แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1621 ครอบครองคนงาม บทที่ 1622 บังเอิญจัง เจอกันอีกแล้ว
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1621 ครอบครองคนงาม บทที่ 1622 บังเอิญจัง เจอกันอีกแล้ว
บทที่ 1621 ครอบครองคนงาม!
“คุณแม่…” กระทั่งถังถังจูงจี้ซิวหร่านมาเรียกเธอ เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยได้สติ
“คุณแม่ นี่คือคุณอาจี้ของผม!” ท่าทีของเด็กน้อยที่มีต่อจี้ซิวหร่านกับท่าทีที่มีต่อเสิ่นเทียนเฉินเป็นความแตกต่างชนิดฟ้ากับเหว เขาดึงจี้ซิวหร่านมาแนะนำเธออย่ากระตือรือร้น
จากนั้นเด็กน้อยก็เอ่ยกับจี้ซิวหร่าน “คุณอาจี้ นี่ก็คือคุณแม่ผมที่ผมบอกคุณอา”
จี้ซิวหร่านหัวเราะแผ่วเบา “อารู้จัก อากับคุณแม่เธอรู้จักกัน”
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีก
แถมยังเป็นคนรักลับๆ ด้วยนะ…
“จริงเหรอครับ” เด็กน้อยพลันมีสีหน้าเปี่ยมความตกใจ
“ไอ้หยา จี้หวง บังเอิญจัง! ผมกำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้นำไป๋อยู่เลย!” เสิ่นเทียนเฉินที่อยู่ด้านข้างโบกผลไม้เคลือบน้ำตาลในมือ
จี้ซิวหร่านได้ยินดังนั้นก็เหมือนไม่ตอบสนองอะไรเป็นพิเศษ เขาหันไปยิ้มน้อยๆ ให้เสิ่นเทียนเฉิน “อวยพรคุณชายเสิ่นเปิดกิจการ จี้ผู้นี้เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาจำนวนหนึ่ง ให้คงส่งไปที่คฤหาสน์แล้ว”
“ไอ้หยา จี้หวงเกรงใจเกินไปแล้ว!” เสิ่นเทียนเฉินยิ้มอย่างเจิดจ้า
จี้ซิวหร่านยิ้มเรียบๆ จากนั้นก็หันไปหาเยี่ยหวันหวั่น รับเค้กรวมไปถึงขนมถุงเล็กใหญ่ที่เยี่ยหวันหวั่นถือจากในมือของเธอไปอย่างการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติยิ่ง สุดท้ายก็เหลือแค่มือที่จูงถังถัง จากนั้นก็เอ่ยปากกับเสิ่นเทียนเฉิน “เสี่ยวเฟิงรบกวนคุณชายเสิ่นดูแลแล้ว”
เสิ่นเทียนเฉินเห็นดังนั้นก็อ้าปากเป็นรูปตัวโอ เอ่อ…นะ…นี่มันสถานการณ์อะไร
จี้หวงกับไป๋เฟิง…
จี้หวงคงไม่ได้สนใจคนงามด้วยหรอกนะ
เสิ่นเทียนเฉินมั่นใจว่าตัวเองมีพร้อมทั้งเงินและหน้าตา คนงามไป๋จะต้องไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่
แต่ตอนนี้…นี่…ศัตรูหัวใจนี้เหมือนจะแข็งแกร่งไปหน่อยนะ…
หน้าผากเสิ่นเทียนเฉินอดมีเหงื่อเย็นไหลไม่ได้
“เอ่อ ผู้นำไป๋ เมื่อกี้คุณบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว หรือว่า…หรือว่าจี้หวงก็คือคนที่คุณพูดถึงเมื่อกี้…รักแท้หนึ่งเดียวชั่วชีวิตนี้? “
เสิ่นเทียนเฉินพูดไปพลางคิดไปพลาง ถ้าหากเป็นแบบนี้ แล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของคนสวยกับใครล่ะ ไหนว่ารักแท้หนึ่งเดียวชั่วชีวิตนี้ไง คงไม่ใช่ขู่เขาหรอกนะ…
เนื่องด้วยความตั้งใจอยากสลัดเสิ่นเทียนเฉินรวมถึงสัญชาตญาณการเอาตัวรอดแรงกล้าเวลาอยู่ต่อหน้าจี้ซิวหร่าน เยี่ยหวันหวั่นจึงพยักหน้าหนักแน่น “ไม่ผิด ถูกต้อง!”
