แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1609 ช่วยทำตามบทหน่อยได้ไหม บทที่ 1610 ซูเปอร์สตาร์
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1609 ช่วยทำตามบทหน่อยได้ไหม บทที่ 1610 ซูเปอร์สตาร์
บทที่ 1609 ช่วยทำตามบทหน่อยได้ไหม
“อุปกรณ์ตรวจ DNA ที่ใช้ครั้งก่อนยังอยู่ใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ยังอยู่ครับ” อาวุโสสูงสุดพยักหน้า “ท่านหัวหน้าจะตรวจอีกแล้วเหรอครับ”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า แล้วหยิบเส้นผมยาวๆ จำนวนหนึ่งออกมายื่นให้ผู้อาวุโสสูงสุด “ใช้เส้นผมที่ฉันให้ครั้งนี้ตรวจกับกล่องหมายเลขสองที่ให้ไปครั้งก่อน”
กล่องหมายเลขสองที่เยี่ยหวันหวั่นพูดถึงมีเส้นผมของถังถังอยู่ข้างใน
“ครับ โชคดีที่ยังเหลืออยู่หน่อย” ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า แล้วรับเส้นผมจำนวนนั้นมาจากเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็เก็บใส่ถุงใส
คืนวันเดียวกัน เยี่ยหวันหวั่นหาเวลาไปที่คฤหาสน์ตระกูลเนี่ย ซื้อเสื้อผ้ากับขนมไปให้ถังถังจำนวนหนึ่ง แล้วก็ค้างคืนที่ตระกูลเนี่ยหนึ่งคืน
เช้าตรู่วันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นก็กลับมาที่พันธมิตรอู๋เว่ย
“ผู้อาวุโสสูงสุด ผลการพิสุจน์ออกมารึยัง”
เยี่ยหวันหวั่นเรียกผู้อาวุโสสูงสุดมาที่ห้องทำงาน แล้วถาม
“ท่านหัวหน้า ไม่ได้เร็วขนาดนั้นครับ อย่างน้อยก็ต้องรอถึงบ่ายสองบ่ายสาม” ผู้อาวุโสสูงสุดตอบ
“โอเค พอถึงตอนนั้นคุณบอกผลตรวจให้ฉันเลยก็แล้วกัน” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
พอผู้อาวุโสสูงสุดออกไป เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกเป่ยโต่วกับชีซิงเข้ามาอีก
“ครั้งก่อนฉันบอกพวกนายว่าฉันภารกิจมาทำสองภารกิจใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าเป่ยโต่วกับชีซิงทีละคน แล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ชีซิงกล่าว “พี่เฟิ่งจะให้ผมช่วยอะไรครับ”
“อืม…ภารกิจที่ฉันรับมา เกี่ยวกับพวกนายสองคนด้วย” เยี่ยหวันหวั่นยิ้ม
“เกี่ยวกับพวกผม?” เป่ยโต่วทำหน้าแปลกใจ “พี่เฟิ่ง ภารกิจอะไรกันแน่?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ต้องอัดพวกนายสองคน…พวกนายให้ความร่วมมือฉันหน่อย ไม่มีปัญหาใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อัดพวกผม…ไม่มีปัญหา?” เป่ยโต่วอ้าปากค้าง “ไอ้เชี่ยหน้าไหนมันคิดภารกิจนี้ขึ้นมา?! ถ้าฉันรู้ตัวเมื่อไหร่ไม่รอดแน่!”
“เห็นด้วย” ชีซิงเอ่ยเสียงเรียบ
“ใครเป็นคนคิดภารกิจฉันไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ฉันเป็นคนรับภารกิจมาทำ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
เป่ยโต่วจ้องเยี่ยหวันหวั่น ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ “พี่เฟิ่ง ถ้าไงเราเปลี่ยนภารกิจดีไหม…ไม่งั้นผมกับชีซิงต้องโดนพี่ซ้อมตายแน่…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ฉันอยากจะซ้อมนายให้ตายตั้งนานแล้ว!
