แดนนิรมิตเทพ - บทที่1334
มีดดาบ เป็นมีดดาบธรรมดา ไม่ใช่ของวิเศษอาถรรพ์ และก็ไม่ใช่ใช้เหล็กไหลจากเหนือฟ้ามาทำ ก็คือเหล็กทั่วไปใช้มนุษย์เดินดินธรรมดาตีขึ้นมา
แต่อานุภาพของมีดดาบนี้ กลับทำให้คนที่อยู่โดยรอบมีความรู้สึกต้องสยบนับถือ
เฉินโม่ก็รู้สึกได้ ถึงให้หนานกงหยู่มาเอง คิดจะเอาชนะสองคนนี้ เข้าใจได้ว่าตัวเขาเองก็ต้องบาดเจ็บ
แต่เฉินโม่เองก็ไม่ใช่หนานกงหยู่จะมาเปรียบได้
จังหวะก้าวของเฉินโม่ไม่ได้หยุดด้วยแม้แต่น้อย คงระดับความเร็วเหมือนเดิม มุ่งไปข้างหน้าต่อ
มีดดาบทั้งสองนั้นกำลังจะสัมผัสตัวเฉินโม่ ทันใดนั้นก็เกิดแสงจ้าบรรเจิดแตกระเบิดขึ้น ฟ้าดินอับแสงลงไปพลัน
“สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะที่เคยเป็น ดาบนี้ฟันลงไปได้สวยเฉียบจริง ๆ!” ภายในห้อง คนชุดดำชมขึ้นมาเต็มปาก
ยามาดะ อากียะสะใจขึ้นมานิด “สามารถได้รับคำชมจากคุณ ก็เป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว”
แต่ทว่า แสงประกายมีดดาบถึงแม้สวยเฉียบ แต่เทียบไปกับผู้บำเพ็ญเซียนของจริงแล้ว คงเพียงแค่หิ่งห้อยทาบรัศมีจันทร์ อีกาดำเทียบหงส์ฟ้า
เฉินโม่ไม่อยู่นิ่งเฉย ร้องกู่เสียงใส กระบี่สับสวรรค์พาเส้นแสงทอง วาดรอบตัวเฉินโม่ไปหนึ่งรอบ
แสงจ้าบรรเจิดสองกระแสนั้น ถูกกระบี่สับสวรรค์บดขยี้ผุกร่อน สับฟันจนแหลกเละหมดสภาพ
พารวมไปถึงสองนินจาขั้นพิเศษ ก็ถูกกระบี่สับสวรรค์เชือดเข้าที่ลำคอ ชีวิตก็เอวังฯ.!
ภายในห้อง คนชุดดำพูดด้วยสีหน้าเครียดหนักว่า “ด่านที่สามของคุณถูกทลายลง ก็ยังใช้เวลาอยู่ที่หนึ่งนาที”
ยามาดะ อากียะสะกดอารมณ์ไม่ได้แล้วในที่สุด ลุกยืนขึ้นในฉับพลัน จ้องหน้าชายชุดดำนั้นอย่างเค่งเครียด พูดสียงทุ้มหนักว่า “โอคาโมโตะ เมอิจิ ตอนนี้ต้องถึงคราวของคุณแล้ว!”
