แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 605 ท้องร้องหิวจริงๆ บทที่ 606 เป็นฝ่ายนัดเจอเธอ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 605 ท้องร้องหิวจริงๆ บทที่ 606 เป็นฝ่ายนัดเจอเธอ
บทที่ 605 ท้องร้องหิวจริงๆ
“ฉันกลับมาแล้วค่า!”
เยี่ยหวันหวั่นกลับมาถึงจิ่นหยวน พอเข้าประตูมาก็เห็นซือเยี่ยหานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก มีแลปท้อปเครื่องหนึ่งวางอยู่บนตัก
เห็นซือเยี่ยหานนั่งในห้องรับแขก เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกประหลาดใจ “เอ๋ เบบี๋ ทำไมคุณมานั่งตรงนี้ไม่อยู่ในห้องคะ”
ซือเยี่ยหานกำลังจะพูด เยี่ยหวั่นหวันก็นั่งลงมา “ครั้งที่แล้วบอกว่าแสงดี ครั้งนี้จะบอกว่าฮวงจุ้ยในห้องรับแขกดีใช่ไหมคะ อย่าปากไม่ตรงกับใจเลย! ฉันรู้ว่าคุณจงใจรอฉันอยู่!”
ซือเยี่ยหานเงียบ
เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เห็นอยู่ว่าเมื่อก่อนกลัวซือเยี่ยหานขนาดนั้น ตอนนี้แค่เห็นเขาก็กลับทนไม่ไหวอยากจะแซวสักหน่อย
เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะแซวต่อ แต่พบว่าร่างกายพลังงานไม่พอ ท้องร้องดังโครกคราก เธอกุมท้องที่ร้องดังขึ้นมาทันทีแล้วพูด “เบบี๋ ฉันหิวแล้วล่ะ”
ซือเยี่ยหานเหลือบมองหญิงสาวข้างๆ จากนั้น โน้มตัวลงมาจูบที่มุมปากเธอ
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเสียงเบาในทันใด “เอ่อ ไม่ใช่หิวแบบนั้นค่ะ คือท้องร้องหิวจริงๆ!”
“ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“งานเลี้ยงแบบนั้นจะกินอะไรได้ล่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นบ่น
ทนฟังกงซวี่บ่นมาทั้งคืน
ซือเยี่ยหานโบกมือเรียกคนรับใช้มา
ไม่นานในห้องครัวก็เอาอาหารว่างมื้อดึกร้อนๆ มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เกี๊ยวน้ำ ซาลาเปา เกี๊ยวนึ่งต่างๆ มีหมด
ต้องระมัดระวังตัวตั้งแต่ออกจากบ้าน จนถึงตอนนี้กลับมามีของว่างมื้อดึกร้อนๆ รออยู่ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนฝันไป
ขอแค่โอนอ่อนผ่อนตามเจ้าปีศาจตัวใหญ่ ชีวิตเธอก็มีความสุขสบายมากแล้ว เจ้าปีศาจตัวใหญ่ไม่หึงหวงนั้นทุกอย่างว่าง่ายหมด
เยี่ยหวันหวั่นกำลังกินมื้อดึกอย่างอารมณ์ดี ป้อนซือเยี่ยหานไปด้วยหลายคำ เสียงเตือนวีแชทก็ดังติ๊งๆๆ ขึ้นมาไม่หยุดเหมือนระเบิด
นึกไว้ไม่ผิดคาด นายกงซวี่นั่นส่งข้อความมาอีกแล้ว
กงซวี่ ‘พี่เยี่ย เมื่อไรพี่จะให้ผมเจอเสี่ยวมี่เจี้ยน’
กงซวี่ ‘พี่เยี่ย พี่ไม่รักผมแล้วเหรอ’
กงซวี่ ‘ไม่อย่างนั้นทำไมไม่หางานให้ผม’
กงซวี่ ‘พี่เยี่ย พี่จะแช่แข็งผม พักงานผมเหรอ…’
………..
