แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 151
แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 151 เลือกให้อภัยเธออย่างแน่นอน / บทที่ 152 แมงเม่าบินเข้ากองไฟ
บทที่ 151 เลือกให้อภัยเธออย่างแน่นอน
ความจริงแล้ว หากพูดกันตามหลักการ สัญชาตญาณแบบนี้ไม่ควรปรากฏในตัวเธอ
ในชาติอดีต แม้ว่าพ่ออยากจะให้เธอมีทักษะป้องกันตัวไว้บ้าง ถึงขนาดจ้างอาจารย์มาสอนให้เธอ แต่ว่าเธอเรียนไปเพียงหนึ่งเดือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แต่เธอก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้ หรือว่าศิลปะการป้องกันตัวอะไร หรือกระทั่งทักษะบางอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่ธรรมดานั้น ตนกลับมีความเข้าใจขั้นสูง เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่ในหัวของเธออยู่แล้ว เธอไม่ต้องไปเรียน เพียงแค่ดึงจากความทรงจำมาใช้ก็พอแล้ว
ในชาติอดีต เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงซือเยี่ยหาน เธอไม่เพียงปกปิดโฉมหน้าของตัวเอง แต่ยังรวมถึงทักษะทั้งหมดของเธอ ความสามารถทุกอย่างที่จะสามารถปรากฏขึ้นมาได้
แต่ในชาตินี้ เธอไม่มีทางโง่เขลาแบบนั้นอีกแล้ว มีอาวุธอยู่ในมือแท้ๆ แล้วยังจะปล่อยให้ตัวเองและญาติข้างกายตกอยู่ในจุดจบที่น่าเศร้าแบบนั้น
หลังเลิกเรียน
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะโผล่พ้นประตูห้องเรียน ก็เหลือบเห็นเฉินเมิ่งฉีกำลังยืนอยู่ที่ประตูรอเธออย่างใจจดใจจ่อ
ดูจากท่าทางแล้วคงจะพบว่าช่วงนี้จู่ๆ เธอก็ดูใกล้ชิดสนิทกับเจียงเยียนหรานขึ้นมา คงเริ่มร้อนใจแล้วสินะ
“หวันหวั่น!” เห็นเยี่ยหวันหวั่น เฉินเมิ่งฉีก็รีบเดินเข้ามาควงแขนเธออย่างกระตือรือร้น “เย็นนี้พวกเราไปกินเนื้อย่างด้วยกันเถอะ?”
น้ำเสียงและท่าทางของเยี่ยหวันหวั่นไม่ต่างไปจากปกติเลยสักนิด “ได้สิ!”
เฉินเมิ่งฉีเดินไปพลาง ลองถามหยั่งเชิงไปพลาง “หวันหวั่น ได้ยินว่าตอนนี้เธอพักอยู่กับเจียงเยียนหรานเหรอ? นิสัยแบบเจียงเยียนหราน คงจะเข้ากันได้ยากมากใช่ไหม? เธออยากจะย้ายมาอยู่กับฉันไหม?”
“ก็พอได้นะ ขี้เกียจจะย้ายไปย้ายมาน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับอย่างไม่เป็นอะไร
เฉินเมิ่งฉีแสดงออกชัดเจนว่ายังไม่สบายใจ “คือว่า เยียนหรานพูดถึงฉันให้เธอฟังบ้างไหม? หวันหวั่น เธอเป็นคนที่เข้าใจฉันดีที่สุด เรื่องของเหยียนหรานเรื่องนั้น ฉันไม่ได้เจตนาจริงๆ นะ ซ่งจื่อหางเอาแต่ตามตื๊อฉันไม่เลิก ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกลัวว่าจะทำให้เยียนหรานเสียใจ ฉันจึงพยายามปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะกลายเป็นว่าทำให้เยียนหรานเสียใจได้ อีกทั้งยังเข้าใจฉันผิดอีก…หวันหวั่น เธอเข้าใจฉันใช่ไหม?”
