แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1893 ไม่อยากสร้างเรื่อง บทที่ 1894 ได้ ตามใจคุณ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1893 ไม่อยากสร้างเรื่อง บทที่ 1894 ได้ ตามใจคุณ
บทที่ 1893 ไม่อยากสร้างเรื่อง
ปกติทุกคนจะใช้ของที่ค่อนข้างมีค่าหรือไม่ก็มีความหมายเพื่อแสดงความจริงใจ เยี่ยหวันหวั่นย่อมไม่พูดตามตรงว่าเป็นของที่เธอเพิ่งไปซื้อมาตอนเวลาจวนเจียน แล้วก็ไม่พูดถึงรายละเอียดด้วย
ไม่นานงานประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สินค้าการกุศลก็เริ่มทยอยนำออกมาประมูล
ของที่ทุกคนบริจาคมีหลากหลายชนิด มีทั้งของอนุรักษนิยมอย่างพวกเพชรนิลจินดา คนดังบางคนก็บริจาคชุดที่เคยสวมใส่ในโอกาสพิเศษของตัวเอง ไม่ก็ปากกาหมึกซึมที่เคยใช้ หรือของจำพวกอาวุธ
ที่ว่ามาโดยปกติเป็นเพียงของอุ่นเครื่อง แต่ไคลแมกซ์ของคืนนี้คือสมบัติสามชิ้น
ชิ้นแรกคือแก้วเก้ามังกรที่หัวหน้าตระกูลเสิ่นบริจาค ตัวมันเองมีราคาสูงมาก เป็นสมบัติที่ยากจะพบเห็น ผู้ประมูลไม่เพียงจะได้ทำการกุศลแต่ยังจะได้สมบัติชิ้นนี้ไปครอบครอง เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่ขาดทุนแม้แต่น้อย
ชิ้นที่สองคือดาบในยุคสมัยถังที่สหพันธ์วิทยายุทธ์บริจาค ว่ากันว่าเป็นอาวุธที่ประธานสหพันธ์วิทยายุทธ์รุ่นก่อนเคยใช้ มีมูลค่าในการสะสมสูงมาก โดยเฉพาะกับคนที่คุ้นเคยกับการใช้อาวุธ สิ่งนี้ก็เป็นที่ปรารถนาของผู้คนไม่น้อยในคืนนี้
ชิ้นที่สามก็คือแหวนวงนั้นของจี้หวงนั่นเอง แหวนที่จี้หวงสวมติดตัวมานานหลายปีย่อมต้องเป็นสมบัติที่ยากจะพบเห็น
การประมูลดำเนินไปอย่างครึกครื้น ผู้ติดตามต่างรออยู่ที่แถวหลัง สายตาของชีซิงจับจ้องไปที่เยี่ยหวันหวั่นโดยไม่ละสายตาสักวินาทีเดียวเพราะกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง
จุดประสงค์ในคืนนี้ของเยี่ยหวันหวั่นนั้นชัดเจนมาก เธอเล็งแหวน เล็งคะแนนเกียรติยศของเธอนั่นเอง ทุกอย่างรอหลังจากเธอได้คะแนนเกียรติยศมาไว้ในมือค่อยว่ากัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เตรียมตัวมาก่อเรื่องแม้แต่น้อย ชีซิงกังวลเกินเหตุไปหน่อยจริงๆ
ในความเป็นจริง คืนนี้เยี่ยหวันหวั่นสงบเสงี่ยมเสียจนไม่มีเหตุผล นั่งอย่างว่าง่ายไม่ทำอะไรเลย
เพราะไคลแมกซ์ทั้งหมดอยู่ในการประมูลช่วงสุดท้าย พริบตาเดียวก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เยี่ยหวันหวั่นเอียงคอหาว ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านข้างนิ่งเงียบมาก จี้หวงมองการประมูลอย่างจริงจังตลอดเวลา ส่วนนายแห่งอาชูร่าก็ไม่มองด้านข้างเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่นรอจนรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยแล้วจริงๆ มองซ้ายทีขวาที เท้าศีรษะด้านหนึ่งจากนั้นก็เอียงคอมองไปทางนายแห่งอาชูร่า แล้วเอ่ยถามพลางกะพริบตาปริบๆ “เฮ้ ท่านนายแห่งอาชูร่าบริจาคอะไรเหรอ”
หญิงสาวพลันเอียงศีรษะเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนรดที่ข้างลำคอของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วอย่างยากที่จะสังเกต แต่ก็ไม่ได้เอ่ยตอบ
“โอ้ งั้นฉันลองเดานะ อัญมณี?” เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อ
ที่ด้านหลัง สายตามองไปเห็นผู้นำของตัวเองเอาแต่เข้าใกล้นายแห่งอาชูร่า เส้นเลือดที่หน้าผากของชีซิงก็เต้นตุบๆ จนเกือบจะทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปหาแล้ว
นี่เพิ่งจะสงบเสงี่ยมไม่ถึงสองชั่วโมงเอง!