“วางใจเถอะ แค่แกล้งแสดงละครให้สมจริงก็พอ ฉันมือเบาจะตาย” เยี่ยหวันหวั่นยังคงยิ้มอ่อนโยน
“เอ่อ…พี่เฟิ่ง พี่พูดจริงเหรอ” เป่ยโต่วเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อ
“แน่นอนว่าจริงอยู่แล้ว ฉันเคยโกหกพวกนายที่ไหน” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ชีซิงได้แต่เงียบ
……
พวกเขาเดินออกมาด้านนอกพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นเริ่มกดถ่ายวิดิโอในมือถือ
“นายคือเป่ยโต่วแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยงั้นเหรอ?”
จู่ๆ ผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่สุดๆ คนหนึ่งก็คว้าแขนเป่ยโต่ว
“พี่เฟิ่ง นี่ผมไง!” เป่ยโต่วพยักหน้าถี่ๆ
เยี่ยหวันหวั่นอ้าปากค้าง
“แม่เอ็งเถอะ นี่นายเรียกฉันว่าพี่เฟิ่งรอบที่เจ็ดแล้วนะ ถ้านายยังไม่หยุดเรียกฉันว่าพี่เฟิ่ง ฉันจะอัดนายให้ตายจริงๆ ด้วย…” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าหงุดหงิดเหมือนไม่ได้ดั่งใจ หลังจากลบวิดิโอในมือถือทิ้ง ก็กดถ่ายใหม่อีกครั้ง
เป่ยโต่วกล่าว “ผมก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างงั้นหรอก แต่พอเห็นกล้องก็อดตื่นเต้นไม่ได้นี่นา…”
“เอาใหม่” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วบอก
……
“นายคือเป่ยโต่วแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยใช่ไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องเป่ยโต่วด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็ตวาดเสียงเข้ม
“ถูกต้อง ฉันก็คือปู่เป่ยโต่วของเธอเอง เธอเป็นใคร จงบอกชื่อมา ดาบของฉันไม่เคยคร่าวิญญาณไร้ชื่อ!” เป่ยโต่วสะบัดแขนเสื้อ แล้วตะคอกเสียงเกรี้ยว
————————————————————————————-
บทที่ 1610 ซูเปอร์สตาร์
เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา ให้ตายเถอะ ดูหนังเยอะไปรึเปล่าเนี่ย ช่วยทำตามบทหน่อยได้ไหม ขอร้องล่ะ!
แต่นี่ดันเป็นครั้งที่เป่ยโต่วแสดงดีที่สุดแล้วน่ะสิ…
เยี่ยหวันหวั่นทำได้แค่แสดงไปตามน้ำกับเป่ยโต่ว
“ฉันชื่อเยี่ยหวันหวั่น เป็นนักเรียนทหารรับจ้างของโรงเรียนชื่อเยี่ยน ในเมื่อนายคือเป่ยโต่ว งั้นก็ไม่ผิดตัวแน่” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเป่ยโต่วพร้อมแสยะยิ้ม
“อะไรนะ! ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นนักเรียนทหารรับจ้างของโรงเรียนชื่อเยี่ยน! ใครสั่งให้เธอมาเล่นงานฉัน ถ้าเธอไม่บอก ฉันจะอัดเธอให้ตายซะ!” เป่ยโต่วทำหน้าโกรธจัด
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับพูดไม่ออก การต้องมาเล่นละครกับเป่ยโต่วอย่างงี้ เธอแทบจะทนแสดงต่อไม่ไหวแล้ว…คิดถึงสมัยเป็นผู้จัดการส่วนตัวตอนอยู่จีนจัง…
“ไม่ต้องพูดมาก!”
