แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1545 รอยยิ้มที่อันตรายที่สุดของจี้หวง บทที่ 1546 จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าตีกัน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1545 รอยยิ้มที่อันตรายที่สุดของจี้หวง บทที่ 1546 จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าตีกัน
บทที่ 1545 รอยยิ้มที่อันตรายที่สุดของจี้หวง
“อ้าว…นาย…” เนี่ยอู๋หมิงเดินมาหยุดข้างซือเยี่ยหาน “พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า?”
ด้วยความจนใจ ซือเยี่ยหานจำเป็นต้องมองเนี่ยอู๋หมิงตรงๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “คุณน่าจะจำผิดคนแล้ว”
“เอ๊ะ…นายพูดจาแปลกๆ นะ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่านายเป็นใคร นายกลับบอกว่าฉันจำผิดคน…” เนี่ยอู๋หมิงมองซือเยี่ยหาน เขาขมวดคิ้วแล้วจับคาง ทำท่าครุ่นคิด
ผู้ชายคนนี้ หน้าคุ้นมากจริงๆ เขาเคยเห็นที่ไหนกันแน่…
เมื่อก่อนตอนออกไปทำภารกิจข้างนอกเหรอ…คิดดูดีๆ แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่นะ
ในรัฐอิสระ ก็เหมือนจะไม่เคยเจอมาก่อน
งั้น…ที่จีนล่ะ…
“อ๋อ ฉันจำได้แล้ว!” เนี่ยอู๋หมิงตบต้นขา “นายคือเถ้าแก่ร้านอาหารข้างทางที่จีน!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก
เจียงเหยียนทำหน้างง แผงขายอาหาร…เถ้าแก่? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
นายท่านของเขาไปเปิดร้านอาหารกลางคืนตอนไหน เคยไปเป็นเถ้าแก่แผงขายอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่?
“คุณจำผิดคนแล้วจริงๆ” ซือเยี่ยหานกล่าว
“ใช่ๆๆ จำผิดๆ นายไม่ใช่เถ้าแก่แผงขายอาหารจริงๆ…ฉันจำได้ว่าเถ้าแก่คนนั้นตัวอ้วนกลม เหมือนจะไม่ได้หล่ออย่างนายด้วย…” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ย พลางจ้องหน้าซือเยี่ยหานอย่างครุ่นคิดต่อไป
หลังจากจ้องซือเยี่ยหานอยู่นานครึ่งเค่อ ในที่สุดตาของเนี่ยอู๋หมิงก็เป็นประกายขึ้นมา “ให้ตายเถอะ ฉันนึกออกแล้ว นายเป็นแฟนของเยี่ยหวันหวั่น…ตอนนั้น…นายยังปลอมตัวเป็นพ่อของถังถังอยู่เลย ผู้นำตระกูลซือ ซือเยี่ยหาน! ใช่ไหม!”
สิ้นเสียงเนี่ยอู๋หมิง จี้ซิวหร่านที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลันหุบยิ้มที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาทันที นัยน์ตาที่เหมือนแฝงไว้ด้วยประกายสายฟ้า และพายุคลั่งน่ากลัวค่อยๆ หันมาทางซือเยี่ยหาน
ผู้นำตระกูลซือที่อยู่จีน…ผู้ชายที่ล้างความทรงจำทั้งหมดของเนี่ยอู๋โยว แล้วก็ทำให้เนี่ยอู๋โยวกลายเป็นเยี่ยหวันหวั่น…
“ให้ตายเถอะ นายเป็นผู้ชายประสาอะไร ทิ้งผู้หญิงเขาไว้ที่จีนคนเดียว เยี่ยหวันหวั่นร้อนใจจนแทบบ้า วิ่งมาตามหานายที่รัฐอิสระตัวคนเดียว แถมฉันยังได้ยินมาว่าว่ายน้ำข้ามมาอีกต่างหาก” เนี่ยอู๋หมิงจ้องซือเยี่ยหาน แล้วบอก
“เยี่ยหวันหวั่น…ซือเยี่ยหาน…คุณจำผิดคนแล้วจริงๆ คนสองคนที่คุณพูดถึงผมไม่รู้จักเลย” ซือเยี่ยหานกล่าวเสียงเรียบ
“จำผิดคน?” เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าสงสัย เหมือนจะมีเหตุผล
คนอื่นเขาเป็นถึงนายแห่งอาชูร่าของรัฐอิสระ ผู้นำตระกูลซือที่อยู่จีนคงเทียบไม่ติดแม้แต่นิ้วเท้านิ้วเดียวของนายแห่งอาชูร่าด้วยซ้ำ จะกลายเป็นผู้นำตระกูลซือที่จีนได้ยังไง…
“โอเค ฉันอาจจะจำผิดคนจริงๆ ก็ได้…แต่หน้าพวกนายนี่เหมือนกันมากจริงๆ” เนี่ยอู๋หมิงส่ายหน้า แล้วเดินไปยืนข้างเจียงเหยียน “น้องชาย โทษทีนะ ฉันจำผิดคน เงินนี่ติดตัวไว้นะ ถือว่าแทนคำขอโทษก็แล้วกัน”
พูดจบ ก็ยัดเงินหนึ่งร้อยหยวนใส่มือเจียงหยวน
เจียงเหยียนหมดคำจะพูด แม่เอ็งเถอะ…
ไอ้ทึ่มที่โผล่มาจากไหนวะเนี่ย!