หากว่าเป็นเธอในชาติก่อน เธอต้องเข้าใจอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่เข้าใจเลย ต่อให้เอาหลักฐานมากางตรงหน้า เกรงว่าเธอคงเลือกที่จะเชื่อเฉินเมิ่งฉี
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วย่นท่าทางคิดพัลวันอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า ใบหน้าแสดงออกว่าถูกชักจูงถูกล้างสมอง พลางเอ่ย “เมิ่งฉี ฉันเข้าใจเธออย่างแน่นอน เธอดูดีขนาดนี้ เป็นคนดีคนเก่งขนาดนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยงให้มีคนจำนวนมากมาชอบเธอได้! จะไปโทษเธอได้อย่างไรกัน?”
เฉินเมิ่งฉีได้ยินแบบนี้ เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ซ่อนร่องรอยการเย้ยหยันในสายตาไว้ โชคดีที่เธอประหม่าตื่นเต้นเพียงเล็กน้อย คนโง่เขลาอย่างเยี่ยหวันหวั่น ยังคงล้างสมองหลอกง่ายเหมือนเดิมอย่างที่คิดไว้
ขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ของเฉินเมิ่งฉีก็ดังขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นตาไวเหลือบไปเห็นเป็นชื่อของรุ่นน้องผู้ชายม.5 เป็นหนึ่งในแฟนคลับผู้คลั่งไคล้เฉินเมิ่งฉี ทางบ้านมีฐานะอยู่พอประมาณ แต่ก็ยังไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกับซ่งจื่อหางในเวลานี้ได้
คนประเภทนี้ที่เฉินเมิ่งฉีเก็บไว้เป็นตัวสำรอง เท่าที่เธอรู้ก็มีอยู่หลายคน
คิดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง นัยน์ตาประกายด้วยเลศนัย
“ฮัลโหล?” เฉินเมิ่งฉีก็ไม่ได้เลี่ยงเยี่ยหวันหวั่น แต่กลับรับสายไปตรงๆ
“วันเสาร์เหรอ? เกรงว่าคงไม่ได้น่ะ ฉันมีเรียนพิเศษ วันอาทิตย์ก็ไม่ว่างเลย ต้องขอโทษจริงๆ นะ เป็นครั้งหน้าได้ไหม?”
เฉินเมิ่งฉีปฏิเสธฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและลำบากใจเป็นที่สุด
ตอนนี้เธอพุ่งความสนใจไปที่ซ่งจื่อหาง ส่วนตัวสำรองเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 แน่นอนว่าให้รอด้านข้างไปก่อน
หลังจากเฉินเมิ่งฉีวางสาย ก็หันไปพูดกับเยี่ยหวันหวั่นต่อ “แต่ว่าฉันไม่คิดเลยจริงๆ ปกติเยียนหรานเขาดูรักซ่งจื่อหางมากขนาดนั้น ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็หันไปคบกับฉู่เฟิงแล้ว คงเพราะครอบครัวตระกูลเฟิงฐานะไม่เลวสินะ…”
ดูจากท่าทางแล้ว เธอไม่เพียงต้องการล้างสมองตน แต่ยังเตรียมวางยาใส่เจียงเยียนหรานต่อหน้าเธออีกด้วย บอกเป็นนัยว่าเจียงเยียนหรานเป็นคนหน้าซื่อใจคด เกลียดคนจนชอบคนรวย
อย่างไรแล้วในความเป็นจริงด้วยความฉลาดของคนอย่างเฉินเมิ่งฉี ต้องเข้าใจแจ่มแจ้งเหมือนกับคนอื่นๆ สถานภาพของครอบครัวตระกูลเฟิงในเวลานี้ อุตสาหกรรมอยู่ในภาวะถดถอย อยู่ในช่วงขาลง อีกไม่นานก็จะล้มละลายแล้ว คนแบบนี้ เธอย่อมดูถูกอยู่แล้ว
คนทั้งสองพูดคุยกันไปพลางเดินไปหอพัก เตรียมจะเอาหนังสือเรียนไปเก็บก่อน
เพิ่งจะเดินมาถึงประตูของหอพักหญิง ก็พบว่ามีคนกลุ่มใหญ่มายืนมุงกันอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
………………………………..
