แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1071 ตัวเองรับผิดชอบผลที่ตามมา บทที่ 1072 ไว้หน้าให้สักนิด
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1071 ตัวเองรับผิดชอบผลที่ตามมา บทที่ 1072 ไว้หน้าให้สักนิด
บทที่ 1071 ตัวเองรับผิดชอบผลที่ตามมา
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ หวงหมิงคุนขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่เคยคิดว่าเยี่ยหวันหวั่นคนนี้จะยุ่งยากแบบนี้ เดิมทีนึกว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้สบายๆ เสียอีก…หรือพูดว่า เยี่ยหวันหวั่นคาดการณ์อะไรได้…
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นยืนกรานไม่ให้ค้น งั้นเขาก็ไม่มีวิธีดีๆ แล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่…ดูสิคะ ถ้าเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เอาแหวนเอาไป แล้วเธอจะทำถึงขั้นนี้เหรอคะ!” เหลียงเหม่ยเซวียนมองเยี่ยหงเหวยกับถานอี้หลานร้องขอให้พวกเขาตัดสินใจ
เวลานี้ ถานอี้หลานขมวดคิ้วมองเยี่ยหวันหวั่น “หวันหวั่น ถ้าหลานไม่ได้เอาแหวนอีอีไป ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ส่งกระเป๋าให้พ่อบ้านคุนตรวจสอบสักรอบ”
“คุณย่าคะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่เต็มใจให้เขาตรวจสอบ เพียงแต่ว่า วันนี้มีแขกมากมายขนาดนี้มาที่นี่…หนูไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายจนน่าขายหน้าเกินไปนัก” เยี่ยหวันหวั่นทำสีหน้า ‘เสียใจมาก’
ได้ยินแบบนี้ เหลียงเหม่ยเซวียนแค่นหัวเราะ “ได้ เด็กเนรคุณไม่เจียมตัวนี่ขโมยแหวนของอีอีจริงๆ ทำไมพวกเราตระกูลเยี่ยต้องมีเดนมนุษย์ไม่รู้จักอายอย่างเธอด้วยนะ แม้แต่ของของครอบครัวตัวเองก็ยังขโมย! ตอนนี้กลัวขายหน้าแล้ว? ตอนทำไม่คิดซะบ้าง! สงสัยตอนอยู่ข้างนอก เธอก็คงขโมยของไม่น้อยสินะ!”
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเหลียงเหม่ยเซวียน “อาสะใภ้รอง ไม่ได้แปรงฟันกี่วันแล้วคะ?”
เหลียงเหม่ยเซวียนหน้าเปลี่ยนสี ยังไม่รอให้เอ่ยปาก เยี่ยหงเหวยกลับเอ่ยปาก ให้หวงหมิงคุนไปค้นกระเป๋าของเยี่ยหวันหวั่น
“อยากค้นก็ได้” เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเย็นชา “แต่ถ้ามีผลอะไรตามมา ขออาสะใภ้รองช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ”
พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ส่งกระเป๋าของตัวเองให้หวงหมิงคุน
เวลานี้ สายตาของทุกคนจดจ้องอยู่ที่กระเป๋าถือของเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนต่างอยากดูว่าเยี่ยหวันหวั่นขโมยแหวนหรือเปล่า
หวงหมิงคุนค้นหนึ่งรอบทันที ภายใต้สายตาของทุกคน เขาหยิบแหวนหยกสีเขียวเข้มออกมาหนึ่งวงจากในกระเป๋าเยี่ยหวันหวั่นได้อย่างง่ายดาย…
“นั่นไง เป็นเธอจริงๆ!” เหลียงเหม่ยเซวียนร้องลั่นเสียงแหลม
หลังจากเยี่ยเส่าถิงกับเหลียงหวั่นจวินเห็นหวงหมิงคุนค้นแหวนหยกออกมาจากในกระเป๋าถือของเยี่ยหวันหวั่นกับตา พวกเขาก็อึ้งงันโดยสมบูรณ์
เยี่ยหวงเหวยกับถานอี้หลานหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างแทบจะบันดาลโทสะ
“นี่…หวันหวั่นไม่ใช่คนแบบนี้ น่าจะมีการเข้าใจผิด…” เยี่ยอีอีพลันเอ่ยขึ้นมา
“เข้าใจผิด!?” เหลียงเหม่ยเซวียนแค่นหัวเราะ “ที่นี่คนตั้งมากมายขนาดนี้ ล้วนเห็นพ่อบ้านหวงค้นแหวนของลูกออกมาจากกระเป๋าถือของเยี่ยหวันหวั่น จะเข้าใจผิดได้ยังไง! จนถึงตอนนี้แล้วลูกยังปกป้องคนเนรคุณนี่อีกเหรอ!”
