แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 177
แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 177 นายท่านของเขาจะหลงผู้หญิงไม่ได้ / บทที่ 178 แข็งแกร่งจนถึงขั้นเทียบเท่าเขาได้
บทที่ 177 นายท่านของเขาจะหลงผู้หญิงไม่ได้ / บทที่ 178 แข็งแกร่งจนถึงขั้นเทียบเท่าเขาได้
โดย
Ink Stone_Romance
บทที่ 177 นายท่านของเขาจะหลงผู้หญิงไม่ได้
ชั้นล่าง
หลิวอิ่งกำลังกอดอกพิงประตูสวนอยู่ เดิมทีกำลังหงุดหงิดใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย จึงหันกลับไปด้วยความแปลกใจ “คุณหนูรั่วซี? คุณกำลังคุยธุระกับนายท่านอยู่ไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงคุยเสร็จเร็วขนาดนี้?”
สีหน้าของฉินรั่วซีซับซ้อน ส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ยังไม่ได้คุย อาจิ่วกำลังยุ่งอยู่ เลยให้ฉันกลับไปก่อน”
“นายท่านกำลังยุ่งเหรอครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?” หลิวอิ่งรีบถามไล่เรียง เรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องดีพทาวน์ ย่อมต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
ฉินรั่วซีรีบตอบ “ไม่มี นายไม่ต้องตกใจไป”
“ถ้าอย่างนั้นนายท่านกำลังยุ่งเรื่องอะไรเหรอครับ? พวกอำนาจที่เหลืออยู่ในดีพทาวน์เพิ่งจะสงบลงหลังจากก่อความวุ่นวาย ล้วนกำลังรอคำสั่งของนายท่าน…”
เห็นว่าฉินรั่วซีไม่ยอมตอบเสียที หลิวอิ่งมีหรือจะเดาไม่ได้ พลันเอ่ยอย่างขัดเคือง “ยัยจิ้งจอกนั่นอีกแล้วใช่ไหมครับ! คุณหนูรั่วซี! ตอนนี้คุณรู้แล้วหรือยัง? เพื่อเขาแล้วแม้แต่เรื่องสำคัญขนาดนี้นายท่านยังวางไว้ข้างหนึ่งไม่ยอมสนใจ!
แล้ววันนี้ตอนที่อยู่บนรถอีก นายท่านกำลังประชุมผ่านวิดีโอคอล ผลคือผู้หญิงคนนี้ยั่วยวนนายท่านอย่างหน้าไม่อายต่อหน้าผมกับสวี่อี้ ที่สำคัญเลยคือนายท่านไม่เพียงไม่ตำหนิเขา ยังหยุดการประชุมเพื่อเขาอีกด้วย…”
สมองฉายภาพเมื่อครู่ที่ซือเยี่ยหานสอนผู้หญิงคนนั้นแก้โจทย์เลข ดวงตาของฉินรั่วซีประกายด้วยแสงดำมืด “อาจิ่วก็เป็นผู้ชาย คุณหนูเยี่ยคนนี้ไม่เพียงอายุยังน้อย ทั้งยังหน้าตาสะสวยขนาดนี้ เขาจะหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราวก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ การใหญ่คือไม่มีใครส่งผลกระทบถึงเขาได้”
“คุณหนูรั่วซี นายท่านตอนนี้ถูกส่งผลกระทบแล้วยังไงเล่าครับ ถึงเวลานี้แล้ว คุณยังพูดแก้ตัวให้นายท่านอยู่อีก!” หลิวอิ่งอารมณ์เสีย
ต่อให้สิ่งที่ฉินรั่วซีพูดจะมีเหตุผล แต่นั่นใช้ได้กับผู้ชายธรรมดาเท่านั้น นายท่านของเขาจะหลงผู้หญิงเหมือนพวกผู้ชายธรรมดาพวกนั้นได้ยังไง!
นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ฉันรั่วซีมองชายหนุ่มข้างกายอย่างรำคาญใจ “นายน่ะนะ วู่วามง่ายเกินไป จำไว้นะต่อไปห้ามเป็นแบบนี้อีก ระวังจะถูกคนยุแยงความสัมพันธ์ของนายกับอาจิ่วเข้า เขาไม่คู่ควรให้นายต้องกระวนกระวายใจแบบนี้”
หลิวอิ่งสีหน้าไม่พึงพอใจ “ผมเพียงแค่ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว ผู้หญิงคนนั้นนอกจากสวยแล้ว ก็โง่ขั้นสุดยอด เรี่ยวแรงก็ไม่มี ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้ไม่ก่อเรื่องอะไรออกมา จะช้าจะเร็วก็จะกลายเป็นภาระของนายท่าน เขาเทียบไม่ได้กับผมสักเส้นของคุณหนูรั่วซีด้วยซ้ำ…”
ฉินรั่วซีขมวดคิ้ว เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลิวอิ่ง ต่อไปคำพูดพวกนี้ห้ามพูดออกมาอีก ตอนนี้เขาเป็นคนของอาจิ่ว”
สีหน้าหลิวอิ่งดำคล้ำ “เขาไม่คู่ควรเป็นคนของนายท่าน คนแบบนี้ไม่มีค่าพอให้ยกขึ้นมาเทียบกับคุณหนูด้วยซ้ำ!”
…
ณ ชั้นบน
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นปลดล็อกทักษะใหม่ของซือเยี่ยหานโดยบังเอิญก็เหมือนได้ของล้ำค่า ฟังซือเยี่ยหานอธิบายโจทย์ต่างๆ ทั้งคืนโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่ง เจียงเยียนหรานโทรเข้ามา
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว ตามหลักเจียงเยียนหรานควรกำลังนอนหลับอยู่ ทำไมเวลานี้ถึงได้โทรหาเธอ?
เยี่ยหวันหวั่นกุลีกุจอรีบรับโทรศัพท์
ผลคือ พอรับสาย เสียงสะอื้นของเจียงเยียนหรานก็ลอยมาจากปลายสายโทรศัพท์
สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนไปทันที “เยียนหราน? เธอกำลังร้องไห้เหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“หวันหวั่น…ทำยังไงดี…จู่ๆ ฉันก็รู้ตัวว่า…ฉันมันไร้ประโยชน์…ทำไมนะ…ทำไมทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง…แล้วยังจะเจ็บปวดขนาดนั้น…ฉันเจ็บเหลือเกิน…” เจียงเยียนหรานพูดพลางสะอื้น น้ำเสียงที่ได้ยินก็ดูเมามาย
เยี่ยหวันหวั่นถึงได้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง “เธอดื่มเหล้าเหรอ?”
เธอหลงคิดว่าผู้ชายกากๆ สกุลซ่งมาหาเรื่องเสียอีก
………………………………………….
บทที่ 178 แข็งแกร่งจนถึงขั้นเทียบเท่าเขาได้
“อื้อ ฉันอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ดื่มได้แล้ว…” เจียงเยียนหรานตอบอ้อแอ้ประโยคหนึ่ง ราวกับกลัวว่าเธอจะต่อว่า
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามอย่างไม่วางใจ
“ข้างทะเลสาบ…”
“ข้างทะเลสาบเล็กๆ ในโรงเรียนเหรอ?”
“อื้อ…”
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกปวดหัว “เธอเมาอ้อแอ้แบบนี้ระวังตกลงไปในทะเลสาบล่ะ! รีบกลับหอพักเถอะ!”
เด็กตรงไปตรงมาคนนี้ เธอบอกให้เขาไปพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อยไปอย่างนั้นเอง เขากลับเชื่อฟังจริงๆ!
“แต่ว่าฉัน…ฉันหลงทางแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่น “…”
คุณหนูใหญ่ของฉัน เธออยู่ในโรงเรียนตัวเองยังหลงทางได้อีกเหรอ?
“ช่างเถอะ เธอหาที่ที่หนึ่งคอยอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน ฉันโทรเรียกคนไปรับเธอ”
เยี่ยหวันหวั่นกำชับเจียงเยียนหรานหลายครั้ง จากนั้นโทรหาฉู่เฟิง ให้เขาไปหาเจียงเยียนหรานที่ข้างทะเลสาบสักหน่อย แล้วจึงวางโทรศัพท์
เมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้ว เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางซือเยี่ยหานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เยียนหรานโทรมาน่ะ คือคนที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังว่าเป็นรูมเมทคนใหม่ เขาดื่มเหล้าคนเดียวจนเมาอยู่ในโรงเรียนหาทางกลับหอพักไม่ได้ ฉันก็เลยโทรหาผู้ชายโรงเรียนข้างๆ ให้เขาไปตามหาคนสักหน่อย ผู้ชายคนนั้นชอบเยียนหราน เป็นคนดีทีเดียว…”
ชาติก่อนการควบคุมเธอของซือเยี่ยหานแทบจะถึงขั้นโรคจิตเลยทีเดียว ใครก็ตามที่ปรากฏตัวข้างกายเธอล้วนถูกตรวจสอบจนทะลุปรุโปร่ง
ต่อให้การกระทำนี้ทำไปเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของเธอ แต่อย่างไรก็ยังทำให้เธอรู้สึกรังเกียจและต่อต้านอย่างที่สุดอยู่ดี
ชาติก่อนวิธีการต่อกรของเธอมีเพียงคิดหาวิธีหนีไป ส่วนในชาตินี้ เธอกลับกำลังคิดว่า ถ้าหากสักวันหนึ่งเธอแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้ หรือถึงกระทั่งสามารถเทียบเท่าซือเยี่ยหานได้ เธอจะได้รับอิสระไหมนะ?
