แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1393 ตระกูลโบราณสกุลซือ บทที่ 1394 แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1393 ตระกูลโบราณสกุลซือ บทที่ 1394 แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ
บทที่ 1393 ตระกูลโบราณสกุลซือ
เนี่ยอู๋หมิงรับเงินมาจึงค่อยหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยปาก “หลังฉันกลับมาก็ไปสอบถามโดยเฉพาะ หนึ่งในตระกูลโบราณโลกลับของรัฐอิสระก็คือตระกูลซือ ในตระกูลซือมีคนชื่อซือเยี่ยนหานอยู่จริงๆ เป็นบุคคลระดับซูเปอร์โนวาของตระกูลซือ แต่วางตัวลึกลับโผล่หน้าค่าตาน้อยมาก”
ได้ยินเนี่ยอู๋หมิงพูดแบบนี้เยี่ยหวันหวั่นก็มีสีหน้าแปลกใจ
เยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้จักตระกูลโบราณโลกลับพวกนั้นของรัฐอิสระ หนึ่งในตระกูลโบราณโลกลับที่แข็งแกร่งสุดยอดนั้นก็คือตระกูลซือ
แต่ซือเยี่ยหานจะเกี่ยวข้องกับตระกูลซือของรัฐอิสระได้ยังไง ตระกูลซือนั่นเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ตั้งระดับไหน…
ถึงซือเยี่ยหานแซ่ซือ แต่ก็เป็นแค่สายตระกูลซือของประเทศจีนจึงจะถูก ตระกูลซือของประเทศจีนเกี่ยวอะไรกับตระกูลซือของรัฐอิสระด้วย
“ฮ่าๆ น้องโหย่วหมิงอย่าคิดเลย ฉันคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้” เนี่ยอู๋หมิงหัวเราะเสียงเบาก่อนเอ่ย “คนที่น้องโหย่วหมิงตามหาเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลซือ ถึงสกุลนี้จะเหมือนกันแต่ก็มีสกุลซืออยู่มากมาย น้องโหย่วหมิงคงไม่เชื่อมโยงกันเพราะชื่อสกุลเหมือนกันหรอกนะ”
จู่ๆ นักพรตใจบริสุทธิ์ก็มองเนี่ยอู๋หมิง “หัวหน้า…นี่ไม่เหมือนแค่สกุลนะ แม้แต่ชื่อจริงก็ยังเหมือนกันด้วย…”
ได้ยินดังนั้นเนี่ยอู๋หมิงก็เหล่มองอย่างไม่พอใจเล็กน้อย พวกเขาสองคนใครคือหัวหน้าหา
“หัวหน้า เถ้าแก่โหย่วหมิง เมื่อก่อนผมเคยคบค้ากับตระกูลซือนิดหน่อยเลยพอเข้าใจอยู่บ้าง ไม่สู้ให้ผมเล่าเรื่องตระกูลซือให้พวกคุณฟังเป็นยังไง” นักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ยปาก
“ได้ นายเล่ามา” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“ความจริงเป็นอย่างนี้ ตระกูลซือเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ลูกหลานที่เกิดในตระกูลเมื่อถึงอายุที่กำหนดจะต้องทำการทดสอบเฉพาะทาง การทดสอบนั้นรวมทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย คุณธรรมเป็นต้น แต่ถ้าไม่ถึงมาตรฐานแค่ด้านเดียว ตระกูลซือจะส่งลูกหลานคนนั้นออกนอกรัฐอิสระ และเด็กที่ถูกส่งออกไปพวกนั้นจะมีคนคอยปกป้องโดยเฉพาะ จนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงจะค่อยปล่อยให้เด็กคนนั้นพัฒนาตนอยู่ข้างนอก” นักพรตใจบริสุทธิ์เล่าช้าๆ
เนี่ยอู๋หมิงเบ้ปาก “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนที่น้องโหย่วหมิงหากันเล่า”
“แน่นอนว่าเกี่ยวสิครับ” นักพรตใจบริสุทธิ์ยิ้มน้อยๆ สีหน้ามีลับลมคมใน ท่าทางประหนึ่งเทพเซียน “และเมื่อเด็กที่เกิดจากลูกหลานที่ถูกส่งออกไปกับคู่ครองอายุครบกำหนด ตระกูลซือก็จะส่งคนรับเด็กมาที่รัฐอิสระเพื่อทำการทดสอบอีกครั้ง