ถึงเยี่ยหวันหวั่นจะจนใจ แต่ก็ทำได้แค่พยายามประคับประคองต่อไป
“ได้ เธอมันหัวต่ำ…ไม่สิ หัวแข็งตามคาด ทหารรับจ้างโรงเรียนชื่อเยี่ยนของพวกเธอหัวแข็งอย่างงี้กันหมดทุกคนเลยเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก! ฉันจะหักกระดูกเธอซะ ดูซิจะยอมบอกไหม!” เป่ยโต่วทำหน้าเหี้ยมเกรียม จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยหวันหวั่นทันที
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่นึกปวดหัว แม่เอ็งเถอะ ใครเป็นคนสร้างบทพูดนี้ขึ้นมาวะ…
พอเห็นเป่ยโต่วพุ่งเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นแสยะยิ้ม จากนั้นก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไปทันที
แต่ขณะที่ฝ่ามือของเยี่ยหวันหวั่นยังอยู่แค่กลางอากาศ เป่ยโต่วกลับแหกปากดังลั่น ร่างสูงปลิวออกไปหลายเมตร แล้วกระแทกกับพื้นอย่างแรง แถมยังร้องโอดครวญเหมือนหมูโดนเชือดอีก
เยี่ยหวันหวั่นจ้องเป่ยโต่วที่กำลังแหกปากไม่หยุด มุมปากกระตุกยิกๆ เธอจะหามีดได้จากที่ไหนบ้าง?!
“แม่เอ็ง ฉันยังไม่ทันโดนตัวนายเลย นายก็ปลิวออกไปแล้ว? นี่ฉันมีพลังวิเศษเหรอ?!” เยี่ยหวันหวั่นสาวเท้าเดินไปหยุดข้างเป่ยโต่ว คว้าเข็มขัดของเป่ยโต่วแล้วยกตัวเขาขึ้นมา “ฉันถามนายหน่อย ฉันมีพลังพิเศษเหรอ ฉันเป็นผู้มีความสามารพิเศษรึไง?!”
เป่ยโต่วหยุดร้องแล้วจ้องเยี่ยหวันหวั่น เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง “พี่เฟิ่ง ผมว่าโอเคสุดๆ เลยนะ ผมแสดงสมจริงจะตาย นี่ผมเน้นให้เห็นความสามารถที่ไร้เทียมทานของพี่เลยนะ พี่ดูสิ พี่ยังไม่ทันแตะโดนตัวผม ผมก็ปลิวออกไปแล้ว แถมยังแสดงเหมือนบาดเจ็บสาหัสด้วย ถ้าพี่กลับไปที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนเมื่อไหร่ ทุกคนต้องยำเกรงพี่แน่นอน!”
“หมายความว่านายทุ่มเทมากงั้นสิ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ก็ใช่ไง!” เป่ยโต่วพยักหน้ารัวๆ “พี่เฟิ่ง พี่เข้าใจผมที่สุดแล้ว ผมน่ะแสดงต่างจากคนอื่น ถ้าไปเป็นนักแสดง จะมีสิทธิ์กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ไหมนะ?”
“เชื่อไหมว่าฉันจะอัดนายให้ตายซะ?” เยี่ยหวันหวั่นกัดฟันกล่าว
เธอสาบานเลยว่าชีวิตนี้ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับใครเท่านี้มาก่อน คนอย่างเป่ยโต่วพันปียังไม่รู้จะหาได้ซักคนหนึ่งไหม
“พี่เฟิ่ง งั้นพี่ว่าควรแสดงยังไงดีล่ะ ผมว่าวิธีการแสดงอย่างงี้ก็แทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบแล้วนะ พี่เฟิ่ง พี่มาตรฐานสูงเกินไปแล้ว ถึงเชิญซูเปอร์สตาร์ตัวจริงมาก็ไม่แน่ว่าจะแสดงได้ดีเท่าผม…พี่เฟิ่ง ทำไมพี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างงั้นล่ะ?” เป่ยโต่วกล่าว พร้อมกับยิ้มยิงฟันให้เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด ปู่เอ็งเถอะ…
“พูดตามบทที่ฉันเตรียมไว้ให้ ไปท่องจำมาให้ขึ้นใจ!” เยี่ยหวันหวั่นโยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้เป่ยโต่ว แล้วทำหน้าหงุดหงิดเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
ห่างออกไปไม่ไกล ชีซิงจ้องเป่ยโต่วแล้วถอนหายใจ จากนั้นก็เดินเข้ามาอย่างใจเย็น พูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “พี่เฟิ่ง ถ้าไงให้ผมเริ่มก่อนแล้วกัน”
ทักษะการแสดงแบบขอไปทีของเป่ยโต่ว อย่าว่าแต่เยี่ยหวันหวั่นเลย ขนาดชีซิงที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ยังทำใจดูลำบากเลย