แม้ว่าพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ อย่างหลังสำหรับเธอแล้วยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อไปว่า “คือว่า ไม่ทันรู้สึกเลยว่าดึกขนาดนี้แล้ว ฉันต้องกลับแล้วล่ะ แม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่พรุ่งนี้เช้าชั้นเรียนของพวกเรามีซ้อมการแสดง ฉันเลยต้องรีบกลับไป เยียนหรานอยู่หอพักคนเดียวฉันเองก็ไม่สบายใจ คุณรีบคุยธุระกับคุณหนูรั่วซีเถอะค่ะ”
แม้ว่าใบหน้าของซือเยี่ยหานจะยังคงไร้อารมณ์อยู่เหมือนเดิม และไม่ได้พูดสิ่งใด แต่เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกได้อย่างประหลาดว่าเขาในตอนนี้ไม่ได้พึงพอใจนัก
ลึกๆ เธอรู้สึกว่า ความคิดอ่านของซือเยี่ยหานเดายากเสียกว่าใจผู้หญิงเสียอีก
ก่อนหน้านี้เธอก่อเรื่องวุ่นวายจงใจยั่วยุหลิวอิ่งเขากลับไม่โกรธ เวลานี้เธอทั้งรู้กาลเทศะทั้งยังใส่ใจ เขากลับไม่ดีใจเสียอย่างนั้น?
นี่มันหลักการอะไรกัน?
ดีที่สุดท้ายซือเยี่ยหานยังอนุญาตให้สวี่อี้ส่งเธอกลับไป
เพราะว่าดึกมากแล้ว คุณหญิงย่าเข้านอนไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นเลยไม่ได้ไปรบกวน เพียงแต่บอกลาผู้ดูแลบ้านเท่านั้น
ภายในห้องรับแขก ฉินรั่วซียังคงคอยอยู่ยังไม่เข้านอน เห็นเยี่ยหวันหวั่นลงมาบอกลาตัวเอง ก็แปลกใจ “คุณหนูเยี่ยจะไปแล้วหรือคะ? ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่นอนเสียที่นี่ไปเลยล่ะคะ?”
หลิวอิ่งที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงเฮอะ “เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะได้นอนที่นี่…”
หลิวอิ่งพูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง ก็ถูกสายตาเย็นชาคู่หนึ่งบังคับให้หยุด จนพูดไม่ออกทันที
สายตานั้นดูเหมือนสายตาเรียบนิ่ง ทว่าเหมือนกลับมีอำนาจกดดันขั้นสูงสุด ราวกับภูเขาขนาดมหึมาทับลงมาอย่างไม่คาดคิด
หลิวอิ่งก้มหัวลงต่ำ แผ่นหลังมีเหงื่อไหลซึม แค่หลังจากความหวาดกลัวหายไป กลับรู้สึกโกรธขึ้นมา
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นกับสวี่อี้จากไป ซือเยี่ยหานมองไปทางชายหนุ่ม “หลิวอิ่ง นายมากับฉัน”
หลิวอิ่งกำหมัด “ครับ!”
ฉินรั่วซีมองไปทางนายบ่าวทั้งสองอย่างเป็นกังวลทันที “อาจิ่ว คุณอย่าได้ถือสาหลิวอิ่งเลย เขาไม่ได้เจตนาไม่ดี คุณก็รู้ว่านิสัยเขาเป็นคนตรง…”
คุณหนู่รั่วซี คุณไม่ต้องช่วยพูดแทนผมหรอกครับ” หลิวอิ่งเดินตามซือเยี่ยหานเข้าไปในห้องหนังสือแต่โดยดี
……………………………………………….