“ถ้าทดสอบผ่านมาตรฐาน เด็กจะอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานเด็กจะถูกส่งกลับ…
“เพราะงั้น หัวหน้า เถ้าแก่โหย่วหมิง พวกคุณว่าพ่อของซือเยี่ยหานจะเป็นเด็กที่ไม่ผ่านการทดสอบของตระกูลซือเมื่อตอนนั้นแล้วถูกส่งออกไปหรือเปล่า และหลังจากมีซือเยี่ยหาน ซือเยี่ยหานก็ถูกพามารัฐอิสระเพื่อรับการทดสอบ…สุดท้ายสอบผ่านเลยถูกให้อยู่ที่นี่…นี่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นา”
ได้ยินคำอธิบายของนักพรตใจบริสุทธิ์เยี่ยหวันหวั่นก็คิดใคร่ครวญ ถ้าเป็นซือเยี่ยหานละก็…ด้วยความสามารถของเขา…จะต้องได้อยู่ตระกูลซือแน่นอน แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่สมมติฐานของนักพรตใจบริสุทธิ์เป็นจริง และพ่อของซือเยี่ยหานก็คือคนรุ่นหลังที่ไม่ผ่านการทดสอบแล้วถูกส่งออกไปจริง
“ทำไมนายรู้ละเอียดขนาดนั้น นายไม่ใช่คนตระกูลซือสักหน่อย” เนี่ยอู๋หมิงจ้องนักพรตใจบริสุทธิ์พลางพูด
“หัวหน้า…ถึงผมไม่ใช่คนตระกูลซือแต่ผมเป็นคนตระกูลเจียงนะ…ตอนนั้นพ่อผมถูกส่งไปประเทศจีน ก่อตั้งตระกูลเจียงที่ประเทศจีน ต่อมาผมถูกคนของตระกูลเจียงพามาที่รัฐอิสระ…” นักพรตใจบริสุทธิ์ถอนหายใจ “ตระกูลเจียงก็ดี ตระกูลซือก็ดี ยังไงก็มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน”
เยี่ยหวันหวั่นมองนักพรตใจบริสุทธิ์ อดตกใจไม่ได้นิดหน่อย ไม่นึกมาก่อนว่าเขาถึงกับเป็นคนรุ่นหลังของตระกูลเจียง
——————————————
บทที่ 1394 แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ
ตระกูลเจียงก็เป็นหนึ่งในบรรดาตระกูลโบราณโลกลับใหญ่ทั้งหลาย ชื่อเสียงก็พอๆ กับตระกูลซือ
“งั้นหมายความว่า ซือเยี่ยหาน…ก็อาจเป็นคนของตระกูลซือจริงๆ สินะ…” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
“ฮ่าๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ซวยแน่แล้ว” เนี่ยอู๋หมิงระเบิดหัวเราะ
“ซวยแล้ว?” เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแบบนั้นก็ชะงัก “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
“น้องโหย่วหมิง ที่รัฐอิสระมีคนคนหนึ่งถูกเรียกว่าเจ้าสวะหมา…” นักพรตใจบริสุทธิ์มองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยอย่างลึกลับ “เจ้าสวะหมาคนนั้นเคยพูดว่า…จะฆ่าตระกูลโบราณทั้งหมดของรัฐอิสระ…”
พูดถึงเจ้าสวะหมา เยี่ยหวันหวั่นก็มีท่าทีครุ่นคิด “ทำไมล่ะ”
“ฉันจะรู้ได้ไง ยังไงเจ้าสวะหมาก็ลงมือกับแค่ตระกูลโบราณพวกนั้น ยังไม่เคยลงมือกับกองกำลังไหนมาก่อน ถึงเถ้าแก่ยั่วยุเขา อย่างมากเขาก็แค่สั่งสอนคุณ ไม่เหมือนกับตระกูลโบราณ เถ้าแก่ไม่ยั่วยุเขา เขาก็อยากฆ่าเถ้าแก่อยู่ดี…” นักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ย
ตระกูลโบราณพวกนั้นก็คือลูกหลานของยอดคนที่ก่อตั้งรัฐอิสระเมื่อตอนนั้น แท้จริงมีเท่าไรใครก็ไม่อาจทราบ เจ้าสวะหมาคนเดียวกล้าต่อกรกับตระกูลโบราณทั้งหมด?
ถึงเยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าเจ้าสวะหมาแข็งแกร่งมากแต่กลับไม่รู้ว่าเจ้าสวะหมาจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนั้น…
“เจ้าสวะหมา…แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วถาม
“เถ้าแก่โหย่วหมิง เถ้าแก่ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีคนสองคนถูกเรียกว่าเป็นคนที่ถูกรัฐอิสระประเมินค่าต่ำที่สุด…คนแรกน่ะนะก็คือเจ้าสวะหมา…” นักพรตใจบริสุทธิ์ยิ้มน้อยๆ
“แล้วคนที่สองล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างสงสัย
“คนที่สองคือหัวหน้าของอาชูร่า ผู้นำอาชูร่า” นักพรตใจบริสุทธิ์ตอบ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นชักอยากตายแล้ว อาชูร่าอะไรนั่นดังพอๆ กับเจ้าสวะมาเลย!?
แม่งเอ๊ย สหพันธ์วิทยายุทธยังให้ตัวเธอไปจัดการอาชูร่า นี่ไม่กระจ่างชัดแล้วเหรอว่าให้เธอไปตายน่ะ!
“ที่ถูกประเมินค่าต่ำความจริงไม่ได้มีแค่สองคนนั้นนะ” เนี่ยอู๋หมิงแค่นหัวเราะ “มีทั้งหมดสามคน…คนที่สามก็คือฉัน เนี่ยอู๋หมิง”
นักพรตใจบริสุทธิ์พูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
มองเนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้าจริงจัง เยี่ยหวันหวั่นก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เนี่ยอู๋หมิงนี่ไม่ไปเล่าเรื่องตลกช่างน่าเสียดายจริงๆ
“อาชูร่ากับเจ้าสวะหมาใครแข็งแกร่งกว่ากันเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องนักพรตใจบริสุทธิ์พลางเอ่ยถาม
“นั่นต้องดูว่าถามถึงด้านไหน…ถ้าพูดถึงค่าพลังต่อสู้ เดาว่าบนโลกนี้ไม่มีใครเป็นคู่มือของเจ้าสวะหมาได้…แต่ถ้าพูดถึงการวิเคราะห์ตัดสินใจ ฉันคิดว่าอาชูร่าแข็งแกร่งกว่าเจ้าสวะหมานิดหน่อย” นักพรตใจบริสุทธิ์มองเยี่ยหวันหวั่น “แต่…ผมเคยได้ยินคนตระกูลเจียงเล่าว่า…เจ้าสวะหมาคือพี่ของผู้นำอาชูร่า…แน่นอนว่าจริงหรือเท็จผมก็ไม่ทราบ”
ได้ยินนักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ยแบบนั้น เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่สนใจ
เจ้าสวะหมากับอาชูร่าไม่เหมือนกันสักสลึงเดียว
หลายวันก่อนเยี่ยหวันหวั่นยังเคยถามถึงสถานการณ์ของอาชูร่า อีกฝ่ายไม่สนิทกับอาชูร่าแม้แต่น้อย อย่างมากก็นับว่ารู้จักกัน เป็นพี่น้องกันก็บ้าแล้ว…
“จริงสิน้องโหย่วหมิงถามเรื่องพวกนี้ทำไมเหรอ” เนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้าเปี่ยมความบอกไม่ถูก อีกฝ่ายไม่ได้กำลังหาซือเยี่ยหานคนนั้นเหรอ ทำไมถึงพูดถึงเจ้าสวะหมากับผู้นำอาชูร่าได้…
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นพินิจมองเนี่ยอู๋หมิง ดวงตาพลันสว่างวาบ เธอคว้าแขนของเนี่ยอู๋หมิงไว้ก่อนหัวเราะเสียงเบาเอ่ยว่า “พี่อู๋หมิง…มีเรื่อง ช่วยหน่อยสิ…”
“เรื่องอะไร” เนี่ยอู๋หมิงตัวสั่นสะท้าน เหมือนจะไม่ชินอยู่บ้างที่ถูกเยี่ยหวันหวั่นเรียกว่าพี่