แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 471 พี่รับผมไว้เถอะ บทที่ 472 ดาบสองคม
บทที่ 471 พี่รับผมไว้เถอะ! / บทที่ 472 ดาบสองคม
Ink Stone_Romance
บทที่ 471 พี่รับผมไว้เถอะ!
กงซวี่โบกๆ มืออย่างรำคาญ สื่อให้โจวเหวินปินขยับไปอยู่ด้านข้าง จากนั้นกะพริบดวงตาดอกท้อ ทำท่าทางเป็นเด็กดีเชื่อฟัง เขยิบเข้าไปหาเยี่ยหวันหวั่นเพื่อรอรับรางวัลอย่างอดใจไม่ได้ “พี่เยี่ย จัดการเรื่องเสร็จแล้ว พี่ดูสิ ผมบอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับผมเลย! แต่ว่า…พูดไปก็เป็นต้นเหตุจากผมอยู่ดี เพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษจากใจจริง เอางี้ เย็นนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่ดีไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นสบตาเปล่งประกายของชายหนุ่มอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “คุณชายกงเกรงใจแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก”
กงซวี่ได้ยินก็ร้อนใจ รู้สึกว่าต้องเป็นเพราะเรื่องแย่งบทละครสร้างภาพจำแย่ๆ ให้กับเยี่ยไป๋ เขาเลยไม่ยอมให้น้องสาวมาเข้าใกล้ตน
แบบนั้นได้ไง! ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะหาผลไม้แช่อิ่มน้อยของเขาเจอ!
เขาต้องรีบเติมเต็มความรู้สึกดี!
แต่ว่า…จะเติมยังไง…
กงซวี่กำลังรีบร้อนเป็นกังวล ทว่าต่อมาไม่รู้ฉุกคิดอะไรได้ ดวงตาคู่นั้นพลันสว่างสดใส
กงซวี่เปลี่ยนสีหน้าท่าทางเป็นผ่านโลกมาโชกโชนและจนใจ ทอดถอนใจพลางอุทาน “เฮ้อ พี่เยี่ย หลายปีมานี้ชื่อเสียงในวงการของผมแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะคบคนผิด โดนผู้จัดการไร้ความรับผิดชอบพวกนั้นหลอกจนชีวิตขมขื่น! ผมก็เลยอิจฉาลั่วเฉินมากเป็นพิเศษ มีผู้จัดการส่วนตัวที่มีความชำนาญ รับผิดชอบ มีสายตาเฉียบแหลม ทั้งยังหน้าตาหล่อแบบพี่เยี่ย!
พี่เยี่ย ไม่ปิดบังพี่นะ ตั้งแต่วันแรกที่พี่เข้ามาในบริษัท ผมก็รู้ว่าพี่เยี่ยไม่ใช่คนธรรมดา ไม่งั้นศิลปินในค่ายก็มีตั้งมากมาย พี่จะถูกตาลั่วเฉินคนมีศักยภาพแบบนี้ได้ไง ตอนนั้นพี่เคยพูดว่า เว้นแต่โจวเหวินปินจะเอาผมไปแลก พี่ถึงยอมเปลี่ยนตัวกับลั่วเฉิน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากเลย…”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงัน
ได้เห็นกงซวี่คุณชายที่หัวสูงเหนือฟ้ามาประจบเยี่ยไป๋น้ำไหลไฟดับ คุยโม้จนลิงหลับ สีหน้าของโจวเหวินปินที่อยู่ด้านข้างตกใจเหมือนเห็นผี…
สมควรตาย! กงซวี่วันนี้เป็นอะไรกันแน่? โดนเสน่ห์หรือไง?
กงซวี่ประจบสอพลอด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ยอดเยี่ยม ก่อนจะแอบพูดเป็นนัย “พี่เยี่ย ผมรู้ว่าตัวเองคุณสมบัติแย่ แต่ว่าผมมีหัวใจที่ขยันทำงาน ขาดแต่โป๋เล่อ[1]เหมือนอย่างพี่เยี่ย! ดังนั้น…พี่เยี่ยรับผมไว้ได้ไหม?”
