แดนนิรมิตเทพ - บทที่1444
เฉินโม่เริ่มซ่อมแซมค่ายกลห้าธาตุกลับหัว ครั้งนี้ จากการที่เฉินโม่เสียเปรียบครั้งที่แล้ว ได้ซ่อนฐานค่ายกลในที่ลึกลับกว่าครั้งที่แล้ว ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญ ถ้าไม่ใช้พละกำลังที่มากพอ อย่าคิดว่าจะหามันเจอเลย
จากนั้น เฉินโม่ก็เริ่มกลั่นยา และรอเฉินซงจื่อและคนอื่นๆฝึกฝนสิ้นสุด
หญิงชุดดำสองคนที่อยู่ด้านนอก มองคนของโลกบู๊โบราณที่หนีลงเขาอย่างน่าสังเวช อดไม่ได้ที่จะด่า “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ดูเหมือนเฉินไต้ซือจะรอดไปได้อีกแล้ว!”
“คุณหนูคะ ความสามารถของคุณหนูในตอนนี้ สามารถสู้กับเฉินไต้ซือหรือยัง?” หญิงชุดดำอีกคนถามขึ้น
“ไม่ได้ ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” หญิงชุดดำส่ายหัวกล่าว
“ไปกันเถอะ เราไปยุแยงคนของโลกบู๊โบราณกันต่อ สำหรับลูกน้องของเฉินไต้ซือแล้ว ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ จะให้พวกเรารู้เรื่องของพวกเราไม่ได้” หญิงชุดดำกล่าว
“ค่ะ!”
เฉินโม่เก็บตัวกลั่นยา ในเวลานี้ ตระกูลเฉินในหนานซู กลับโกลาหลอย่างมาก
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เฉินเยว่กลับมายังตระกูลเฉินด้วยตัวที่โชกไปด้วยเลือด ทุกคนในตระกูลเฉินตกใจจนต้องมารวมตัวกันที่ห้องโถง
จากที่เฉินกั๋วเหลียงสอบถามแล้วถึงได้รู้ว่า ที่แท้สำนักโลกฝึกบู๊ที่เฉินเยว่อยู่ ถูกคนของโลกบู๊โบราณแย่งไปแล้ว ผู้อาวุโสหลายท่านของสำนักถูกฆ่าตายไปแล้ว เฉินเยว่นั้นเพราะฝีมือต่ำ เลยถูกส่งกลับมาก่อน ถึงสามารถหนีรอดกลับมายังตระกูลเฉิน
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ทุกคนในตระกูลเฉินต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน เฉินเยว่นั้นเปรียบเสมือนนางฟ้าบนสรวงสวรรค์มาโดยตลอด แต่ตอนนี้นางฟ้าถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ความชื่นชมของสมาชิกในตระกูลเฉินที่มีต่อเฉินเยว่ ก็ได้ลดลงอย่างกะทันหัน
“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!” เฉินกั๋วเหลียงพูดอย่างโกรธเคือง
“คนของโลกบู๊โบราณถึงกล้ามาแย่งสำนักของคนอื่น การกระทำแบบนี้มันไม่ได้แตกต่างไปจากโจรปล้นฆ่าเลย ! พวกมันช่างไม่เห็นกฎหมายของหัวเซี่ยอยู่ในสายตาเลย!”
“เยว่เอ๋อร์ หนูวางใจเถอะ ปู่จะไปทวงความยุติธรรมให้หนูด้วยตัวเอง ให้ปู่ไปเจอกับพวกชาติชั่วอย่างโลกบู๊โบราณหน่อย!”
เฉินกั๋วเหลียงพูดอย่างขุ่นเคือง
ทุกคนในตระกูลมองเฉินกั๋วเหลียง ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ แม้แต่อาจารย์ของเฉินเยว่ยังสู่เขาไม่ได้ คุณที่เป็นตาแก่ที่ใกล้เข้าโรงแล้ว จะสู้ได้ไง?
เฉินเยว่กล่าว “ความหวังดีของคุณปู่หนูได้รับแล้วค่ะ เพียงแต่ว่าคนของโลกบู๊โบราณมันโหดเหี้ยมอำมหิตมาก คุณปู่ไปไม่ได้เด็ดขาด สำหรับเรื่องความแค้นของสำนัก ทำได้เพียงรอโอกาสแก้แค้นในอนาคตแล้ว”
แม้แต่คนในสำนักยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ชาตินี้เฉินเยว่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องล้างแค้นนี้แล้ว
แต่ว่า เฉินกั๋วเหลียงกลับไม่ยอมลามือ พูดอย่างเสียงดัง “แบบนี้ไม่ได้ สำนักของพวกเธอได้รับความลำบากใจขนาดนี้ เธอที่เป็นศิษย์ในสำนัก จะไม่ไปทวงความยุติธรรมให้สำนักได้อย่างไรกัน?”
“เธอวางใจเถอะ มีปู่อยู่ทั้งคน ปู่ต้องช่วยเธอทวงความยุติธรรมกลับมาให้กับสำนักของเธออย่างแน่นอน!”
เฉินเยว่มองเฉินกั๋วเหลียง ไม่เข้าใจว่าเฉินกั๋วเหลียงเป็นอะไร เธอรู้นิสัยของเฉินกั๋วเหลียงดี รู้ว่าเฉินกั๋วเหลียงไม่ใช่คนที่เลินเล่อและโอหัง
แต่ว่าตอนนี้การแสดงออกของเฉินกั๋วเหลียง ทำให้เฉินเยว่ต้องมองด้วยสายตาที่ทึ่ง
ไม่เพียงแต่เฉินเยว่ คนที่เหลือของตระกูลเฉินก็มองเฉินกั๋วเหลี่ยงเหมือนคนบ้า แค่เพราะเฉินกั๋วเหลียงนั้นเป็นผู้นำของตระกูล พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงออกเท่านั้นเอง
เฉินเยว่กล่าว “คุณปู่ ถ้าหากคุณปู่ต้องการช่วยหนูจริงๆ ก็ช่วยหนูเรียกเฉินโม่กลับมาเถอะ บางทีอาจจะมีแค่เขาที่จะสามารถช่วยหนูแย่งสำนักกลับคืนมาได้!”
เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะกล่าว “เสี่ยวโม่ก็ต้องช่วยเธอได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เสี่ยวโม่อยู่อู่โจว รอเขามาถึงหนานซู อย่างน้อยก็เป็นเวลาสองวันให้หลัง ดังคำกล่าวที่ว่าน้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ ตอนนี้ปู่จะเป็นตัวแทนของเสี่ยวโม่ ไปช่วยเธอจัดการพวกมันเอง”
“คุณปู่ นี่……….” เฉินเยว่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว
“ไปเถอะ เธอวางใจได้เลย ปู่รู้จักประเมินตน!” ใบหน้าของเฉินกั๋วเหลียงเผยรอยยิ้มที่เลศนัยออกมา
“ก็ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าปู่ต้องรับปากหนูนะคะว่าแค่ไปดู อย่าฝืนเป็นอันขาด” เฉินเยว่กำชับ
“ปู่รู้แล้ว” เฉินกั๋วเหลียงตอบ
เฉินเยว่ได้พาเฉินกั๋วเหลียงมาถึงที่สำนักของเธอ การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว สำนักของเฉินเยว่ได้ล่มสลายไปแล้ว