“ไม่ว่าจะทำยังไง คุณต้องสกัดเขาให้อยู่!” ยามาดะ อากียะใช้สีหน้าที่เฉียบขาด “อย่าให้เสียแรงที่ผมเลี้ยงดูคุณมาหลายปี”
โอคาโมโตะ เมอิจิพูดโดยไม่ส่ออาการใด ๆ “คุณยามาดะ อากียะวางใจ สิ่งที่คัณประทานมาให้ผม ผมจะคืนให้คุณครบทุกเม็ดไม่ให้ขาด”
“งั้นก็ดี!” ยามาดะ อากียะผงกหัวอย่างพึงพอใจ หันตัวกลับเดินจากไป
โอคาโมโตะ เมอิจิด่านป้องกันด่านสุดท้าย เดิมเขาได้คิดเชิญยากิว กาซูมีชิมานั่งปักหลัก แต่ยากิว กาซูมีชิปฏิเสธเขาไปแล้ว
เฉินโม่ฝ่าด่านต่อเนื่องมาสามด่าน กับโอคาโมโตะ เมอิจิ ยามาดะ อากียะเองก็ไม่กล้าหวังอะไรมาก ฉะนั้น ยามาดะ อากียะเลือกที่จะหลบหนี
บนถนนที่ปูดาดหินกรวด เฉินโม่ยังคงเดินต่อมา ความเร็วคงเดิมไม่เปลี่ยน
ภายในห้อง โอคาโมโตะ เมอิจิลุกยืนขึ้น ภายในดวงตาทั้งคู่ลุกโชนด้วยอารมณ์สู้ศึกที่เข้มข้น
“เฉินไต้ซือ ตั้งใจรอสู้ศึกกับแกอย่างมากจริง ๆ!”
และแล้วร่างเงาโอคาโมโตะ เมอิจิหายไปจากที่เดิมอย่างอัศจรรย์
เฉินโม่หยุดเดินลงในฉับพลัน ปลายทางถนนที่ปูลาดด้วยหินกรวด ที่นั่นว่างโล่งไม่มีอะไรอยู่เลย
“แดนเทพ!” เฉินโม่อุทานขึ้นมาเบา ๆ เขาคิดว่าสองนินจาเมื่อกี้นี้นั้นเป็นด่านที่พึ่งสุดท้ายของบ้านตระกูลยามาดะแล้ว ไม่คิดว่าที่นี่ยังมีระดับแดนเทพแฝงตัวอยู่
อีกทั้งจากจิตสัมผัสของเฉินโม่เอง คนผู้นี้จะมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าหนานกงหยู่ขึ้นไปอีก
โอคาโมโตะ เมอิจิปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งตัวอยู่ในชุดดำ โผล่ให้เห็นเพียงลูกตาสองข้าง
“ดูท่าเจ้าก็คงพบเห็นตัวฉันแล้ว” เสียงของโอคาโมโตะ เมอิจิออกแหบพร่าหน่อย
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ประเทศต้าเหอกระจอกกระจอกแค่นี้ กลับยังมีนักบู๊ระดับแดนเทพด้วย” เฉินโม่พูดเหยียด ๆ
โอคาโมโตะ เมอิจิมองหน้าเฉินโม่ พูดว่า “วงการบู๊ของหัวเซี่ยกว้างใหญ่และลุ่มลึกจริง ๆ ฉันถึงกับยังสัมผัสรู้ไม่ถึงระดับขั้นที่เจ้าฝึกบำเพ็ญได้อย่างชัดจริง!”
“แต่สามารถใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็สังหารผู้แข็งแกร่งระดับนินจาขั้นพิเศษไปถึงสองคน หากบอกว่าไม่ได้อยู่ถึงระดับนินจาดิน พูดออกมาแล้วแม้แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อ” โอคาโมโตะ เมอิจิพูดเสียงขรึม
“นินจาดิน?” เฉินโม่รู้สึกแปลกใจ เขาก็แค่เคยได้ยินเรื่องนินจาชั้นกลาง รู้จักนินจาชั้นสูง ยากิวที่เขาฆ่าทิ้งไปที่จงไห่ก็คือนินจาชั้นสูงคนหนึ่ง
คนผู้นี้มาพูดถึงว่าผู้แข็งแกร่งระดับว่าที่แดนเทพที่เขาฆ่าทิ้งไปสองคนก่อนนี้เป็นนินจาขั้นพิเศษ ถ้างั้นการฝึกบำเพ็ญนินจาดินใช่ว่าจะหมายถึงแดนเทพหรือเปล่า?
ประเมินไว้น่าจะเป็นแบบนี้
โอคาโมโตะ เมอิจิพูดว่า “ในประเทศต้าเหอของพวกเรา การแบ่งระดับขั้นซามูไรจะเป็นนินจาชั้นล่าง นินจาชั้นกลาง นินจาชั้นสูง นินจาขั้นพิเศษ นินจาดิน นินจาฟ้า”