แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 531 แฟนเขาน่ารักมากเลย บทที่ 532 นายมองไม่ออกเหรอว่าคุณคนนั้นทำใจยอมไม่ได้
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 531 แฟนเขาน่ารักมากเลย บทที่ 532 นายมองไม่ออกเหรอว่าคุณคนนั้นทำใจยอมไม่ได้
แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 531 แฟนเขาน่ารักมากเลย / บทที่ 532 นายมองไม่ออกเหรอว่าคุณคนนั้นทำใจยอมไม่ได้?
บทที่ 531 แฟนเขาน่ารักมากเลย
พอได้ยินคำถามนี้ หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นกระหน่ำอีกครั้ง ถามเสียงสั่นว่า “ใครเหรอ…?”
“เพื่อนคนนั้นของคุณไง ซือจิ่ว” หานเซี่ยนอวี่ตอบ
เยี่ยหวันหวั่นฟังแล้วพลันงุนงง หานเซี่ยนอวี่จำซือเยี่ยหานได้ด้วย? งั้นเธอก็อันตรายด้วยน่ะสิ?
แต่ว่าออร่าของซือเยี่ยหานเด่นเกินไป เห็นแวบเดียวแล้วจำได้ก็เป็นเรื่องปกติ…
ปลายสายโทรศัพท์ หานเซี่ยนอวี่กล่าวต่อไปว่า “เขามากับแฟน นั่งอยู่ข้างหลังพวกผมนี่เอง แต่ว่าตอนนั้นคนเยอะไม่ค่อยสะดวก ก็เลยไม่ได้ทัก”
เยี่ยหวันหวั่นฟังจากน้ำเสียงของหานเซี่ยนอวี่ น่าจะไม่รู้ว่าเป็นเธอ จึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง “บังเอิญจัง!”
“ผมเห็นเขาดูรักแฟนมากเลย โดนสองคนนั้นโชว์สวีทหวานใส่ เพื่อนของคุณดูนิ่งๆ แบบนั้น ดูไม่ออกเลยว่าจะอบอุ่นกับแฟนมาก!” หานเซี่ยนอวี่เอ่ยอย่างแปลกใจ
ฮะ? ซือเยี่ยหาน…อบอุ่นกับเธองั้นเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นอมยิ้มมุมปากพลางมองใบหน้าภูเขาน้ำแข็งของคนข้างๆ พูดอย่างจริงจังว่า “นั่นต้องเป็นเพราะว่าแฟนเขาน่ารักมากแน่!”
หานเซี่ยนหวี่หัวเราะ “อาจจะนะ วีรบุรุษมักแพ้สาวงาม! ก่อนหน้านี้ผมเกือบจะคิดว่า…พวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์แบบนั้นกันเสียอีก!”
เยี่ยหวันหวั่นสำลัก บอกอย่างจริงจังอีกครั้ง “คิดมากไปแล้ว พวกเราสองคนบางทีชอบถึงเนื้อถึงตัวกันน่ะ!”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น” หานเซี่ยนอวี่พูดจบก็บอก “งั้นผมไม่กวนแล้วดีกว่า เอาไว้เจอกัน คุณจะกลับคอนโดเมื่อไหร่บอกผมก่อนสักหน่อย ผมจะเอาบัตรเข้างานไปให้”
“ได้เลย งั้นก็ขอบคุณนะ ฝากขอบคุณพี่ซินแทนฉันด้วยล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นไม่ปฏิเสธอีก
หลังจากวางสาย เยี่ยหวันหวั่นตบๆ หน้าอกตัวเองด้วยความรู้สึกโชคดี “โชคยังดี ดีที่คุณแก้สถานการณ์ได้ทันเวลา หานเซี่ยนอวี่แค่เห็นฉัน แต่ไม่ทันมองเห็นชัด และโชคร้ายยังกลายเป็นดี ลบข่าวลือที่ว่าเราสองคนเป็นพวกชอบป่าไม้เดียวกันได้ด้วย!”