“แต่…” เยี่ยหวันหวั่นกัดริมฝีปาก สุดท้ายก็ถอนหายใจ ไม่พูดอีก
“สารเลว…”
เยี่ยมู่ฝานกัดฟันกรอด เขารู้ว่าเยี่ยอีอีต้องเล่นลูกไม้ล่วงหน้ามาก่อนแน่ ตอนนี้ยังมาทำท่าทนไม่ไหวน่าทะนุถนอม น่าขยะแขยงสิ้นดี!
หวันหวั่นยังถึงกับให้เขาเลียนแบบมาสักส่วนสองส่วน แต่เกรงว่าทั้งชาตินี้เขาคงเลียนแบบความหน้าไม่อายขนาดนี้ไม่ไหว
ดูเหมือนเสียงที่พลันดังเซ็งแซ่ของแขกเหรื่อในงานเวลานี้จะเป็นทำนองว่า คุณหนูรองผู้สง่างามของตระกูลเยี่ยเยี่ยหวันหวั่นที่แท้กลับเป็นหัวขโมย แถมยังขโมยบ้านตัวเอง!
“มีพ่อแม่แบบไหนก็มีลูกสาวแบบนั้น!”
“เหอะๆ…พ่อแม่สั่งสอนไม่ดี เลยเลี้ยงลูกออกมาเป็นหัวขโมย”
“น่าขายหน้าหน้าชะมัด…!”
แขกจำนวนหนึ่ง พากันเอ่ยปากหัวเราะเยาะ
เยี่ยหงเหวยกับถานอี้หลานหายใจกระชั้นอยู่บ้าง ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“เยี่ยหวันหวั่น ถ้าเธอขาดเงินก็บอกมา นึกไม่ถึงเลยว่าจะถึงกับไปขโมย! เธอทำตระกูลเยี่ยขายหน้า ทำคุณปู่คุณย่าขายหน้าจริงๆ จากนี้ เธอจะให้คุณปู่คุณย่าเธอทำตัวยังไง ยายเด็กเนรคุณตระกูลเยี่ย!” เหลียงเหม่ยเซวียนชี้หน้าด่าเยี่ยหวันหวั่นอย่างดุเดือด
…………………………………
บทที่ 1072 ไว้หน้าให้สักนิด
เยี่ยมู่ฝานรีบก้าวเข้ามา มองเหลียงเหม่ยเซวียนแล้วเอ่ยยิ้มเยาะ “ผมว่า พวกอาสะใภ้ต่างหากที่ใส่เข้าไปเอง พวกอาจงใจใส่ร้ายกันชัดๆ!”
ได้ยินเยี่ยมู่ฝานเอ่ยแบบนี้ เยี่ยอีอีก็เอ่ยด้วยสีหน้าปวดใจ “มู่ฝาน พูดแบบนี้ได้ยังไง…”
เหลียงเหม่ยเซวียนสีหน้าเปี่ยมแววเหยียดหยาม “อีอี ลูกดูสิ เมื่อกี้ลูกยังปกป้องพวกเขาตลอด แล้วผลเป็นไงล่ะ ขโมยแหวนของลูกไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับ แต่ยังแว้งกัดพวกเราอีก!”
เวลานี้แขกในงานของตระกูลเยี่ยทั้งหมดต่างมองสองพี่น้องเยี่ยมู่ฝานกับเยี่ยหวันหวั่น ในดวงตาพากันฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์
เยี่ยหงเหวยกับถานอี้หลานมีสีหน้าน่าเกลียดอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเรื่องเล็กก็แล้วไป แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับขโมยของ แถมยังขโมยของของครอบครัวตัวเอง…
เหลียงซือหานเห็นพ่อบ้านค้นแหวนออกมาจากในกระเป๋าถือเยี่ยหวันหวั่นได้แล้วก็ดีใจมาก เอ่ยปากอย่างตื่นเต้นทันที “ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องขโมยไปแน่นอน! วันนี้นอกจากคนบางคนที่นี่ ยังจะมีใครทำเรื่องอย่างหมาขโมยไก่แบบนี้ได้อีก!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก “ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องนี้แล้วไปเถอะ…”
“ครอบครัวเดียวกัน?” เหลียงเหม่เซวียนที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเยาะ “เธอก็เป็นคนของตระกูลเยี่ยพวกเราเหรอ ไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลเยี่ยทำบาปกรรมอะไรมา ถึงสั่งสอนคนแบบนี้ออกมาได้!”
