แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 133
แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 133 นี่ที่ไหน ฉันเป็นใคร / บทที่ 134 ไม่นานเดี๋ยวคุณก็รู้
บทที่ 133 นี่ที่ไหน ฉันเป็นใคร
ซ่งจื่อหางมองไปทางเฉินเมิ่งฉี แสดงออกว่าพอใจมาก
ผู้หญิงที่ใจกว้างรู้เรื่องนี่สิถึงคู่ควรกับเขาในวันข้างหน้า แต่ว่าเจียงเยียนหรานขี้หึงแบบนี้ นานๆ ทีดูไปแล้วก็น่ารักเหมือนกัน
ซ่งจื่อหางก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ท่าทีของตัวเองที่มีต่อเธอนั้นเลวร้ายเหมือนกัน เลยเป็นฝ่ายเดินไปหาเจียงเยียนหรานก่อน สีหน้าอ่อนโยนไม่น้อยเลย แต่น้ำเสียงกลับเย่อหยิ่งอยู่ “เยียนหราน ผมรู้ความรู้สึกที่คุณมีต่อผม แต่เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ เหมือนก่อนหน้าที่คุณตามตื๊อผมแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจริงๆ แต่ถึงยังไงพวกเราก็รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว ขอแค่ต่อจากนี้คุณทำอะไรก็อย่าเกินเลยไป และอย่าทำเรื่องที่ทำร้ายเมิ่งฉีอีก อีกหน่อยทุกคนก็ยังเป็นเพื่อนกันได้…”
เจียงเยียนหรานมองไปที่เฉินเมิ่งฉีและซ่งจื่อหางที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หมาที่ดีมันไม่ขวางทาง ช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”
เฉินเมิ่งฉีและซ่งจื่อหางได้ยินสีหน้าแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เจียงเยียนหรานก็ไม่ได้สนใจพวกเขา พูดจบก็เดินผ่านสองคนไป ในมือถือขวดน้ำ เดินไปข้างหน้าต่อ
เห็นภาพนี้แล้ว คนรอบๆ ต่างอึ้งกันไปหมด ผ่านไปสักพักต่างมองหน้ากัน
“เอ๋? นี่เจียงเยียนหรานจะไปไหนล่ะ?”
“หรือว่าเธอไม่ได้มาหาซ่งจื่อหาง?”
“นอกจากซ่งจื่อหางแล้วเธอจะไปหาใครล่ะ? เอ๊ะ? นั่นมันทางไปทีมบาสของจิ่นซิ่วไม่ใช่เหรอ?”
…….
ภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นนับไม่ถ้วนนั้น เจียงเยียนหรานเดินไปทางทีมบาสของโรงเรียนจิ่นซิ่วจริงด้วย
ไม่เพียงแต่คนฝั่งชิงเหอ พวกนักกีฬาทีมบาสของจิ่นซิ่วที่กำลังเศร้าสลดอยู่เห็นสาวสวยคนหนึ่งเดินตรงมาทางพวกเขา ก็อึ้งไปเช่นกัน
“โห! สาวสวย! เด็กใครเนี่ย?”
“ไม่รู้สิ!”
“เหมือนจะเป็นผู้หญิงของชิงเหอเลย!”
ผู้ชายย้อมผมทองคนหนึ่งในนั้นผลักทุกคนออก หน้าตาดูกระตือรือร้นเดินไปหน้าเจียงเยียนหราน “สาวสวยคนนี้ มาหาใครหรือ?”
“นั่นเจียงเยียนหรานไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาหาพวกเรา?” ไม่ไกลนั้นหัวหน้าทีมบาสที่กำลังรักษาสภาพจิตใจของฉู่เฟิงอยู่ก็กระซิบบอกด้วยความสงสัย
วินาทีที่สิ้นสุดเสียง ก็ได้ยินเจียงเยียนหรานตอบ “ฉันมาหาฉู่เฟิง”
“ฉู่เฟิง…”
ใคร! ฉู่เฟิง?
ทันใดนั้นหัวหน้าทีมมองไปทางฉู่เฟิงด้วยความตกใจ ส่วนคนข้างหลังนั้นสีหน้าดูไร้จิตวิญญาณ ใบหูแดงไปหมด ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้น เหมือนเพิ่งผ่านการวิ่งสามพันเมตรมา
หนุ่มผมทองได้ยินทันใดนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “เอ๊ะ ไม่ใช่มั้ง! มาหาฉู่เฟิงเนื้อร้ายในทีมนั่นน่ะเหรอ! โอ๊ย ใครเตะฉันวะ!”