ซือเยี่ยหานได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าเกิดคลื่นอารมณ์บางๆ อย่างไม่อาจสังเกตได้ง่าย
เห็นได้ชัดว่าคนบางคนคงไม่อยากให้ข่าวลือนี้ถูกทำลาย…
…
สองวันให้หลัง ภารกิจในมือของสืออีเสร็จสิ้น อาการบาดเจ็บก็ฟื้นตัวบ้างแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงเริ่มมาฝึกกับสืออีอย่างเป็นทางการ
คืนนี้เธอยังต้องไปงานประกาศรางวัลจินหลานด้วย
ในลานบ้าน ซือเยี่ยหานนั่งดื่มนมอยู่ใต้ร่มไม้ที่ห่างออกไปไม่ไกล ด้านข้างมีเสือขาวนอนกรนอยู่
กาแฟหรือชาเข้มๆ วันละแก้วของเขาถูกเยี่ยหวันหวั่นบังคับเปลี่ยนเป็นนมแล้ว
เวลานี้ สืออีกำลังยืนขอคำแนะนำจากซือเยี่ยหาน “คุณชายเก้า ไม่ทราบว่า…แผนการฝึกของคุณหนูหวันหวั่นต้องให้ถึงขั้นไหนเหรอครับ?”
ซือเยี่ยหานวางแก้วนมพิมพ์ลายการ์ตูนสีชมพูในมือลงเบาๆ “ภายในสามเดือน ทำให้ร่างกายเธอแข็งแรงมากพอจะแบกรับฝีมือการต่อสู้ของเธอได้”
สืออีขมวดคิ้วเล็กน้อย “สามเดือน? เวลาสั้นแค่นี้ การฝึกจะยากเกินไปหรือเปล่าครับ?”
ซือเยี่ยหานเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่หรอก”
สืออีได้แต่รับคำ “ครับ”
ขอคำแนะนำเรียบร้อยแล้ว สืออีก็ไปรอยังสนามฝึกชั่วคราวซึ่งอยู่ไม่ไกลที่เตรียมไว้เพื่อเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวสะดวก เข้าไปวนเวียนกับต้าไป๋หลายรอบเหมือนอย่างเคยก่อน จนแอบจับเท้าของมันได้ครั้งหนึ่งถึงค่อยพอใจ
เล่นกับต้าไป๋เสร็จแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็วิ่งมาหาสืออีอย่างกระปรี้กระเปร่า “โค้ชคะ ฉันพร้อมแล้ว วันนี้พวกเราจะเรียนอะไรกัน?”
สืออีมองท่าทางอย่างเด็กดีว่าง่ายของเยี่ยหวันหวั่น แล้วลอบมองขาที่ถูกหักจนต้องดามไว้ของตัวเอง พลันมีความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเป็นพิเศษ…
…………………………………………………..
บทที่ 532 นายมองไม่ออกเหรอว่าคุณคนนั้นทำใจยอมไม่ได้?
นี่คงจะเป็นหน้าที่ที่ยากที่สุดตั้งแต่เคยได้รับมา
เพราะฉะนั้น…
เขาต้องสอนอะไรเธอกันแน่? สอนยังไง?
พอลองย้อนนึกดู ทำไมหน้าที่ที่นายท่านมอบหมายให้เขาช่วงนี้ถึงได้น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ…
เห็นสืออียืนปวดหัวอยู่ตรงนั้น เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ ถามด้วยน้ำเสียงขอโทษ “โค้ช ทำไมเหรอคะ พื้นฐานฉันแย่เกินไปก็เลยสอนยากงั้นเหรอ?”
สืออีไร้ซึ่งคำพูด
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จัดอยู่ในคำว่ายากได้แล้ว…
สืออีพยายามดิ้นรนส่งสายตาไปทางเจ้านายตัวเองที่อยู่ไกลๆ หมดหนทาง เจ้านายเขานั่งพิงเก้าอี้หวายอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจสายตาน่าสงสารที่เขาส่งไปแม้แต่น้อย
ช่วยไม่ได้ สืออีทำได้เพียงฝืนใจเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ คุณหนูหวันหวั่น จากที่ผมสังเกตและเข้าใจ ปกติแล้วคุณหนูน่าจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นพวกเราเริ่มจากฝึกระดับพื้นฐานก่อน เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายสักหน่อย”
“ได้เลย!” เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างแข็งขัน
“งั้น วันนี้เป็นวันแรก คุณหนูเริ่มวิ่งที่แปด…” สืออีกำลังจะพูดว่าแปดกิโลฯ แต่ได้รับสายตาคมกริบจากเจ้านายตัวเองมา
คำที่มาถึงริมฝีปากจึงพลันเปลี่ยนเป็น “คุณหนูเริ่มวิ่งที่ห้า…”
ความกดดันนั้นยังไม่หายไป…
สืออีทำได้เพียงแก้อีกครั้ง “สามกิโลฯ แล้วกันครับ!”
