ยืนอยู่บนถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมา เฉินโม่กำลังคิดเกี่ยวกับแผนต่อไปของเขา
“ถ้าหากตอนนี้ฉันมีพลังของแดนยาทอง ขอบเขตพลังสัมผัสก็จะขยายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องอาศัยพลังภายนอกอะไรเลย ก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเจี่ยจวินเซี่ยแล้ว
“แต่น่าเสียดาย ขอบเขตพลังสัมผัสของฉันตอนนี้เล็กเกินไป ทำได้เพียงต้องคิดหาวิธีใหม่ในการตามหา”
“ตามความทรงจำในชาติก่อนที่ฉันมีต่อเจี่ยจวินเซี่ย ตระกูลของเขาถือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ แต่น่าเสียดายที่ฉันจำชื่อบริษัทของเขาไม่ได้!”
ในขณะที่เฉินโม่กำลังคิดว่าจะขอความช่วยเหลือเจียเหอซานดีมั้ย จี๋ต๋าจิ่วตูก็โทรเข้ามาในทันที
เมื่อเขารับสาย จี๋ต๋าจิ่วตูก็พูดอย่างตื่นเต้น “เฉินโม่ มีข่าวไอ้เจี่ยแล้ว!”
เฉินโม่ดีใจมาก เป็นแบบนี้ดีที่สุด เขาไม่อยากติดหนี้บุญคุณเจียงเหอซาน
“ฉันมาถึงเหลียวโจวแล้ว รีบพูดมา!” เฉินโม่กล่าว
จี๋ต๋าจิ่วตูนิ่งไปชั่วขณะ หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็พูดขึ้น “ไอ้เจี่ยมันโอนเงินให้ฉันหนึ่งล้าน แถมยังส่งข้อความมาด้วย บอกให้พวกเราดูแลตัวด้วย!”
เฉินโม่อยากจะถีบไอ้หมอนี่อย่างมาก พูดอย่างเย็นชา “พูดประเด็นสำคัญมาเลย ไอ้เจี่ยอยู่ไหน?”
“นายอย่าใจร้อนสิ ฟังฉันค่อยๆพูดก่อน จี๋ต๋าจิ่วตูที่ไม่ได้รีบร้อน แล้วพูดต่อ “หลังจากที่ไอ้เจี่ยส่งข้อความมาให้ฉัน ฉันก็รีบออกมาจากห้องเรียนแล้วโทรหาเขา แต่เขาไม่รับ ฉันก็เลยส่งข้อความให้เขา ถามเขาว่าเอาเงินพวกนี้มาจากนั้น? ไปทำความชั่วอะไรมาหรือเปล่า”
เฉินโม่เพิ่มความหนักของเสียง “ประ เด็น สำคัญ!”
จี๋ต๋าจิ่วตูหัวเราะแฮ่ๆแล้วกล่าว “ประเด็นสำคัญมาแล้ว ไอ้เจี่ยบอกว่าพ่อมันเปิดบริษัท มีสินทัรพย์เป็นร้อยล้าน เงินแค่นี้ไม่เท่าไหร่ เขารู้ว่าบ้านฉันฐานะยากจน ก็เลยอยากจะช่วยฉัน”
“ฉันอยากจะถามไอ้เจี่ยมากว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน แต่ฉันมาคิดแล้วในเมื่อเขาไม่ยอมรับสาย ฉันถามไปก็ใช่ว่าเขาจะบอก ครั้น ฉันจึงคิดได้อย่างรวดเร็ว ถามมันไปว่าบริษัทพ่อมันชื่ออะไร……..แฮ่ๆ!”
แม้ว่าเฉินโม่จะบำเพ็ญมาหกร้อยปี จิตใจได้มาถึงขั้นที่ไม่อ่อนไหวแล้ว แต่ตอนนี้เขาอยากที่จะบินกลับไปที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน แล้วกระทืบจี๋ต๋าจิ่วตูแรงๆหนึ่งที