ถังถังที่อยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้ก็กะพริบตาโตปริบๆ เหมือนมีท่าทีดีใจมาก
จี้ซิวหร่านยังคงแสดงท่าทีเรียบนิ่งดุจเมฆลอยลมพัด แต่ก็ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นรู้สึกไปเองหรือเปล่า องศามุมปากของจี้ซิวหร่านเวลานี้ เหมือนจะยิ้มอ่อนโยนขึ้นมากเมื่อเทียบกับโหมดปกติ
เสิ่นเทียนเฉินได้ยินดังนั้นก็พลันปวดหัวแล้ว ในสายตาของคนทั้งรัฐอิสระ ว่าด้วยเรื่องจีบสาว เขาเสิ่นเทียนเฉินยังไม่เคยกลัวใคร
แต่ศัตรูหัวใจตรงหน้านี้น่ากลัวเกินไปหน่อยจริงๆ …
เสิ่นเทียนเฉินลังเลอยู่นาน รู้สึกระดับความยากในการต้านทานจี้หวงจะค่อนข้างใหญ่หลวงจริงๆ ดังนั้นหลังลังเลครึ่งค่อนวัน ในที่สุดเสิ่นเทียนเฉินก็เอ่ยปาก “ไม่ทราบคนสวยรับน้อยหรือเปล่า”
ถึงกับถามเธอต่อหน้าจี้ซิวหร่านว่ารับน้อยหรือเปล่า เยี่ยหวันหวั่นตกใจจนพูดไม่ออกอยากทุบเขาให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่รับย่ะตกลงไหม!
รัฐอิสระที่ยกย่องผู้แข็งแกร่งนี้ชายหญิงต่างเหมือนกัน ไม่เพียงชายที่มีอำนาจกำลังแข็งแกร่งสามารถครอบครองหญิงงามได้ ผู้หญิงเองก็เหมือนกัน
“เฮ้อ งั้นก็ช่วยไม่ได้ ก็มีแต่ต้อง…แข่งกันอย่างยุติธรรมแล้ว!” เสิ่นเทียนเฉินถอนหายใจ
เพิ่งพูดจบ เสิ่นเทียนเฉินก็ล้วงกุญแจทองอร่ามออกมาจากในอกเสื้อทันที “คนสวย นี่คือกุญแจโรงรถตระกูลเสิ่นของพวกเรา! ขอแค่คนสวยพูดประโยคเดียวก็สามารถทำเป็นสินสอดคนสวยได้แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เหอะๆ …ไหนว่าแข่งกันอย่างยุติธรรมไง
——————————————————————————————-
บทที่ 1622 บังเอิญจัง เจอกันอีกแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นก็กุมหน้าผาก “ไม่ต้องหรอกขอบคุณ…”
เธอไม่สนใจภูเขาเงินภูเขาทองอะไรนั่น….เป็นไปไม่ได้!
แต่อย่างนี้…ก็ช่างมันดีกว่า…
หลังถูกปฏิเสธ เสิ่นเทียนเฉินก็จ้องเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยปากด้วยสีหน้าสงสัย “แต่…ผู้นำ…คำที่คุณพูดเมื่อกี้ เหมือนมีตรงไหนไม่ค่อยถูกนี่นา…ถ้าบอกว่าจี้หวงเป็นรักแท้หนึ่งเดียวชั่วชีวิตนี้…งั้นลูกชายคุณเป็นลูกของคุณกับใคร”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ลูกชายโง่เจ้าของที่นี่ทำไมถึงได้จัดการยากขนาดนี้! ไม่สู้ทุบเขาตายมันตอนนี้นี่แหละ!
เยี่ยหวันหวั่นกำลังอยากอัดคนอย่างปวดหัว เวลานี้ถังถังที่อยู่ด้านข้างก็พลันจ้องสถานที่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลพลางร้องเรียกหนึ่งเสียง— “คุณพ่อ…”
หา? คุณพ่อ?
ผีที่ไหนกัน?