นายท่าน เมื่อกี้คุณพูดอย่างแน่วแน่เองแท้ๆ ว่าให้ผมทำให้ได้ภายในสามเดือน พอถึงเวลาฝึกจริงกลับรู้สึกว่าสิ่งที่มอบหมายให้ทำหนักเกินไป คุณจะเอายังไงกันแน่เนี่ย?
สิบกิโลเมตรสำหรับพวกเขาเป็นเพียงระดับพื้นฐาน เขาไม่ได้พูดว่าสิบกิโลเมตรด้วยซ้ำ แต่พูดว่าแปดกิโลฯ ผลลัพธ์คือ…
ดูจากปริมาณการฝึกนี้ จะสำเร็จภายในสามเดือนได้ยังไง? เหนื่อยใจจริง…
เยี่ยหวันหวั่นตอบรับ “ค่ะ!”
เธอพูดจบก็ออกวิ่ง สืออีขึ้นรถตามไป ตามอยู่ข้างกายเยี่ยหวันหวั่นช้าๆ
เขาต้องคอยอยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้ว แต่ว่าช่วยไม่ได้…ขาเขาหัก ทำได้แต่หารถประเภทรถชมวิวมาแล้วให้คนขับคอยตามเธอให้
ทิวทัศน์บริเวณจิ่นหยวนเงียบสงบและงดงาม เหมาะกับการวิ่งที่สุด
บนที่นั่งคนขับ บอดี้การ์ดที่กำลังขับรถอดไม่ได้เอ่ยปากขึ้นว่า “อะแฮ่ม หัวหน้า สามกิโลฯ น้อยเกินไปหรือเปล่าครับ?”
สืออีทำหน้าจนปัญญา “นายไม่เห็นเหรอว่าคุณคนนั้นทำใจยอมไม่ได้? ฉันจะกล้าให้คุณหนูหวันหวั่นวิ่งเยอะกว่านี้ได้ยังไง!”
สำหรับเหตุผลนี้ บอดี้การ์ดเผยท่าทางว่าหมดคำพูด…
ทำใจไม่ได้?
ล้อเล่นหรือเปล่า?
ด้วยพละกำลังของคุณคนนี้ สามกิโลเมตรก็แค่เล่นๆ ไม่ใช่เหรอ มีอะไรต้องทำใจไม่ได้กัน?
ผลลัพธ์คือ…
รอบนี้วิ่งไปประมาณไม่ถึงหนึ่งกิโล เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มวิ่งไม่ไหวแล้ว…
แม้ว่าก่อนการฝึกปฏิญาณอย่างหนักแน่นว่าจะตั้งใจฝึกอย่างดี แต่พอเอาเข้าจริงทรมานกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
ไม่ได้ออกกำลังกายมานานเกิน วิ่งไปได้ไม่นานขาก็เหมือนมีตะกั่วมาถ่วงไว้ ในหน้าอกเหมือนมีตะกรันเต็มไปหมด ทุกครั้งที่หายใจปวดแสบร้อนไปหมด กล้ามเนื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวก็เริ่มกลับมาปวดอีกครั้ง รู้สึกทรมานไปทั้งตัว
ซือเยี่ยหานก็นั่งอยู่ในลานด้วย เยี่ยหวันหวั่นต้องวิ่งผ่าน
เดิมทีหวันหวั่นยังกัดฟันวิ่งต่อไปได้ แต่ว่า ตอนที่วิ่งผ่านลานบ้านแล้วเห็นซือเยี่ยหาน พริบตานั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอกว่าเดิมเสียเฉยๆ พลางมองชายหนุ่มอย่างน่าเวทนา “ที่รัก ขอลดปริมาณการฝึกลงอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว ทรมานจัง…”
ซือเยี่ยหานเห็นใบหน้าซีดขาวของหญิงสาว ก็ลุกขึ้นเดินมาหาทันที “ตรงไหน?”
“หน้าอก ขา ข้อเท้าก็เจ็บ…” น้ำเสียงเยี่ยหวันหวั่นยิ่งดูน้อยใจ
สืออีที่อยู่ด้านข้างรีบลงจากรถมาอธิบาย “คุณชายเก้า นี่เป็นอาการปกติของคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน แต่ว่า…”
ซือเยี่ยหานเหมือนจะไม่ได้ฟัง “วันนี้พอเท่านี้ก่อน”
สืออีเงียบกริบ
นายท่าน! แผนการฝึกของผมมันยากมากพออยู่แล้ว! ขอร้องคุณอย่ามาเพิ่มดีบัฟอีกสิ!
……………………………………………………