หนุ่มผมทองเพิ่งพูดจบ ก็โดนฉู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังเตะเข้าหนึ่งที
ฉู่เฟิงตื่นเต้นจนมือไม้พันกันไปหมดแล้ว แต่ยังแกล้งฝืนใจเย็น เดินไปทางเจียงเยียนหราน “เยียนหราน… คุณ… คุณมาหาผม…”
เจียงเยียนหรานพยักหน้า
“มีเรื่องอะไรหรือ?” ฉู่เฟิงคิดว่าตัวเองแย่แล้ว ต้องเป็นเพราะเมื่อกี้ทำขายหน้าแน่เลย เกมส์ยังไม่จบก็ตายเสียก่อนแล้ว!
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ตอนที่ฉู่เฟิงพูดว่าตายเป็นร้อยครั้งในหัวตัวเอง จู่ๆ เจียงเยียนหรานก็ยื่นน้ำขวดนั้นมาตรงหน้าเขา “ให้คุณค่ะ”
“…” ทันใดนั้นใบหน้าฉู่เฟิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ราวกับวินาทีนั้นฤดูหนาวเหน็บที่เต็มไปด้วยหิมะก็แปรเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มรับน้ำขวดนั้นมาด้วยความตื่นเต้นที่สุดเหมือนได้รับตราลัญจกรหยกมาเลย “ขอบ…ขอบคุณ…”
หลังเจียงเยียนหรานยื่นน้ำให้ เธอก็มองไปบนอัฒจันทร์แวบหนึ่ง เห็นเยี่ยหวั่นหวันทำปากบอกใบ้เตือนให้เธอเริ่มขั้นต่อไป
เจียงเยียนหรานทำอะไรไม่ได้ คิดว่าวันนี้ที่เขาเล่นแบบนี้ตัวเองก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย จึงทำตามที่เยี่ยหวั่นหวันสอนอย่างโดยดี
เจียงเยียนหรานยกผ้าขนหนูสีขาวในมือขึ้นมา ค่อยๆ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของชายหนุ่ม แล้วพูด “สู้ๆ นะ”
ฉู่เฟิงนิ่งงัน
ฉันเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน ทำไมข้างหน้าเขามีแต่ดอกไม้เล็กๆ เบ่งบาน…
…………………………………….
บทที่ 134 ไม่นานเดี๋ยวคุณก็รู้
วินาทีนั้นผู้ชายทีมบาสของจิ่นซิ่วทุกคนต่างแซวกันอย่างตื่นเต้น
“โอ๊ยๆๆๆ”
“อื้อหือ! เจ๋งว่ะ! ฉู่เฟิงนายซ่อนไว้เงียบเลยนะ! ตอนแรกยังสงสัยอยู่ว่าวันนี้ทำไมแปลกไป ไม่ใช่อกหัก แต่มีความรักต่างหาก ใจไปอยู่ที่แฟนหมดเลยสินะ!”
“มิน่านายนี่เมื่อกี้เอาแต่มองไปบนอัฒจันทร์!”
“น้องสาวอย่าโดนใบหน้านายนี่หลอกเอานะ!
…….
“หุบปากกันให้หมดเลย!” ฉู่เฟิงจ้องพวกนั้นอย่างอารมณ์เสีย
“งั้นฉันไปก่อนนะ เพื่อนฉันรออยู่” เจียงเยียนหรานพูด
ฉู่เฟิงทำหน้าผิดหวังขึ้นมาทันที แล้วถามอย่างเป็นกังวล “งั้น… เดี๋ยวเจอกัน?”
“อืม” เจียงเยียนหรานพยักหน้า
ได้ยินคำว่า “อืม” หัวใจฉู่เฟิงที่กระเด้งกระดอนวนไปทั่วทั้งโลก ในที่สุดก็กลับมาอยู่กับตัว
เขาไม่ได้โดนทิ้ง! นัดเย็นนี้ยังมีอยู่!