พอเห็นเนี่ยอู๋หมิงเดินออกไป ใบหน้าของจี้ซิวหร่านกลับมาประดับด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกครั้ง
ชายชราผมสีเงินคนหนึ่งมองใบหน้าที่งดงามดั่งรูปสลักของจี้ซิวหร่าน หลังจากเห็นรอยยิ้มนั้นของจี้ซิวหร่าน นัยน์ตาของเขาก็ปรากฏแววตกตะลึง
นี่มัน…จี้หวงคิดจะเอาจริงกับใครงั้นเหรอ?
ทุกครั้งที่จี้หวงยิ้มอย่างนี้ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่พวกเขาที่ติดตามจี้หวงมากลับรู้ดีที่สุด
นั่นเป็นสัญญาณเตือนที่อันตรายที่สุด…
สัญญาณสุดท้ายก่อนพายุฝนจะมา…
————————————————————————————-
บทที่ 1546 จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าตีกัน
จี้ซิวหร่านนั่งอยู่ด้านหน้าถาดวางชุดเครื่องชา หันหน้าเข้าหาซือเยี่ยหาน
“นายแห่งอาชูร่า น้ำชายเป็นไงบ้าง” จี้ซิวหร่านมองซือเยี่ยหาน แล้วยิ้มเอ่ย
“ไม่เลว” ซือเยี่ยหานตอบกลับเสียงเรียบ
จี้ซิวหร่านดันถาดรองชาออก แล้วหยิบหมากบนกระดานด้านหน้าออก หันไปพูดกับซือเยี่ยหาน “นายแห่งอาชูร่า หมากกระดานนี้ของพวกเรา ยังเดินไม่จบเกม”
เอ่ยจบ จี้ซิวหร่านก็หยิบหมากขึ้นมาด้วยมือขวา แล้วดันหมากไปข้างหน้าเบาๆ
ซือเยี่ยหานไม่พูดมาก เริ่มแข่งเดินหมากกับจี้ซิวหร่าน
“ใครๆ ก็พูดกันว่านายแห่งอาชูร่าความรู้กว้างไกล ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณ” จี้ซิวหร่านเอ่ย
ซือเยี่ยหานมองจี้ซิวหร่าน “ด้วยความรู้ที่จี้หวงมี คงไม่จำเป็นต้องขอคำชี้แนะจากใคร”
ทว่าจี้ซิวหร่านกลับไม่ตอบ เขายังคงพูดต่อว่า “ถ้าหากล้างความทรงจำทั้งหมดของคนคนหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเอาความทรงจำของคนอื่นมาใส่แทน เท่ากับว่าคนคนนั้นตายไปแล้ว แต่ใช้ชีวิตด้วยความทรงจำของคนอื่น และมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ใช่หรือไม่”
ซือเยี่ยหานใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ สายตาจับจ้องจี้ซิวหร่าน
“ชีวิตที่เหมือนตายแต่ก็ไม่ตาย อยู่ไปวันๆ ไม่รู้ชื่อแซ่ตัวเอง ทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเองกลับกลายเป็นภาพลวงตา จำเป็นต้องยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างของคนอื่นเข้ามา อาจฟังดูเหมือนโหดร้ายมาก…แต่ถ้าหาก ความโหดร้ายแบบนี้เป็นสิ่งที่คนที่ใกล้ชิดเธอที่สุด คนที่เธอเชื่อใจมากที่สุดเป็นคนหยิบยื่นให้ จะยิ่งฟังดูโหดร้ายกว่าเดิมรึเปล่า” จี้ซิวหร่านจ้องซือเยี่ยหาน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างกว่าเดิม