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่พูดจา เยี่ยหวันหวั่นก็คาดเดาต่อ “เอ๊ ไม่ใช่เหรอ งั้นเป็นปากกาหมึกซึม หรือว่าเนกไท?”
เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากก่อเรื่องก็จริง แต่นี่มันจะน่าเบื่อเกินไปแล้วนะ!
เยี่ยหวันหวั่นพูดที่ข้างหูตลอด พูดทีลมหายใจอุ่นร้อนกับกลิ่นอายหอมหวนก็บุกรุกมาทางเขา…
“ไม่ใช่เลยเหรอ งั้นก็ถุงมือ?”
สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว เอ่ยตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำและเย็นชา “กระดุมข้อมือ”
“ไอ้หยา ที่แท้ก็กระดุมข้อมือนี่เอง!” ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ได้คำตอบ แต่เธอกลับยังคงไม่ปล่อยเขาไป ยังคงรักษาท่าวางมือข้างหนึ่งไว้บนหลังพนักเก้าอี้ของชายหนุ่ม
นายแห่งอาชูร่านิ่งเงียบ
เวลานี้จี้ซิวหร่านพลันเอ่ยขึ้นที่ข้างหูของเยี่ยหวันหวั่น “ผู้นำไป๋”
“อะไรเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองจี้ซิวหร่านโดยไม่รู้ตัว
จี้ซิวหร่านเอ่ย “ถึงตาของบริจาคของคุณแล้วครับ”
“โอ้ๆ เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ นั่งตัวตรงในที่สุด เรียกสติเล็กน้อย แล้วมองไปยังเวทีประมูล
———————————————————
บทที่ 1894 ได้ ตามใจคุณ
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นนั่งตัวตรง สายตาของนายแห่งอาชูร่าก็เบือนจากหญิงสาวแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งขวาเธอ
เหมือนสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่ม จี้ซิวหร่านจึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วยกยิ้มบาง
วินาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นพลันสะดุ้งโหยง แผ่นหลังแข็งทื่อ ทำไมถึงรู้สึกหนาวนิดหน่อยอย่างบอกไม่ถูกนะ
บนเวทีประมูล พิธีกรกล่าว “ผู้บริจาคของประมูลชิ้นถัดไปคือ…คือ….”