เยี่ยหวันหวั่นมองเหลียงเหม่ยเซวียน เอ่ยไม่ช้าไม่เร็ว “อาสะใภ้รองคะ พูดจาระวังปากบ้าง อย่าทำให้เรื่องน่าเกลียดไปมากกว่านี้จะดีกว่า”
“จะทำไม เธอยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ตอนเป็นหัวขโมยลักของทำไมไม่คิดบ้างว่าถูกจับได้ผลจะน่าเกลียดขนาดไหน!” เหลียงเหม่ยเซวียนชี้หน้าด่าเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจเบาๆ “ตอนแรก หนูยังคิดว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เลยอยากไว้หน้าให้พวกคุณอาสักนิด…”
“เยี่ยหวันหวั่น เธอขโมยแหวนของคุณหนูอีอี ทำไมยังมั่นใจหนักแน่นแบบนั้นได้อีก ประพฤติตัวกับผู้ใหญ่ก็ยังไร้ความเคารพไร้มารยาท! คุณหนูอีอี คุณอย่าใจอ่อนอีกเลย ทุกอย่างพิสูจน์แน่ชัดแล้ว ยังจะดื้อด้านไม่ยอมรับ กับคนอย่างนี้ ไม่สู้แจ้งตำรวจโดยตรงเลยดีกว่า!” เหลียงซือหานเอ่ยอย่างขุ่นเคืองในความอยุติธรรม
เหลียงเหม่ยเซวียนกำลังรอจังหวะนี้อยู่พอดี รีบเอ่ยตามคำพูดของเหลียงซือหาน “เยี่ยหวันหวั่น ตอนแรกถ้าเธอขอโทษดีๆ เรื่องนี้ก็แล้วไปได้ แต่ตอนนี้ ถ้าเธอให้ตายก็ยังไม่ยอมสำนึกอีก ก็อย่าโทศฉันที่ทำตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้วกัน! ตระกูลเยี่ยไม่มีสวะสังคมที่ขโมยของคนแบบนี้!”
“แกว่าใครเป็นสวะหา!” เยี่ยมู่ฝานพุ่งเข้าไปอย่างทนไม่ไหว ตอนที่เขาโดนพูดแบบนี้ยังไม่โกรธขนาดนี้มาก่อน
“จิ๊ๆๆ คนหนึ่งก็อาชญากรหัวขโมย คนหนึ่งก็พวกชอบใช้กำลัง นี่สั่งสอนคนยังไงกันนะ…”
ได้ยินพวกแขกยิ่งพูดกันยิ่งฟังไม่เข้าหู เยี่ยหงเหวยกับถานอี้หลานก็หน้าเปลี่ยนสีแล้วเปลี่ยนสีอีก
“ก็ได้ หนูเห็นด้วย แจ้งตำรวจเถอะ” เวลานี้เอง เยี่ยหวันหวั่นพลันเอ่ยขึ้นมา
เยี่ยมู่ฝานเบิกตากว้างอย่างตกใจ “หวันหวั่น เธอกำลังพูดอะไรน่ะ”
“ตอนแรกเห็นแก่ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเลยไม่อยากก่อเรื่องน่าขายหน้ามาก” เยี่ยหวันหวั่นหันมองเยี่ยมู่ฝาน จากนั้นเอ่ยพูดต่อ “แต่คนพวกนี้ขโมยแหวนของฉัน ไม่เพียงไม่คิดสำนึกผิดแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ยังจะย้อนมาใส่ร้ายฉัน ฉันก็ได้แต่ต้องให้ตำรวจจัดการแล้ว!”
วินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ สถานที่จัดงานก็พลันเงียบกริบด้วยความตกตะลึงหลายวินาที บรรดาแขกพากันมองหน้าซึ่งกันและกัน
“ว่าไงนะ!”
“ขโมยแหวนของเธอ?”
“ฝันไปหรือเปล่า นี่เป็นแหวนหมั้นของเยี่ยอีอีไม่ใช่เหรอ ทำไมกลายเป็นของเธอได้ คงไม่ใช่ว่าขโมยของแล้วถูกจับได้ เลยรับความจริงไม่ได้ เกิดหลอนไปแล้วหรอกนะ…”
…………………………..