“จี้หวง หลักปรัชญาของคุณเยี่ยมยอดขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่เรื่องที่ว่าโหดร้ายหรือไม่ ยังไงก็เป็นเรื่องของคนอื่น สนใจแค่เรื่องตัวเองน่าจะดีที่สุด” ซือเยี่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ พูดจบ ก็ดันหมากไปข้างหน้า กินหมากของจี้ซิวหร่านไปหนึ่งตัว
“หึๆ…ได้ยินมาตลอดว่านายแห่งอาชูร่ามีวิทยายุทธเก่งกาจ อยากขอคำชี้แนะมานานแล้ว ไหนๆ ก็มีโอกาสเจอกันแล้ว มาประลองเล่นๆ กันหน่อยดีไหม” จี้ซิวหร่านพูดพร้อมรอยยิ้มผ่อนคลาย
วินาทีต่อมา จี้ซิวหร่านยกมือขวาขึ้น แล้ววางหมากลงบนกระดานช้าๆ
ขณะเดียวกัน เสียง “โครม” ดังสนั่น กระดานหมากที่ไม่รู้ทำจากวัสดุอะไรพลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
เสียงที่ดังทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงพลันเงียบกริบ สายตาทุกคู่ทยอยหันมามองทางซือเยี่ยหานกับจี้ซิวหร่าน
“เกิดอะไรขึ้น?!”
“นั่นมัน…จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าไม่ใช่เหรอ?!”
เป่ยโต่วทำหน้าประหลาดใจ “ให้ตายเถอะ สองคนนั้นแข่งหมากจนทะเลาะกันเหรอ?”
ชีซิงเหลือบมองเป่ยโต่ว “นายคิดว่าเดินหมากก็ทะเลาะกันได้เหรอ”
“พูดเหลวไหลอะไรของนาย!” เป่ยโต่วมองชีซิง “มันก็เหมือนกับเล่นเกมต่อกรจ้าวดินแดนนั่นแหละ นายจะชนะฉันครั้งสองครั้งก็ได้ แต่ถ้านายชนะฉันติดกันสิบครั้งแปดครั้ง ไม่ปล่อยให้ฉันชนะซักครั้ง นายว่าฉันจะอัดนายให้ตายไหมล่ะ ถ้าฉันไม่อัดนายให้ตาย ฉันนี่แหละจะเอาหัวโขกพื้นตายซะเอง ไม่ต้องให้นายเก็บศพด้วยซ้ำ ฉันจะบอกให้”
ชีซิงพูดไม่ออก
“ให้ตาย ทุกคนดูนั่นเร็ว จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าแข่งเดินหมากจนทะเลาะกันแล้ว! พวกเขาสองคนโกรธกัน จะดวลฝีมือกันแล้ว!” เป่ยโต่วทำหน้าตื่นเต้น เขาแหกปากตะโกนเสียงดังไปทั่วทิศ
สิ้นเสียงของเป่ยโต่ว ผู้คนที่อยู่แต่ละมุมของตระกูลเสิ่นก็กรูกันเข้ามาทางนี้เหมือนกระแสน้ำขึ้น
ในรัฐอิสระ อย่าว่าแต่จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่าดวลฝีมือกันเลย แค่หน้าตาของสองคนนี้ ไม่ใช่ว่าเวลาปกติอยากจะเห็นก็จะได้เห็น!
ได้ยินมานานว่าจี้ซิวหร่านกับนายแห่งอาชูร่าต่อสู้เก่งมาก แต่ไม่เคยมีใครเห็นกับตา วันนี้มีโอกาสใครบ้างไม่อยากเห็น?
เยี่ยหวันหวั่นหันไปทางนายแห่งอาชูร่ากับจี้ซิวหร่านโดยจิตใต้สำนึก แอบประหลาดใจลึกๆ สองคนนั้น…