บทที่ 152 แมงเม่าบินเข้ากองไฟ
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นเฉินเมิ่งฉี ดวงตาพลันเป็นประกาย ส่งสายตาอิจฉาตาร้อนมองมาที่เธอ เอ่ยแซวเสียงสูง “มาแล้วมาแล้ว! เฉินเมิ่งฉีมาแล้ว!”
เดินเข้าไปใกล้ เยี่ยหวันหวั่นเห็นใต้ตึกหอพักหญิงล้อมรอบไปด้วยเทียนไขทำเป็นรูปหัวใจวงใหญ่ ตรงกลางใช้เทียนไขเรียงสะกดเป็นชื่อย่อของเฉินเมิ่งฉี ทั้งยังเล่นใหญ่ใช้ดอกกุหลาบมาประดับโดยรอบเป็นทะเลดอกไม้
และซ่งจื่อหางรูปร่างสูงหล่อก็ยืนอยู่ตรงนั้น หอบดอกกุหลาบช่อโตสูงครึ่งตัวคน กำลังจ้องมองมาทางเฉินเมิ่งฉีด้วยสายตาแสดงความรักใคร่มิอาจหาใดเปรียบ
เฉินเมิ่งฉีเห็นแบบนั้นก็ทำสีหน้าตกใจระคนประหลาดใจอย่างให้ความร่วมมือ สีหน้าเขินอายทำอะไรไม่ถูกราวกับกระต่ายขาวตัวน้อย เพียงพอให้ผู้ชายทุกคนหัวใจเต้นโครมๆ
ภายใต้การห้อมล้อมของผู้คน ซ่งจื่อหางหอบดอกไม้ ก้าวย่างไปอยู่ตรงหน้าของเฉินเมิ่งฉี “เมิ่งฉี โปรดให้อภัยที่ฉันแอบอ้างเป็นเจ้าของเธอ แต่มีบางคำพูด ความในใจ ที่ฉันไม่อาจทนเก็บไว้ต่อไปได้แล้ว!
ฉันชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้าเธอ ทั้งหลงไหลในตัวเธอมากยิ่งขึ้น!
ฉันชอบความไร้เดียงสาของเธอ ความดีงามของเธอ ความเป็นธรรมชาติของเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอ!
ฉันรู้ว่า เธอก็คือคนคนนั้นที่ฉันต้องการ คือคนนั้นที่ถูกลิขิตไว้เพื่อฉัน เป็นคนที่ฉันอยากใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้อง!”
การสารภาพรักของซ่งจื่อหางทำให้ผู้คนที่ล้อมมุงดูต่างกรีดร้องด้วยความซาบซึ้งและความอิจฉาเป็นที่สุด
“อร้าย~! โรแมนติกชะมัด แสดงความรักลึกซึ้งเกินไปแล้ว!”
“หัวหน้าทีมซ่งหล่อมากเลย! หากมีคนมาจีบฉันแบบนี้ ชีวิตนี้ของฉันถือว่าคุ้มแล้ว!”
“รับปากเขา! รับปากเขาเถอะ!”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นเทียนไขและกุหลาบเหล่านั้น พลันกรอกตาขาวอย่างหมดคำจะพูด สำหรับเธอแล้ว วิธีการสารภาพรักแบบนี้มันเชยมากเลย แต่ว่าในเวลานี้เดาว่าคงเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่ล่ะสินะ
เหอะ ซ่งจื่อหางคนนี้ ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยจริงๆ วิ่งทะยานไปบนเส้นทางลนหาที่ตาย!
ตระกูลซ่งเตรียมกับเขาเป็นพิเศษ สั่งให้เขามาเอาใจเจียงเยียนหราน และเขาก็ทำได้ดีตามคาด เนื่องจากเมื่อเช้าโดนเจียงเยียนหรานเชิดใส่ที่นี่ ทำลายความภาคภูมิใจในตัวเอง และเพื่อเป็นการแก้แค้น จึงจัดงานใหญ่ทำการสารภาพรักต่อเฉินเมิ่งฉีอย่างเอิกเกริก
ครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นมองเห็นไกลๆ ว่าเจียงเยียนหรานก็อยู่ในกลุ่มผู้คนด้วย
ผู้คนโดยรอบต่างกำลังชี้ไปทางเธอ ดูจากสีหน้าของคนส่วนใหญ่ต่างก็มีความสุขที่เห็นคนอื่นมีทุกข์ บ้างก็เห็นอกเห็นใจ
“เฮ้อ เจียงเยียนหรานโชคร้ายมากเลย เห็นอยู่ว่าเธอเป็นคนชอบซ่งจื่อหางก่อน”
“ใช่แล้ว แม้ว่าฉู่เฟิงจะไม่เลว แต่ตระกูลเฟิงช่วงนี้ก็วุ่นวายซะขนาดนั้น เดาว่าคงจบไปแล้วล่ะมั้ง! ไหนเลยจะสู้ตระกูลซ่งได้ ช่วงนี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจลงแต่ข่าวของตระกูลซ่ง!”
