แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1041 อ่อนข้อบทที่ 1042 ตกใจกลัวจนอึ้งค้าง
บทที่ 1041 อ่อนข้อ
ไม่นาน ทุกคนก็เลิกสนใจเยี่ยหวันหวั่น สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่ซุนเสวี่ยเจินกับฉินรั่วซีแทน
คนหนึ่งเป็นคุณหนูแห่งตระกูลศิลปะการต่อสู้ อีกคนเป็นคุณหนูตระกูลฉิน และตระกูลฉินก็ให้ความสำคัญ และคลั่งใคล้ศิลปะการต่อสู้มากเหมือนกัน ฉินรั่วซีเองก็เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในหมู่รุ่นหลังของตระกูลฉิน การประลองกับคุณหนูแห่งตระกูลซุนครั้งนี้ ทำให้ทุกคนตื่นเต้นและคาดหวังไม่น้อย
ผ่านไปไม่นาน ฉินรั่วซีกับคุณหนูตระกูลซุนก็เดินเคียงไหล่กันขึ้นเวทีประลอง
“น้องสาวเสวี่ยเจิน โปรดชี้แนะด้วย” ฉินรั่วซีหันไปมองซุนเสวี่ยเจิน แล้วเอ่ยปาก
ได้ยินอย่างนั้น ซุนเสวี่ยเจินก็หัวเราะเบาๆ “พี่รั่วซี ไม่ถึงขั้นชี้แนะหรอก มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันสักหน ฉันอยากประลองฝีมือกับพี่มานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสเลย”
ระหว่างพูด ซุนเสวี่ยเจินก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว เรือนร่างเคลื่อนขยับพลิ้วไหวดุจสายลม ราวกับเดินนวยนาดออกมาจากภาพวาด แล้วก็เหมือนตัวชะมดที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสุดขีด
เพียงเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของซุนเสวี่ยเจิน มู่สุยเฟิงกับเซนนีซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งของแขกวีไอพีก็เริ่มสนใจขึ้นมาในที่สุด พวกเขาพยักหน้าเอ่ยชมไม่ขาดปาก
ต้องบอกว่าฝีมือของซุนเสวี่ยเจินไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากจะใช้ได้จริงแล้ว ยังมีท่วงท่าที่สวยงามน่าชมอีกด้วย ทำให้ผู้ชมได้รับอรรถรสทั้งด้านสายตาและจิตใจ
เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่บนสแตนด์คนดู ชมการประลองของฉินรั่วซีกับซุนเสวี่ยเจินบนเวทีประลอง อดขบคิดเงียบๆ ไม่ได้
คนพวกนี้ ก็ทำได้แค่สู้กับพวกไฮดี้เท่านั้น ถ้าหากเจอยอดฝีมือระดับเดียวกับพวกเนี่ยอู๋หมิง กับนักพรตชั่วร้าย แล้วก็อี้จือฮวา เกรงว่าคงถูกสยบในกระบวนท่าเดียว
ฝีมือของซุนเสวี่ยเจินแม้ไม่ธรรมดา แต่นอกจากความคล่องแคล่ว ก็ไม่มีอะไรอีกเลย ไม่เหมาะที่จะสู้กับผู้อื่นซึ่งหน้า ถ้าหากซุนเสวี่ยเจินเป็นนักฆ่า แล้วใช้ท่าร่างนี้ ก็ถือว่าไม่เลว
ไม่ว่าจะเป็นซุนเสวี่ยเจินหรือฉินรั่วซี กระบวนท่าของสองคนนี้แกะไม่ยากเลย ถ้าหากเธอขึ้นไปประลองด้วย ไม่เกินสิบวินาที ก็คงรู้ผลแพ้ชนะแล้ว…
บนเวที ฉินรั่วซีออมมือให้ซุนเสวี่ยเจินตลอด เยี่ยหวันหวั่นมองออก ว่าฉินรั่วซีไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดในการประลองกับซุนเสวี่ยเจิน
ฉินรั่วซีฉลาดไม่เบา เธอตั้งใจอ่อนข้อเพื่อทำให้ซุนเสวี่ยเจินได้หน้า…
เพราะถึงยังไง งานประชุมศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ตระกูลซุนก็เป็นเจ้าภาพ ถึงแม้ฉินรั่วซีจะชนะไป ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ทำให้ตระกูลซุน และซุนเสวี่ยเจินติดค้างน้ำใจเธอดีกว่า…