เยี่ยหวันหวั่นเห็นแล้วพูดไม่ออก ทั่วทั้งวงการบันเทิงใครจะมีปัญญาพักงานคุณชายใหญ่อย่างเขาได้
เยี่ยไป๋ ‘ฉันเตรียมบทละครเรื่องหน้าให้นายแล้ว อดทนรอหน่อย’
เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบปิดเสียงมือถือ
ประวัติด้านมืดของกงซวี่นั้นมีเยอะเกินไป ชื่อเสียงย่ำแย่จนมองไม่เห็นด้านดี อยากจะล้างมลทินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือเริ่มจากแก้ที่รากของปัญหาก่อน ให้งานที่เขาสามารถทำออกมาได้โดดเด่น
ยังไงพื้นฐานของนักแสดงก็คือการเล่นละคร
สำหรับศิลปินคนหนึ่งแล้ว ความสามารถของตัวศิลปินเองคือประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
แต่ว่า มีละครที่เขาสามารถโชว์ความสามารถได้ สำหรับกงซวี่แล้ว ความยากนี้ก็ถือว่าน่ากลัวอยู่
ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มปรับเสริมเติมแต่ง อยากจะให้ฝีมือการแสดงของกงซวี่มีคุณภาพรุดหน้าเกินกว่าพื้นฐานในเวลาอันสั้นนั้นยังเป็นไปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ทำได้แค่ลงแรงไปกับบทละคร โชคดีที่เธอรู้ว่ามีบทละครเล่มหนึ่งที่เหมาะสมกับกงซวี่มาก
ถ้ามีการพัฒนาจากบทละครนี้ราบรื่นดี กงซวี่ก็อาจจะมีโอกาสอันน้อยนิดที่จะพลิกฟื้นขึ้นมา…
ซือเยี่ยหานมองดูมือถือของเยี่ยหวันหวั่นที่ส่งเสียงไม่หยุด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย…
เยี่ยหวันหวั่นเห็นก็รีบเก็บมือถือ พูดจาน่าเชื่อถือ “ตอนนี้คนในวงการบันเทิงกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ ชอบส่งข่าวฉาวมา มั่วซั่วสารพัดชนิด ไร้สาระจริงๆ เบบี๋คุณสบายใจได้ ฉันไม่เหมือนกับพวกเขา!”
ซือเยี่ยหานเหลือบหางตามองเธอช้าๆ “เหรอ เธอไม่เหมือนตรงไหน”
เยี่ยหวันหวั่นกอดชามข้าว “ฉันกินไม่อิ่ม!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก
………………………………………………………………
บทที่ 606 เป็นฝ่ายนัดเจอเธอ
ที่มหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวง
วันนี้มีคลาสของศาสตราจารย์คนหนึ่งน่าเข้าไปฟังมาก เยี่ยหวันหวั่นตั้งใจหาเวลาว่างมามหาวิทยาลัย แล้วถือโอกาสจัดการทำเรื่องข้ามชั้น
หลังเลิกเรียน เจียงเยียนหรานนัดเยี่ยหวันหวั่นไปกินข้าวด้วยกันแถวมหาวิทยาลัย
“หวันหวั่น ในที่สุดเธอก็มามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันเบื่อมากเลย! หอพักห้องสี่คนแทบจะเหลือฉันอยู่คนเดียวแล้ว มีคนหนึ่งที่มาสองสามสัปดาห์ครั้ง อีกสองคนตอนนี้หน้าตาเป็นยังไงฉันยังไม่รู้เลย ว่ากันว่าเซ็นสัญญากับบริษัทตัวแทนแล้ว!” เจียงเยียนหรานบ่นพึมพำ
นักศึกษาที่สอบเข้าคณะศิลปะแขนงต่างๆ ของมหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวงหลายคนเริ่มรับงานตั้งแต่ปึหนึ่งแล้ว มีจำนวนไม่น้อยที่ออกไปทำงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัยอีก อัตราการเข้าเรียนต่ำถือเป็นเรื่องปกติ แม้แต่สภาพที่มหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนของพวกเขาก็ใกล้เคียงกัน ทุกคนค่อยมารีบเก็บหน่วยกิจตอนใกล้สอบ
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “ทำไม ฉู่เฟิงไม่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเหรอ”