เยี่ยหวันหวั่นพลันหันไปมองตามสายตาของถังถังโดยไม่รู้ตัว
ผลคือ…ไม่นึกว่าจะเห็น…ผู้นำอาชูร่า…ที่สวมชุดสูทสีดำสีหน้ามืดมนแผ่กลิ่นอายเย็นชาเหมือนเคย…
ชายหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากในประตูใหญ่ของคลับเฮาส์ระดับสูงแห่งหนึ่งโดยมีผู้ติดตามตามหลัง สายตาเขากวาดผ่านเยี่ยหวันหวั่น จี้หวงกับถังถังที่เหมือนกับครอบครัวสามคนอยู่ด้วยกันอย่างยากจับสังเกต แววตาเย็นชาประดุจฤดูหนาวเดือนสิบสอง รอบกายแผ่กลิ่นอายคนแปลกหน้าอย่าเข้าใกล้สายหนึ่ง
นี่แม่ง…ต้องบังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นจงใจหลบหน้าอีกฝ่ายชั่วขณะหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าหลังไม่พบหน้ากันหลาย กลับเจอผู้นำอาชูร่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ได้…
“ชะ…เชี่ย…!? ” เสิ่นเทียนเฉินจ้องชายที่ถูกถังถังเรียกว่าพ่อ คางแทบร่วงลงมาแล้ว
นะ…นี่คือผู้นำอาชูร่าไม่ใช่เหรอ
เด็กน้อยนี่เพิ่งเรียกผู้นำอาชูร่าว่าอะไรนะ
ไป๋เฟิงถึงกับตกแม้กระทั่งผู้นำอาชูร่าได้ มิหนำซ้ำทั้งสองยังถึงขั้นมีลูกโตขนาดนี้แล้ว?
งั้นจี้ซิวหร่านมันเรื่องอะไรอีก
งั้นหรือว่า…เธอกำลังเหยียบเรือสองแคม?
สายตาของเสิ่นเทียนเฉินที่จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น ตอนนี้เต็มไปด้วยแววนับถือแล้ว
เขานึกว่าตัวเองเสเพลพอแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าท่านนี้จะโอเวอร์ยิ่งกว่า…
ฮาเร็มนี้…สุดยอดหน่อยๆ แฮะ…
“คุณพ่อ…” ช่วงเวลาสามเดือนกว่าที่ประเทศจีน อยู่ด้วยกันเช้าจรดเย็น ถังถังเห็นใบหน้าคุ้นเคยนั้นก็เรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว
ถึงตอนที่อยู่ประเทศจีน ความสัมพันธ์กับพ่อคนนั้นเหมือนจะธรรมดา แต่ตอนที่ถังถังเห็นผู้มาเยือน ดวงตาก็กลับแฝงแววยินดีนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด
“ผะ…ผู้นำอาชูร่า…” เสิ่นเทียนเฉินมีสีหน้าเปี่ยมความโง่เขลา “เด็กน้อย…มะ เมื่อกี้นายเรียกเขาว่าอะไรนะ”
หลังจากผู้นำอาชูร่าเห็นเด็กน้อยข้างเยี่ยหวันหวั่นที่ถูกจี้ซิวหร่านจูงมือ แววตาเย็นชาโดดเดี่ยวก็เหมือนกับน้ำแข็งละลายชั่วแวบหนึ่ง แต่ก็หายไปชั่วแวบเดียว และหลงเหลือแค่สายตาเหมือนมองคนแปลกหน้าทันที
ถังถังรู้สึกถึงปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามก็ขมวดคิ้วงาม ดวงหน้าเล็กหม่นลงหลายส่วน ขณะเดียวกันก็แสดงความสงสัยเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเสียงแตกตื่นของเสิ่นเทียนเฉิน พอสังเกตเห็นอารมณ์ของถังถังก็หลุบตาอธิบายกับเขา “ถังถัง เขาไม่ใช่คนคนนั้นที่ลูกรู้จัก แค่หน้าตาเหมือนกันเท่านั้นเอง”
เธอไม่สามารถอธิบายทุกอย่างกับถังถังได้ จึงได้แต่บอกเขาเช่นนี้
“ไม่ใช่คุณพ่อ…” เด็กน้อยขมวดคิ้วพึมพำแล้วเงยหน้าพินิจมองอีกฝ่ายอีกที แต่ทั้งที่มีแค่สีผมต่างออกไปเท่านั้นแท้ๆ
เยี่ยหวันหวั่นจัดการอารมณ์เล็กน้อย ทักทายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ผู้นำอาชูร่า บังเอิญจังนะคะ เจอกันอีกแล้ว!”
‘ยัยจิ้งจอก…’ แม้เจียงเหยียนที่อยู่ด้านหลังผู้นำอาชูร่าจะไม่ได้ออกเสียง แต่ดูรูปปากเขาก็กำลังพูดสองคำนี้อย่างเด่นชัด