จำต้องบอกว่า ความสามารถในการซื้อใจคนของฉินรั่วซีนั้น ถือว่าอยู่ระดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
นาทีนี้ บนเวทีประลอง ฉินรั่วซีแข็งแกร่งไร้ที่ติทุกกระบวนท่า ซุนเสวี่ยเจินถึงขั้นยากรับมือ แต่ผ่านไปไม่นาน กลับจงใจเผยช่องโหว่ให้ซุนเสวี่ยเจินเห็น และฉวยโอกาสโต้กลับได้
เมื่อนานไป ผู้ชมก็เริ่มมองออกแล้วเช่นกัน ระดับฝีมือของฉินรั่วซี อยู่เหนือกว่าซุนเสวี่ยเจินจริงๆ
ทุกครั้งหลังจากที่ฉินรั่วซีตั้งใจบีบซุนเสวี่ยเจินให้ถอย และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง เธอก็จะรีบจงใจพลาดท่าและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้
ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีผ่านไป ฉินรั่วซี ‘พลาดท่า’ ซุนเสวี่ยเจินรีบฉวยโอกาสนั้นไว้ทันที เธอสับฝ่ามือดุจใบมีดที่แหวกอากาศโจมตีเข้าไป ภายใต้ความ ‘จำใจ’ ฉินรั่วซีจำต้องหนีออกนอกเขตเวทีประลอง
“คุณหนูซุนเสวี่ยเจินชนะ!”
วินาทีที่ฉินรั่วซีหนีออกจากเวทีประลอง ผู้ตัดสินรีบประกาศชื่อผู้ที่เป็นฝ่ายชนะในการประลองครั้งนี้
พอเห็นอย่างนั้น ซุนลี่จ้งที่นั่งอยู่บนที่นั่งวีไอพีก็ทำหน้าปลื้มปลิ่ม อดหันไปมองฉินรั่วซีด้วยสายตาชื่นชมไม่ได้
ระดับฝีมืออย่างซุนลี่จ้ง มีหรือจะดูไม่ออก ว่าฉินรั่วซีจงใจอ่อนข้อให้ซุนเสวี่ยเจิน ไม่อย่างนั้น ผู้ชนะในครั้งนี้ ต้องไม่ใช่ลูกสาวเขาแน่
————————————————————————————-
บทที่ 1042 ตกใจกลัวจนอึ้งค้าง
“รั่วซี…”
หลังจากที่ชื่อของตัวเองถูกผู้ตัดสินประกาศให้เป็นผู้ชนะ ซุนเสวี่ยเจินงุนงงไปชั่วขณะ การประลองครั้งนี้รับมือยากมาก ถ้าหากไม่ใช่ว่าฉินรั่วซีอ่อนข้อให้ตัวเองหลายครั้ง เธอคงแพ้หมดรูปไปนานแล้ว…
ตอนแรกซุนเสวี่ยเจินคิดว่าฉินรั่วซีแค่ไม่อยากให้เธอแพ้น่าเกลียดเกินไป แต่ไม่คิดว่าฉินรั่วซีกลับยกชัยชนะให้เธอ
“น้องสาวเสวี่ยเจินฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ยินดีกับน้องเสวี่ยเจินด้วยที่ชนะในนามตัวแทนของตระกูลซุน” ฉินรั่วซีหันไปมองซุนเสวี่ยเจิน แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
ได้ยินอย่างนั้น ซุนเสวี่ยเจินก็แย้มยิ้ม แล้วรีบตอบว่า “รั่วซี พี่เองก็เก่งมากเหมือนกัน ฉันชื่นชมพี่จากใจจริงๆ”
เอ่ยตบ ซุนเสวี่ยเจินก็หันไปทางเยี่ยหวันหวั่น แล้วมองเธอด้วยสายตาพิจารณาคล้ายไม่ตั้งใจ ในสายตาเต็มไปด้วยแววเกลียดชัง
“ผู้ตัดสิน ตัวแทนของตระกูลซือ ไม่ต้องขึ้นมาประลองก็ได้เหรอคะ?” ซุนเสวี่ยเจินหันไปพูดกับผู้ตัดสิน เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ยอมตัดสินใจ
พอได้ยินอย่างนี้ ผู้ตัดสินอายุมากท่านหนึ่งก็ลุกขึ้น หันไปมองทางเยี่ยหวันหวั่น แล้วพูดแกมหยั่งเชิงอีกครั้ง “คุณหนูเยี่ย ครั้งนี้คุณมาในนามตัวแทนของตระกูลซือ เชิญคุณหนูขึ้นเวทีประลองกับตัวแทนของตระกูลซือด้วย”
“เพราะคุณมาในนามตัวแทนของตระกูลซือ จึงจำเป็นต้องขึ้นประลอง นี่เป็นกฎ” ผู้อาวุโสของกลุ่มผู้ตัดสินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มและดังกว่าเดิม
