แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 285 เหยื่อติดกับแล้ว บทที่ 286 คุมเข้มขนาดนี้
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 285 เหยื่อติดกับแล้ว บทที่ 286 คุมเข้มขนาดนี้
บทที่ 265 เหยื่อติดกับแล้ว / บทที่ 286 คุมเข้มขนาดนี้?
โดย
Ink Stone_Romance
บทที่ 285 สวยกว่าผู้หญิงอีก
ซือเยี่ยหานมีโทรศัพท์เข้ามากะทันหัน จึงลุกไปรับสายที่ระเบียง
หานเซี่ยนอวี่ก็ไม่ได้วางมาดดาราดังอะไร ทว่ารู้สึกเกรงใจหากจะให้อยู่เฉยๆ จึงเป็นฝ่ายเดินเข้าครัวไปช่วยเยี่ยหวันหวั่น
เห็นเพียงเจ้าของห้องกำลังล้างผักโดยม้วนแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นแบบง่ายๆ สองสามพับ ข้อมือขาวเหมือนน้ำค้างแข็งซึ่งอยู่ใต้น้ำมองแล้วพลันต้องตะลึง…
เยี่ยไป๋คนนี้ ไม่เพียงแค่หน้าตา แม้แต่เรือนร่างก็ยังสวยยิ่งกว่าผู้หญิงอีก
ช่วงหลายปีมานี้วงการบันเทิงนิยมผู้ชายที่หน้าตาดีกว่าผู้หญิงแบบนี้มากขึ้น สุ่มเลือกหนุ่มน้อยหน้าตาดีสักคนออกมาก็ทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกด้อยกว่าได้แล้ว รอบตัวเขาก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ว่าผู้ชายหน้าสวยที่เรียกกันเป็นการจงใจปั้นออกมา เหมือนดอกไม้ปลอมพลาสติก พฤติกรรมก็ประดิษฐ์ ทว่าเยี่ยไป๋กลับเหมือนสายลมพัดหอบหนึ่งกลางภูเขาทะเลทรายยามรุ่งอรุณและสายัณห์ กดดันแต่ก็มีความอิสระตามใจ คล้ายกับสามารถพัดหมอกควันทั้งหมดบนโลกมนุษย์ไปได้…
พอรู้สึกตัวว่ากำลังเหม่อมองผู้ชายคนหนึ่งตาค้าง หานเซี่ยนอวี่รีบส่ายหน้าเรียกสติกลับมา “ให้ผมช่วยเถอะ!”
พูดแล้วก็หยิบผักกวางตุ้งข้างๆ มา ล้างไปพลางเอ่ยถามไปพลาง “คุณเยี่ย ได้ยินว่าคุณเซ็นสัญญากับโกลบอลแล้วเหรอครับ?”
“อย่าเรียกคุณเยี่ยบ่อยๆ เลย ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เรียกชื่อผมเฉยๆ ก็พอแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นพูดแล้วก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง ตอบกลับไปตรงๆ “ใช่ ผมเซ็นสัญญากับทางโกลบอลแล้ว วันนี้เพิ่งเจรจาตกลงกับประธานฉู่”
ก่อนหน้านี้หานเซี่ยนอวี่คิดมาตลอด เงื่อนไขที่เขาคุยกับประธานฉู่คืออะไรกันแน่ ที่แท้ก็คือโอกาสในการเข้ามาในโกลบอลนี่เอง
จากออร่าและเงื่อนไขของรูปลักษณ์ภายนอกที่พิเศษแบบนี้ของเยี่ยไป๋ ถือว่าเป็นพรสวรรค์ชั้นเยี่ยมสำหรับศิลปินคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ด้วยความสามารถของเยี่ยไป๋ จะเลือกเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่ถือว่าเป็นการกดไม่ให้แสดงความสามารถ กระทั่งทำให้รู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหมาะสมกับเขายิ่งกว่าด้วยซ้ำ
“คุณเยี่ย…เยี่ยไป๋ คุณจะไปบริษัทไหนเหรอ?” หานเซี่ยนอวี่ถาม
“กวงเย่ามีเดีย” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
ได้ยิน ‘กวงเย่ามีเดีย’ ชื่อนี้ คิ้วได้รูปของหานเซี่ยนอวี่ขมวดเล็กน้อยโดยพลัน
เพียงแต่คิดดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เขาไตร่ตรองพลางเอ่ยขึ้น “ประธานฉู่เป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เป็นไปไม่ค่อยได้ที่เริ่มแรกจะให้คุณเข้ามาอยู่สำนักงานใหญ่เลย
แต่ว่าแบบนี้ก็มีข้อดี โดยพื้นฐานแล้วสำนักงานใหญ่และสาขาอื่นที่แข็งแกร่งมากจะมีพนักงานเต็มแล้ว แต่ละที่ก็มีแวดวงและเครือข่ายอิทธิพลของตัวเอง คุณยังไม่มีประสบการณ์กับเครือข่าย เข้าไปกลางคันจะปรับตัวให้กลมกลืนก็ยากเกินไป กวงเย่าตอนนี้มีโจวเหวินปินคนเดียว คุณไปเริ่มก้าวแรกที่นั่นจะง่ายกว่าหน่อย!”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า คิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวที่กวงเย่าแล้ว จึงสอบถามข้อมูลสักหน่อย “ใช่แล้ว โจวเหวินปินเป็นคนแบบไหนเหรอครับ? ชื่อเสียงข้างนอกดูเหมือนจะไม่เลวเลยนะ?”