โจวเหวินปินเห็นกงซวี่พูดประจบเยี่ยหวันหวั่น เดิมทีใบหน้าก็ไม่น่าดูมากอยู่แล้ว พอได้ยินมาถึงตรงนี้ รูม่านตาพลันหดลงทันที
มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นกระตุก “รับนายน่ะเหรอ?”
กงซวี่พยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าว “อืมๆ พี่เยี่ย ผมอยากติดตามพี่จริงๆ! พี่เยี่ยมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมดีไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดอะไรไม่ออก
สำหรับศิลปินแล้ว การเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ว่าพูดจากปากกงซวี่กลับเหมือนเปลี่ยนนาฬิกาข้อมือ หรือเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่อะไรอย่างนั้น
วินาทีที่กงซวี่พูดว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว ทั้งผู้ช่วย เจ้าหน้าที่ในห้องแต่งหน้า รวมถึงทุกคนที่ห้อมล้อมอยู่หน้าห้องแต่งหน้าต่างตะลึงค้างไป
แย่แล้ว พวกเขาได้ยินเรื่องอะไรเนี่ย?
กงซวี่ต้องการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว ทั้งยังเป็นฝ่ายขอติดตามเยี่ยไป๋ด้วยตัวเอง!
โจวเหวินปินหน้าซีดลงไปอีก มองไปทางกงซวี่ทันควันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “กง…กงซวี่…นายจะเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว? เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง!”
กงซวี่เลิกคิ้ว นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งโดยพลัน “ทำไม? ผมก็แค่อยากเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากพี่เหรอ? พี่เป็นตัวอะไร!”
เขาได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่ใช่เพราะกงซวี่พูดคำเดียวก็เปลี่ยนได้หรอกเหรอ ต่อให้ฉู่หงกวงอยู่ที่นี่ด้วย ก็ควบคุมไม่ได้ว่าเขาจะไปกับใคร
กงซวี่พูดจบก็ไม่สนใจโจวเหวินปินอีก ทำท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใกล้เยี่ยหวันหวั่น “พี่เยี่ย ได้ไหมๆ? พี่รับผมไว้เถอะ! ผมสัญญาว่าจะทำตัวดีเชื่อฟังสิ่งที่พี่พูดทั้งหมด!”
………………………………………………………..
บทที่ 472 ดาบสองคม
หลังจากได้สัมผัสกงซวี่ด้วยตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นถึงเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าทำไมชื่อเสียงของกงซวี่ถึงได้แย่ขนาดนี้ ข่าวฉาวมากมาย แต่ยังมีแฟนพันธุ์แท้มากมายขนาดนี้ได้
หมอนี่มีใบหน้าหล่อเหลาน่าเหลือเชื่อ เวลาทำท่าทางน่าสงสารก็น่าหลงใหลจริงๆ ทำให้คนอดใจไม่อยู่ยอมให้อภัยเรื่องที่เขาทำไว้ ยอมรับปากกับสิ่งที่เขาขอร้อง
หากให้แฟนคลับของเขามาเห็นละก็ คงกรี๊ดลั่นสะเทือนฟ้าแน่
เพียงแต่คำสัญญาของกงซวี่ เยี่ยหวันหวั่นไม่เชื่อสักคำเดียว
เรื่องเกี่ยวกับ ‘ประวัติอันโด่งดัง’ ของกงซวี่ เธอเข้าใจชัดเจนดี
กงซวี่จะทำตัวดีเชื่อฟังคำพูดของผู้จัดการส่วนตัว? นี่นับได้ว่าเป็นเรื่องโกหกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวงการบันเทิงแน่นอน
วินาทีที่คำพูดของกงซวี่จบลง สายตาทุกคนจดจ้องไปทางเยี่ยหวันหวั่น รอคำตอบของเธอ
โจวเหวินปินจ้องเยี่ยหวันหวั่นตาเขม็ง สายตานั้นคล้ายจะเผาร่างเธอจนมอดไหม้ “กงซวี่ หมอนี่พูดอะไรกับนายใช่ไหม? มันร้ายกาจเจ้าเล่ห์ นายอย่าโดนเขาหลอกเอานะ!”