“แต่ว่าจะไปโทษซ่งจื่อหางที่เลือกเฉินเมิ่งฉีไม่ได้นะ ผู้หญิงไร้เดียงสา จิตใจดีมีเมตตา โปรไฟล์แบบเฉินเมิ่งนี้มีอยู่ไม่มากจริงๆ!”
……
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นเป็นห่วงปฏิกิริยาตอบสนองของเจียงเยียนหรานอยู่บ้าง แต่ว่า คุณภาพจิตใจของเจียงเยียนหรานดีกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก มีเพียงกวาดสายตาเย็นชามองไปที ก็ไม่ได้สนใจดูการแสดงของซ่งจื่อหาง แบกหนังสือเรียนกลับหอพักไปอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ส่วนเฉินเมิ่งฉีที่อยู่ข้างเธอ ได้เจอการสารภาพรักลึกซึ้งจากซ่งจื่อหางและสายตาอิจฉาเป็นที่สุดของผู้คนโดยรอบ ใบหน้าเล็กพลันแดงก่ำ เปี่ยมไปด้วยความเก้อเขิน ทำให้รู้สึกอยากจะรีบกอดอย่างทะนุถนอมไว้ในอ้อมกอดเสียจริง
ได้เห็นใบหน้าเก้อเขินของเฉินเมิ่งฉี ความรู้สึกของซ่องจื่อหางที่โดนเจียงเยียนหรานเล่นงานเมื่อช่วงเช้าพลันมลายหายไปในทันที หางตาชำเลืองเห็นเงาแผ่นหลังจากไปของเจียงเยียนหราน ก็ยิ่งเข้าใจว่าเธอเสียใจจึงหนีไปเงียบๆ
ซ่งจื่อหางกลับมามองเฉินเมิ่งฉีอีกครั้ง สารภาพความในใจต่อไปอย่างตื่นเต้น “เมิ่งฉี คบกับฉันเถอะนะ ให้โอกาสฉันได้ดูแลเธอ ให้โอกาสฉันได้ปกป้องเธอ ให้ฉันสร้างความสุขให้กับเธอ!”
โอกาสดีแบบนี้ที่จะได้คว้าซ่งจื่อหางเอาไว้แน่น แน่นอนว่าเฉินเมิ่งฉีไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ
แต่ว่า ด้วยความฉลาดของเธอแล้ว ต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้เธอไม่มีทางตอบตกลงออกไปตรงๆ แน่นอน ตั้งแต่ต้นจนถึงสุดท้ายเธอได้แต่ทำหน้าเขินอาย กึ่งรับกึ่งปฏิเสธที่จะรับดอกไม้ของซ่งจื่อหาง ทว่าถึงตอนสุดท้ายก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ ทำหน้าแดงเก้อเขินแล้ววิ่งเข้าหอพักไป
ปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ ในสายตาของซ่งจื่อหางและคนอื่นๆ สามารถเข้าใจได้ว่าเธอยอมรับแล้ว แต่หลังจากนี้หากเธอคิดจะทรยศ หรือว่าพูดเอาใจเหล่าตัวสำรองของเธอ ก็สามารถใช้วาทศิลป์พูดกลับมาเหมือนเดิมได้
เยี่ยหวันหวั่นอารมณ์ดีมองซ่งจื่อหางเป็นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ในใจแอบคำนวณเวลา ทางด้านคุณลุงเจียงจวนจะเรียบร้อยแล้วล่ะมั้ง และได้เวลาที่เธอจะไปเตรียมตัวแล้ว…