ครั้งนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ได้ปฏิเสธ เธอลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “ได้”
ในเมื่อผู้ตัดสินบอกว่าเป็นกฎ งั้นเธอก็ต้องทำตามกฏสิ
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นยอมตกลงประลองในที่สุด ฉินรั่วซีหยักยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
บนเวที ซุนเสวี่ยเจินมองเยี่ยหวันหวั่นที่สาวเท้าเดินขึ้นเวทีมาอย่างแช่มช้า แล้วพูดว่า “วางใจ…ฉันจะทำให้การประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่คุณหนูลืมไม่ลงแน่นอน”
“อ้อ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า สีหน้าเฉยชา
นาทีนี้ พวกบอดี้การ์ดของตระกูลซือก็แอบกังวลเหมือนกัน หลังจากเยี่ยหวันหวั่นขึ้นเวทีไป ถึงจะไม่ถูกซุนเสวี่ยเจินซ้อมจนตาย แต่ยังไงก็ต้องถูกซ้อมจนมีสภาพกึ่งตายแน่ๆ…
แค่พวกเขาก็ขายหน้ามากพออยู่แล้ว ถ้าเยี่ยหวันหวั่นขึ้นเวทีไป แล้วเจอซุนเสวี่ยเจินซ้อมอย่างไม่ออมมือเลย…ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะไม่ยิ่งขายหน้ากว่าเดิมเหรอ…
ไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็เดินมาถึงเวทีประลอง เธอมองข้ามคำพูดถากถางเยาะเย้ยและสายตาดูถูกทั้งหมด
“เริ่มการประลอง!”
ผู้ตัดสินรีบประกาศทันที
เมื่อสิ้นเสียง ซุนเสวี่ยเจินก้าวเท้าออกมา พุ่งตัวเข้ามาหาเยี่ยหวันหวั่นในพริบตา
แต่ทว่า เยี่ยหวันหวั่นกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับมองไม่เห็นซุนเสวี่ยเจินอย่างไรอย่างนั้น
“ฮ่าๆๆ ตัวแทนของตระกูลซือตกใจกลัวจนอึ้งค้างไปแล้วเหรอนั่น!”
“คงจะตั้งตัวไม่ทันล่ะมั้ง เพราะยังไงก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอยู่แล้ว”
ผู้ชมบางส่วนพากันวิพากษ์วิจารณ์
แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง เยี่ยหวันหวั่นพลันสะบัดมือ “ผู้ตัดสิน ฉันยอมแพ้ค่ะ”
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนั้น ซุนเสวี่ยเจินอึ้งงัน มือยังค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
อะไรกัน? เยี่ยหวันหวั่นตัวแทนของตระกูลซือ เพิ่งจะเดินขึ้นเวที…ก็ยอมแพ้แล้ว?!
“นี่มัน…”
กลุ่มกรรมการทำหน้าลำบากใจ ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ยอมแพ้แล้ว นี่มันอะไรกัน พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักครั้ง…
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นยอมแพ้ง่ายๆ ฉินรั่วซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ…อย่าไปบังคับคุณหนูเขาเลยน่า คนอื่นเขาโตมาในคฤหาสน์ใหญ่โตไม่เคยต้องลำบาก จะเข้าใจเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าเกิดน้องเสวี่ยเจินไปทำเขาบาดเจ็บที่ไหนเข้าจะทำยังไง…”
“ใช่ การประลองเป็นเรื่องของความสมัครใจ คุณหนูเยี่ยก็เป็นแค่ตัวแทนของตระกูลซือ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องขึ้นเวทีประลองเลย”
…………………………….