“ช่วงนี้เขาติวอยู่กับติวเตอร์น่ะ!” เจียงเยียนหรานพูดไป จู่ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ พูดต่อ “ใช่แล้วหวันหวั่น เธอเดามาหลายวันก่อนฉันเจอใคร”
“ใครน่ะ”
“เฉินเมิ่งฉี!” เจียงเยียนหรานบอก “เธอเสแสร้งทำเป็นเชิญฉันไปจวี๋ซิงมีเดีย แล้วยังบอกว่าจะเซ็นสัญญากับฉันด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน มุมปากแสยะยิ้มเยาะ เฉินเมิ่งฉีเชิญด้วยความจริงใจที่ไหน กลัวว่าจะจงใจขี้โม้มากกว่า
ตอนนี้เจียงเยียนหรานเป็นแค่นักศึกษาที่ไม่มีใครสนใจ ส่วนเธอเป็นศิลปินดาวรุ่งที่พุ่งทะยานอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวี๋ซิงมีเดีย อนาคตสดใสไร้ขีดจำกัด
“แต่ว่า ช่วงนี้จวี๋ซิงพัฒนาไปได้ดีมาก ในเวลาสองปีนี้ผลักดันศิลปินใหม่ให้โด่งดังตั้งหลายคน ตัวเฉินเมิ่งฉีเองเพิ่งออกมาทำงานก็ได้รับฉายา ‘ผู้นำแฟชั่น’ อะไรนั่น เสื้อผ้าแฟชั่นที่เธอสวมใส่ยังได้รับการยกย่องจากรุ่นพี่ตั้งหลายคน…
ไม่ต้องเดาเยี่ยหวันหวั่นก็รู้แล้ว ภาพลักษณ์ของเฉินเมิ่งฉีนั้นเป็นฝีมือของใคร
เวลานี้ เสียงมือถือของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้น
เห็นสายที่โทรเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที
เป็นพี่ชายเธอโทรมาหา…
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปพักหนึ่ง แล้วรับโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล?”
“อยู่ที่มหาวิยาลัยหรือเปล่า ฉันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ออกมาหน่อย ฉันมีธุระกับเธอ” เยี่ยมู่ฝานที่อยู่อีกฝากของมือถือพูด
เยี่ยมู่ฝานถึงกับเป็นฝ่ายนัดเจอเธอ?
เยี่ยหวันหวั่นคิดนิดหนึ่ง แล้วตอบกลับ “ห้านาที”
เห็นสีหน้าเยี่ยหวันหวั่นไม่ค่อยดี เจียงเยียนหรานถาม “หวันหวั่น ใครโทรมาน่ะ”
“พี่ชายฉัน”
“ห๋า…” เจียงเยียนหรานพอรู้เรื่องของเยี่ยมู่ฝานมาบ้าง พอได้ยินก็ถามด้วยความระมัดระวัง “พี่ชายเธอเขา ตอนนี้ยังทำงานอยู่ที่จวี๋ซิงหรือเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “เขานัดฉันออกไปเจอ ฉันต้องไปก่อน”
“อ้อๆ งั้นเธอไปเถอะ สายแล้ว ฉันก็ต้องกลับมหาวิทยาลัยแล้ว เจอกันใหม่นะ”
“ได้ บายๆ”
…..
ออกมาจากร้านอาหาร เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางประตูมหาวิทยาลัย
เป็นอย่างที่คิด เพิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงประตูมหาวิทยาลัย
ถึงแม้ศิลปินภายใต้การดูแลของเยี่ยมู่ฝานแต่ละคนล้วนดูดีมีออร่า แต่ตัวเขาเองกลับใส่เสื้อผ้าจากแผงลอย แต่เพราะเขาสามารถจับคู่และมีรสนิยมที่ดี เลยยังทำให้เขาดูหล่อเหลาอยู่
เงินเล็กน้อยพวกนั้นที่เขาหามาได้ นอกจากให้พ่อแม่แล้ว เกรงว่าจะเอาไปใช้กับเฉินเมิ่งฉีจนหมด
บอกให้รู้ เมื่อก่อนเยี่ยมู่ฝานนั้นแต่งตัวพิถีพิถันที่สุด ถ้าไม่ใช่แบรนด์ที่เลือกมาเป็นพิเศษแล้วนั้นเขาไม่มีทางใส่ ถึงแม้จะเป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ก็ต้องผ่านกระบวนการดัดแปลงมาแล้วสิบกว่ารอบ ไม่ต้องการซ้ำใคร
………………………………………………………………