เพราะชาติที่แล้วเธอให้ความสนใจกับกงซวี่ศิลปินในสังกัดของโจวเหวินปิน ดังนั้นจึงพลอยรู้จักโจวเหวินปินอยู่บ้าง
กงซวี่เป็นคนในวงการที่มีชื่อเสียด้านอารมณ์ร้าย รับมือยาก ชอบเล่นตัว แม้ว่าจะมีคุณสมบัติสูสีกับหานเซี่ยนอวี่ แต่เพราะมีข่าวเสียและทำเรื่องผิดกฎหมายมากเกินไป ตั้งแต่ต้นจนจบจึงไม่อาจแซงหน้าหานเซี่ยนอวี่ไปได้ ก่อนหน้าโจวเหวินปินก็เปลี่ยนผู้จัดการไปแล้วไม่รู้เท่าไร มีเพียงนิสัยของโจวเหวินปินที่สามารถรับมือกับเขาได้
ปกติเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น โจวเหวินปินจะวางท่าเป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่ง มักจะมีใบหน้าใจดีกับทุกคน
เมื่อพูดถึงโจวเหวินปิน สีหน้าหานเซี่ยนอวี่ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เฮอะ ก็แค่สร้างภาพลักษณ์จอมปลอมต่อหน้าสื่อและสาธารณชนเท่านั้น ธาตุแท้ของเขาคนที่คุ้นเคยในวงการต่างรู้กันดี สรุปก็คือเขาไม่มีทางเป็นอย่างที่คุณคิดเลย เวลาที่ต้องพูดคุยกับเขาต้องระมัดระวังให้มาก อย่าให้เขาหลอกเอาได้!”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารับด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากที่เตือน ผมจะระวังตัว!”
หานเซี่ยนอวี่กล้าพูดตรงๆ กับเธอแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้เห็นเธอเป็นคนนอกแล้ว
……
เมื่อซือเยี่ยหานคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินออกมา เห็นเยี่ยหวันหวั่นกับหานเซี่ยนอวี่อยู่ในครัวสองคน ล้างผักพลางพูดคุยกันอย่างได้อรรถรส
สีหน้าของหญิงสาวเวลาที่เผชิญหน้ากับเขา ไม่เคยจะผ่อนคลายและสมจริงเหมือนเวลาที่อยู่กับหานเซี่ยนอวี่เลย…
………………………………..………
บทที่ 286 คุมเข้มขนาดนี้?
สามคนนั่งลงรอบโต๊ะ หานเซี่ยนอวี่นั่งด้านข้าง มีเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานนั่งอยู่ตรงกันข้าม
หานเซี่ยนอวี่มองอยู่นาน รู้สึกเหมือนขาดๆ อะไรไป “อยากดื่มอะไรไหม ผมมีไวน์ชั้นดีอยู่ขวดหนึ่ง!”
เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าซือเยี่ยหานไม่ชอบให้เธอดื่มเหล้า จิตใต้สำนึกจึงชำเลืองมองซือเยี่ยหานไปทีหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นเองว่า “ขอโทษด้วย ผมดื่มไม่เป็น ไม่งั้นทั้งสองคนดื่มสักหน่อยไหม?”
หานเซี่ยนอวี่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้บังคับ มองชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามพลางถาม “คุณซือคอแข็งไหม?”
ไม่รู้ว่าซือเยี่ยหานกำลังคิดอะไร ดูเหมือนจะมีหมอกที่มองไม่เห็นบนใบหน้า เผยความลึกล้ำที่มองไม่ออกหลายส่วน ได้ยินแล้วพลันตอบเบาๆ “พอได้”
“ได้ งั้นผมไปหยิบไวน์ก่อน พวกเราสองคนมาดื่มกันหน่อย!”
หานเซี่ยนอวี่หยิบไวน์แดงขวดหนึ่งจากด้านข้างมาอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ Romanee Conti เป็นไวน์ที่เพื่อนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งให้มาเมื่อปีก่อน ยากมากเลยกว่าจะได้มา! ตัดใจเปิดไม่ได้สักที! เยี่ยไป๋ คุณไม่ดื่มจริงเหรอ? ยังไงก็อยู่บ้าน ถึงเมาก็ไม่เป็นไรหรอก!” หานเซี่ยนอวี่ชวนอย่างไม่ยอมแพ้
เยี่ยหวันหวั่นถอนใจ “แฟนผมไม่ชอบให้ดื่มเหล้า”
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินก็อดขำไม่ได้ “คุมเข้มขนาดนี้เลย? เขาไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย คุณเชื่อฟังเกินไปแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป ปัญหาก็คือเขาอยู่ที่นี่ไงล่ะ!
หานเซี่ยนอวี่แซวเธออยู่สองสามประโยค จากนั้นคนทั้งสามพูดคุยกันไปพลางจิบไวน์กินหม้อไฟไปพลาง
แม้ว่าไวน์แดงคู่กับหม้อไฟออกจะประหลาดจริงๆ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญคือบรรยากาศ คนทั้งสามจึงไม่ได้สนใจ
ระหว่างทานอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเขาและเยี่ยไป๋พูดคุยกัน ส่วนผู้ชายข้างเยี่ยไป๋ปริปากน้อยมาก และก็ไม่ได้กินอะไรเท่าไร ส่วนใหญ่จะดื่มไวน์มากกว่า มีเพียงเยี่ยไป๋ช่วยคีบอาหารให้เขา ถึงจะกินไปไม่กี่คำ
นิ้วมือเห็นข้อกระดูกชัดเจนถือแก้วไวน์แดงแกว่งเบาๆ ลำพังแค่ดูจากท่าทางการชิมไวน์ของเขา ก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้ของเยี่ยไป๋สถานะไม่ธรรมดา
ท่วงท่าอากัปกริยามีแต่ต้องได้มาจากการซึมซับในสภาพแวดล้อมของชนชั้นสูงมาเป็นเวลานานเท่านั้น มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับภาพลักษณ์ที่แสดงต่อหน้าผู้คนและถูกฝึกอบรมมาโดยเจตนาของดาราอย่างพวกเขา
มืออีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มวางพาดอย่างเป็นธรรมชาติที่พนักเก้าอี้ของเยี่ยไป๋ เห็นชัดว่าเป็นเขาที่พูดคุยกับเยี่ยไป๋อยู่ตลอด ตั้งแต่หัวข้อสนทนาถึงปลายหัวข้อชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ทว่าระหว่างเขากับเยี่ยไป๋กลับห้อมล้อมไปด้วยความรู้สึกที่ตนก็อธิบายไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่คนนอกไม่สามารถแทรกเข้าไปได้
“อาจิ่ว นายกินมากๆ หน่อย ทำไมถึงเอาแต่ดื่มไวน์ เซี่ยนอวี่ก็ด้วยทำไมคุณกินน้อยขนาดนี้?” เยี่ยหวันหวั่นที่ตั้งใจต้มหม้อไฟ ในที่สุดก็พบว่ามีเธอที่กินอยู่คนเดียว
ซือเยี่ยหานไม่คีบอาหารเองเลย หานเซี่ยนอวี่ก็เหมือนจะกินแค่ผักไม่กี่ชิ้น
หานเซี่ยนอวี่กล่าวอย่างจนใจ “สายอาชีพพวกเราก็แบบนี้ทั้งนั้น ต้องควบคุมอาหาร”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วพลันรู้สึกว่าโชคดี อาชีพที่ตัวเองเลือกคือผู้จัดการส่วนตัว “พวกคุณลำบากกันจริงๆ ข้าวก็กินได้ไม่อิ่ม…”
หานเซี่ยนอวี่ยักไหล่พลางกล่าว “ช่วยไม่ได้ ขึ้นกล้องแล้วอ้วนขึ้นห้ากิโล ถ้าอยากจะดูดีเวลาอยู่บนหน้าจอจำเป็นต้องผอมกว่าคนทั่วไป ปกติเวลาที่ทุกคนเห็นดาราผอมมากในทีวี ความจริงแล้วแทบจะผอมเหมือนไม้เสียบผีไปแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้างึกๆ “คุณเองก็เหมือนกัน ผอมขนาดนี้แล้วยังจะลดอีก!”
ขณะที่คนทั้งสองกำลังสนทนา เวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น
เป็นโทรศัพท์ของซือเยี่ยหาน
ซือเยี่ยหานวางแก้วไวน์ลง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบข้างหู “ฮัลโหล”
ซือเยี่ยหานไม่ได้เอ่ยอะไร หลังจากฟังคนปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “โทรบอกให้ผู้อำนวยการเจียงไปก่อน ผมจะตามไปทีหลัง”
…………………………………