กงซวี่กลัวว่าเยี่ยไป๋จะโกรธแล้วไม่ยอมรับตน รีบตวาดออกไป “โจวเหวินปิน! นายนี่มันแม่ง…”
ทว่าเวลานี้เอง ข้างหูพลันมีเสียงก้องใสของชายหนุ่มดังมา “ตกลง”
คล้อยหลังคำว่า ‘ตกลง’ ของเยี่ยหวันหวั่น ทั้งห้องแต่งหน้าเงียบกริบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น
กงซวี่เงียบไปชั่วขณะ ตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่ดวงตาจะวาบไหวเปล่งประกาย มองไปทางเยี่ยหวันหวั่นอย่างดีใจเป็นที่สุด “พี่เยี่ย! พี่…พี่ตกลงแล้ว? พี่ยอมรับผมแล้ว?”
ทำไมจะไม่รับล่ะ?
เป้าหมายของเธอก็คือตระกูลเยี่ย คือหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ความก้าวหน้าของเธอในตอนนี้ยังห่างไกลจากเป้าหมายริบหรี่
ต่อให้ลั่วเฉินดังจากละครเรื่องนี้แล้ว เธอก็ยังถูกโจวเหวินปินกดเอาไว้ อยากจะรักษาบารมีให้มั่นคงยังมีหนทางอีกยาวไกลให้ต้องเดิน
หากเก็บกงซวี่ไว้ได้ สำหรับเธอแล้วก็เป็นกำลังเสริมที่ดีมาก
เธอรู้ว่ากงซวี่เป็นดาบสองคม ควบคุมได้ยากมาก
แต่ว่า นั่นแล้วยังไง?
ในวงการบันเทิง เดิมทีก็เป็นความเสี่ยงและกลเกมทุกรูปแบบ ไม่มีเหตุผลที่จะผลักโอกาสดีๆ แบบนี้ออกไป
เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เด็กในสังกัดฉันตอนนี้มีศิลปินคนเดียวคือลั่วเฉิน ตอนนี้เขาเริ่มก้าวในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว จะเพิ่มมาอีกคนก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางมองอย่างมีเลศนัยไปทางโจวเหวินปินตรงมุมห้อง
กงซวี่เห็นดังนี้ก็รีบเอ่ย “พี่เยี่ย ขอแค่พี่ยินยอมก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องให้พี่เป็นกังวลใจ ผมจัดการเอง!”
กงซวี่พูดพลางมองทางโจวเหวินปินอย่างรอไม่ไหว “ยังยืนบื้ออยู่ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าพี่เยี่ยยินยอมแล้ว? ยังไม่รีบไปเอาสัญญาของฉันมาอีก!”
โจวเหวินปินคิดยังไงก็คิดไม่ถึง ก่อนหน้าเยี่ยไป๋ยังโดนเขากดไว้ไร้ซึ่งทางสู้ เวลาถัดมากลับตาลปัตร ไม่เพียงบทละครถูกบีบเอากลับไป แม้แต่กงซวี่ยังวิ่งตามไปอีก!
สิ่งที่ไร้สาระยิ่งกว่านั้นคือ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมท่าทีก่อนหน้ากับตอนหลังของกงซวี่ถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
ไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
กว่าเขาจะกอดต้นผลิตเงินอย่างกงซวี่ไว้ได้ก็ไม่ง่ายเลย จะยอมปล่อยเขาไปได้อย่างไร!
โจวเหวินปินร้องห่มร้องไห้พลางกล่าว “กงซวี่! ฉันดูแลนายมาสามปีเต็ม ทุ่มเทกายใจกับนาย ทำงานอย่างหนักโดยไม่เอาเครดิต นายกลับยอมให้หมอนี่ที่เล่นแผนสกปรก แล้วจะเขี่ยฉันทิ้งอย่างไม่แยแสแบบนี้น่ะเหรอ?”
เวลานี้คนที่มุงดูยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หมู่ฝูงชนเป็นพนักงานในบริษัททั้งนั้น ใครดูไม่ออกบ้างว่าโจวเหวินปินเป็นคนอย่างไร ได้เห็นพฤติกรรมแบบนี้ของโจวเหวินปินแล้ว ทุกคนแทบอยากจะอาเจียนออกมา
………………………………………………………..
[1] โป๋เล่อ คือคำเรียกคนคัดสรรม้าศึก