แม้แต่พิธีกรประมูลยังอึกอักอย่างผิดปกติ เนิ่นนานกว่าจะพูดออกมาว่า “ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…ไป๋เฟิง! สินค้าประมูลของผู้นำไป๋คือสร้อยข้อมือคริสตัลหนึ่งเส้นครับ”
สิ้นเสียงของพิธีกร ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ
แบดเจอร์มางานกุศล แถมยังบริจาคของ…ฉากนี่มันช่าง…แฟนตาซีเกินไปแล้ว
สร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นสร้อยที่เยี่ยหวันหวั่นให้ชีซิงไปซื้อส่งๆ ที่ห้าง คริสตัลก็ไม่ใช่วัสดุดิบดีอะไร เส้นละหนึ่งแสนเท่านั้น เหมาะสมกับพิธีการ
ของที่บริจาคในงานประมูลการกุศลล้วนไม่ใช่ของราคาถูก ทุกคนต่างก็แข่งราคากันตามใจ แต่คนในงานล้วนเจนจัด ปกติก็มักมองราคาคร่าวๆ ของสินค้าออก และยังให้ฐานราคาสูงกว่าราคาเดิมของสินค้าอีกด้วย
“ต่อไป ทุกท่านเริ่มเสนอราคาได้ครับ” พิธีกรเอ่ยอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย
หลังสิ้นเสียงของพิธีกร ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ ไม่มีใครยกป้ายเสนอราคา
เสิ่นเทียนเฉินมองซ้ายมองขวา เขายังเตรียมรอให้ทุกคนประมูลกันสักพักแล้วจึงค่อยยกป้ายเอาชนะคลื่นคลั่งในครั้งเดียว แต่ผลก็คือไม่มีใครแข่งขันด้วยสักคน
แบบนี้เขาจะแสดงความเหนือชั้นทางการเงินของเขาได้ยังไง
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของงานประมูลที่เกิดความเงียบอันน่าอึดอัด แม้แต่พิธีกรงานยังกระอักกระอ่วนแล้ว เขาเช็ดเหงื่อพลางสรรหาคำพูด โม้คุณสมบัติของสร้อยเส้นนี้อะไรต่อมิอะไร แต่คนตาดีล้วนมองออกว่า นั่นก็คือสินค้าในห้าง อย่างมากก็ราคาไม่กี่หมื่น
เดิมทีเสิ่นเทียนเฉินกำลังหงุดหงิด แต่ก็ตื่นเต้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่มีคนเสนอราคา ถ้าเขาเป็นคนแรกที่เสนอราคาละก็ จะช่วยกู้สถานการณ์ได้ไม่ใช่เหรอ
เสิ่นเทียนเฉินเตรียมเปิดปาก แต่เวลานี้น้ำเสียงที่ราวอาบลมฤดูใบไม้ผลิกลับดังขึ้นในงาน “หนึ่งล้าน”
เสิ่นเทียนเฉินตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนแย่งไปเสียก่อน!
ใครกันน่ะ
มองไปตามทิศทางของป้ายที่ชูขึ้น หมายเลขสิบสาม จี้ซิวหร่าน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นกำลังนั่งบนที่นั่งรอแหวนของจี้ซิวหร่านขึ้นประมูลอย่างใจเย็น ไม่ได้ใส่ใจกับสินค้าประมูลของตัวเองแม้แต่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าจี้ซิวหร่านจะพลันเสนอราคา แถมยังเสนอราคาสูงกว่าสิบเท่า เธอจึงอดที่จะตกใจไม่ได้
“เฮ้ๆ จี้ซิวหร่าน คุณทำอะไรน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่จี้ซิวหร่านทันที
“เสนอราคา ทำไมเหรอ” จี้ซิวหร่านเอ่ยด้วยสายตาอ่อนโยน
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “แค่ก คุณ…คงไม่ได้อยากกู้หน้าให้ฉันหรอกนะ”
“มีปัญหาอะไรเหรอ” จี้ซิวหร่านหัวเราะเบาๆ และยอมรับตามตรง
เยี่ยหวันหวั่นชะงักงัน “แค่ก ขอบคุณมากๆ แต่ นั่นน่ะ…”
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ จี้ซิวหร่านก็เอ่ยว่า “เสี่ยวเฟิง ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเรา ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เยี่ยหวันหวั่นถูกทำให้สำลักในทันที “ความหมายฉันคือ ของชิ้นนี้ฉันแค่ซื้อส่งๆ มาจากห้าง ต่อราคาเหลือแปดหมื่นแปดพัน หนึ่งแสนยังไม่ถึงด้วยซ้ำ คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินขนาดนี้ อีกอย่างพันธมิตรอู๋เว่ยของฉันสนใจเรื่องอย่างหน้าตาที่ไหนกันละ!”
หน้าไม่อายถึงจะเป็นสไตล์และเอกลักษณ์ของพวกเขานะ!
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็รู้สึกว่าไม่ถูกนิดหน่อย คำพูดนี้ของเธอ เหมือนกำลังปวดใจที่จี้ซิวหร่านใช้เงินสิ้นเปลืองเลย…
เมื่อจี้ซิวหร่านได้ยินดังนั้นก็เหมือนอารมณ์ไม่เลว มองหญิงสาวด้วยสองตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ปรากฏแววเอาใจและเอ็นดูหลายส่วน “ได้ ตามใจคุณ”