เทียบกันแล้วฝั่งจิ่นซิ่วมีเสียงดังเฮฮาและล้อเล่น ส่วนฝั่งชิงเหอบรรยากาศกลับแปลกๆ
สายตาแทบทุกคนมาอยู่ที่ซ่งจื่อหาง
วินาทีก่อนหน้านี้ เขายังคิดเองเออเองว่าเจียงเยียนหรานมาหาตัวเอง ปรากฏว่าเธอดันไปหาฉู่เฟิงฝ่ายตรงข้าม
“โอ้โห! ข่าวใหญ่ข่าวดังจริงๆ! เจียงเยียนหรานกับฉู่เฟิง? สองคนนี้รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร?”
“ถึงแม้จะตกใจ แต่ก็รู้สึกว่าสองคนนี้เหมาะสมกันดีอยู่นะ? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นฉู่เฟิงเขินขนาดนี้ ฮ่าๆๆ น่ารักจังเลย!”
“ที่จริงก็สมกันอยู่นะ วงศ์ตระกูลฐานะเท่าเทียมกัน ได้ข่าวว่าฐานะทางบ้านของฉู่เฟิงก็ดีมาก!”
“ฉันยังคิดว่าหลังเจียงเยียนหรานโดนทิ้งแล้วจะทรุดจนลุกไม่ขึ้นเสียอีก คิดไม่ถึงว่าแวบเดียวก็หาคนใหม่ได้แล้ว!”
“พวกเธอเสียแรงกังวลไปเปล่าๆ ด้วยเงื่อนไขอย่างเจียงเยียนหรานแล้ว คิดจะหาแบบไหนจะไม่มีหรือ? ซ่งจื่อหางนั่นแหละ ฉันคิดว่าเขาตาบอดจริงๆ!”
………
ซ่งจื่อหางเห็นเจียงเยียนหรานเอาน้ำไปให้ผู้ชายคนอื่นเต็มสองตา แล้วยังเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดด้วย เขาโมโหจนหน้าบูดบึ้ง ได้ยินเสียงวิจารณ์รอบๆ สีหน้ายิ่งดูแย่หนัก
ตอนที่เจียงเยียนหรานเดินผ่านมาทางพวกเขา ซ่งจื่อหางเดินอย่างรวดเร็วไปขวางทางเธอไว้ “เจียงเยียนหราน นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
ยัยผู้หญิงบ้านี่ กล้าสวมเขาให้เขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
“อะไร?” เจียงเยียนหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย
เวลานี้สีหน้าซ่งจื่อหางมืดมนจนดูดุร้ายขึ้นมา “หึ ปากก็บอกว่าชอบฉัน แต่ลับหลังก็ไปคบกับหนุ่มหน้าขาวที่โรงเรียนข้างๆ! ก่อนหน้านี้เธอกับเขาแอบคบกันมาอยู่แล้วใช่ไหม?”
เจียงเยียนหรานยิ้มเย็นชา “ใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง? ฉันชอบใคร คบกับใคร เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
“ฮา” คนรอบๆ ได้ยินก็ขำออกมา
ที่เจียงเยียนหรานพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เดิมทีสองคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่บางคนออกมาพูดล้างมลทินให้เฉินเมิ่งฉีก็ใช้มุขนี้เพื่อบอกเลิกไม่ใช่หรือ?
ซ่งจื่อหางแทบจะเป็นบ้า พูดออกไปโดยไม่คิด “เธออย่าลืมว่าพวกเรามีสัญญาแต่งงานกันอยู่ แต่เธอกลับทำลับหลังฉัน…”
“สัญญาแต่งงาน? พวกเรามีสัญญาแต่งงานตั้งแต่เมื่อไร?”
“พวกเรา…” เดิมทีซ่งจื่อหางจะตอบโต้กลับ แต่หลังเห็นสายตาของเฉินเมิ่งฉี ก็เลยไม่พูดออกไป เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งโพสต์เปิดเผยว่าตัวเองกับเจียงเยียนหรานไม่ได้เป็นอะไรกัน สัญญาแต่งงานก็ไม่มี
ถ้าตอนนี้พูดออกมาอีก ไม่ใช่ว่าพูดกลับลำหรือ
“เจียงเยียนหราน เธอคิดถึงผลที่เธอทำแบบนี้ให้ดี!” ซ่งจื่อหางเก็บกักความโกรธกลับเข้าไป
“ผลหรือ? ไม่นานเดี๋ยวคุณก็รู้” เจียงเยียนหรานยิ้ม เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาเลย