แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 701 รอยสีชมพู บทที่ 702 ชอบเด็กไหม
บทที่ 701 รอยสีชมพู
ช่างเถอะ ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ สถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมให้รอผลตรวจพรุ่งนี้ออกก็รู้แล้ว…
เช้าวันต่อมา
เยี่ยหวันหวั่นกับซือเยี่ยหานตื่นขึ้นมากินข้าวเช้า จากนั้นก็แยกย้ายไปทำงาน
เนื่องจากร่างกายดีขึ้นไม่น้อย ตอนนี้ซือเยี่ยหานจึงไปบริษัทได้แล้ว แม้เยี่ยหวันหวั่นจะไม่วางใจ แต่ด้วยสถานการณ์ของตระกูลซือในตอนนี้ ถ้าซือเยี่ยหายไม่โผล่หน้าไปให้คนเห็น ความตื่นตระหนกอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นต้องกำหนดวันโผล่หน้าไปบ้าง ขอแค่ไม่ใช้สมองมากเกินไปก็พอ
ช่วงนี้เธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากซือเยี่ยหาน เพียงแต่ไม่เคยปฏิบัติจริง ไม่เคยได้ยุ่งเกี่ยวกับหน้าที่ในบริษัท…
“เส้นนี้หล่อดี!” เยี่ยหวันหวั่นเลือกเนคไทสีแดงเลือดหมูให้ซือเยี่ยหาน เพิ่งจะผูกให้เขาเสร็จ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ พลันตวัดมองไปทางประตูของคอนโด
“อืม…รอเดี๋ยว…” เยี่ยนหวันหวั่นครุ่นคิด พลันยื่นมือถอดเนคไทที่เพิ่งผูกเสร็จออก แล้วจึงเปิดคอเสื้อที่ไม่มีรอยยับย่นของซือเยี่ยหานออก
ซือเยี่ยหานก้มมอง ส่งสายตาเคลือบแคลงให้หญิงสาว
เยี่ยหวันหวั่นขอร้อง “ก้มอีกนิดค่ะ”
ซือเยี่ยหานไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่ก็ยังย่อตัวเล็กน้อยอย่างเชื่อฟัง
สายตาเยี่ยหวันหวั่นอยู่ที่คอเสื้อซึ่งแบะออกของซือเยี่ยหาน ใช้แขนข้างหนึ่งจับไหล่เขาไว้ จากนั้นประทับริมฝีปากลงไปอย่างอ่อนโยน…
ไม่ทันให้ซือเยี่ยหานตอบสนอง เขาก็รู้สึกเจ็บที่ไหปลาร้า นอกจากความเจ็บแล้ว ยังเป็นความรู้สึกชาซึ่งลามขึ้นปลายประสาท
ดวงตาของซือเยี่ยหานหยีลงดูอันตรายสุดขีด มองหญิงสาวที่จู่ๆ ก็กัดไหปลาร้าของเขา
จุดที่ถูกหญิงสาวกัดและจูบทิ้งรอยประทับสีชมพูอ่อนจางเอาไว้เล็กๆ
เยี่ยหวันหวั่นมองประตู ยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ มอง ‘ผลงานอันยอดเยี่ยม’ ของตัวเองพลางเอ่ยด้วยความพอใจว่า “เสร็จแล้ว! เพอร์เฟกต์เลย! ตอนนี้ไปได้แล้วค่ะ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางเดินไปทางประตู
ประตูเปิดออก วินาทีต่อมาเสียงแกรกดังขึ้น ร่างสีเรืองๆ แนบชิดประตูพลางกลิ้งเข้ามา…
กงซวี่ปัดฝุ่นบนตัวอย่างกระอักกระอ่วน ลุกขึ้นยืน แสร้งทักทายด้วยความใจเย็น “ฮ่า…เหอะ…เหอะ…พี่เยี่ย…อรุณ…อรุณสวัสดิ์ครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นกอดอก มองคนที่มาลับๆ ล่อๆ ขวางประตูบ้านเธอตั้งแต่เช้าตรู่อย่างไม่สะทกสะท้าน ตอบกลับว่า “อรุณสวัสดิ์”
กงซวี่เกาศีรษะ พูดติดอ่าง “อะฮะๆ…วันนี้จะไปดูกองละครให้ลั่วเฉินไม่ใช่เหรอครับ…ผมเลยมารอพี่ที่นี่…เพิ่งถึงหน้าประตู พี่ก็เปิดประตูพอดีเลย! บังเอิ๊ญบังเอิญจริงๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน มุมปากก็กระตุกทีหนึ่ง
บังเอิญก็บ้าแล้ว เจ้าบ้านี้มาซุ่มอยู่ที่นี่คืนหนึ่งแล้วมั้ง!
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชนิดที่ต้องถามให้ถึงที่สุดของกงซวี่ เขาจะต้องทำเรื่องพรรค์นี้ได้แน่นอน
กงซวี่พูดพร้อมกับมองไปมาระหว่างทั้งสองคนไม่หยุด
ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่าคนหนึ่งเกียจคร้านสบายๆ คนหนึ่งเย็นชาสูงส่ง ไม่เห็นเหมาะกันตรงไหน…
เพียงแต่เขานอนคิดมาหนึ่งคืนแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่เชื่อว่าพี่เขยในอนาคตของเขาจะชอบผู้ชายจริงๆ!
จนกระทั่งสายตาเขาตกอยู่บนคอเสื้อผู้ชายที่อยู่ด้านข้างเยี่ยหวันหวั่น…
ร่องรอยสีชมพูที่ดุดันรอยหนึ่งปรากฏรางๆ อยู่ตรงคอเสื้อของชายหนุ่ม กำลังสาบานว่าเมื่อคืนเกิดอะไรสักอย่างขึ้น…
กงซวี่แน่นิ่งไปแล้ว
——————————————————
บทที่ 702 ชอบเด็กไหม?
อ๊าก…
กงซวี่กัดแขนเสื้อของตัวเองทั้งน้ำตานองหน้า
พี่เยี่ยที่ปกติดูเย็นชาเคร่งขรึมทั้งยังไร้อารมณ์ ไม่นึกว่าจะมีความรักที่เร่าร้อนแบบนี้ ทำไมในใจถึงมีรสชาติแบบนี้?
เยี่ยหวันหวั่นย่อมเห็นปฏิกิริยาของกงซวี่ เมื่อรู้ว่าบรรลุผลแล้วจึงค่อยมองซือเยี่ยหาน “ดึกๆ ฉันจะไปรับนายที่บริษัทนะ”
ซือเยี่ยหานตอบ “อืม”
“นี่ รอเดี๋ยวสิ ลืมอะไรไปรึเปล่า?” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว
ซือเยี่ยหานหยุดเดิน โน้มตัวลงจูบลงบนริมฝีปากของหญิงสาวอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นจูบลา
กงซวี่ที่อยู่ด้านข้าง…
พวกคุณเห็นผมไหมเนี่ย?
ที่นี่ยังมีคนตัวเป็นๆ อยู่นะ…
ตั้งแต่เมื่อคืนถึงเช้าวันนี้ เยี่ยหวันหวั่นเรียกได้ว่าจัดการยอดเยี่ยม ไม่เหลือมุมอับใดๆ ไว้ วิกฤติครั้งนี้ในที่สุดก็ถูกแก้ไขโดยสมบูรณ์
ระหว่างทางไปยังกองละคร
กงซวี่ลืมตาหมีแพนด้าวงใหญ่ “พี่เยี่ย พี่หล่อขนาดนี้ อยากจะหาคนสวยๆ แบบไหนก็หาได้ ทำไมต้องไปอยู่กับผู้ชายด้วย”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ฉันชอบผู้ชายตั้งแต่เกิดนี่”
เยี่ยหวันหวั่นใช้คำพูดสังหารในพริบตาเดียว กงซวี่พลันพูดไม่ออก
อีกทั้งเธอยังพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เป็นความจริงล้วนๆ
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้พูดอะไรอีก ด้วยนิสัยของกงซวี่ ให้เวลาเขาได้ย่อยสักหน่อยก็พอ ถ้าหากเป็นลั่วเฉิน เกรงว่าตลอดชั่วชีวิตนี้คงไม่มีทางย่อยได้
ตอนกลางคืน ที่พักส่วนตัวของซุนไป๋เฉา
ผู้เฒ่าซุนตรวจสอบร่างกายของซือเยี่ยหานอย่างละเอียดเหมือนที่ผ่านมา
หลังจากการตรวจเสร็จสิ้น เยี่ยหวันหวั่นก็รีบถาม “ผู้เฒ่าซุน อาการของคุณชายเก้าเป็นยังไงบ้างคะ?”
ซุนไป๋เฉาตอบ “ใกล้เคียงกับการตรวจครั้งก่อน ถึงโรคที่ซ่อนอยู่ยังไม่ถูกจัดการ แต่ที่แข็งแรงถึงตอนนี้ได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว”
ซุนไป๋เฉามองเยี่ยหวันหวั่นอย่างสะท้อนใจ “คุณหนูเยี่ย เกรงว่าคุณจะใช้ความพยายามไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ?”
อาการของซือเยี่ยหานหากไม่ระวังแค่นิดเดียว ความพยายามก่อนหน้าก็จะสูญเปล่าทันที ความพยายามที่ต้องใช้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการออก ยิ่งกว่านั้นเธอยังต้องแบกรับแรงกดดันมากขนาดนี้ด้วย
“ผู้เฒ่าซุนชมเกินไปแล้วค่ะ ต้องพึ่งความเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ของคุณทั้งนั้น…” เยี่ยหวันหวั่นผ่อนลมหายใจโล่งอก แต่ก็ยังรู้สึกว่าซุนไป๋เฉาไม่ได้พูดอะไรบางอย่าง
บนทางขากลับ
“ชอบเด็กรึเปล่า?” ซือเยี่ยหานถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“หา? เด็ก?” เยี่ยหวันหวั่นงงงัน
“อืม เธอชอบเด็กไหม?” ซือเยี่ยหานถามซ้ำ
เยี่ยหวันหวั่นเอามือเท้าคาง เอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “ทำไมอยู่ๆ ถึงถามคำถามนี้ล่ะคะ”
ซือเยี่ยหานบอก “ฉันอาจจะมีลูกไม่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ตกตะลึง
ที่แท้นี่เป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไป๋ซุนเหล่ามีท่าทีแปลกๆ นี่เอง…
บางทีร่างกายของซือเยี่ยหานอาจจะขาดสมดุลอย่างรุนแรงจนส่งผลไปถึงรากฐาน…
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ คิดไม่ถึงว่าซือเยี่ยหานจะบอกเธอตรงๆ แบบนี้
ผ่านไปนานเยี่ยหวันหวั่นถึงค่อยได้สติกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “อืม จริงๆ ฉันไม่ค่อยอะไรกับเด็กเท่าไร ยุ่งยากจะตายไป ก่อนหน้านี้พวกหลานๆ ในบ้านนี่อย่างซนเชียว ถ้าไม่ดื้อไม่ซน หน้าตาน่ารักน่าชังก็ดีหรอก แต่ส่วนใหญ่เป็นเด็กดื้อกันทั้งนั้น เกิดได้ลูกแบบนั้นมาคงวุ่นมาก! อีกอย่างตอนนี้เป็นสมัยไหนแล้ว สามีภรรยาที่ไม่มีลูกก็มีอยู่เยอะไป ตลอดชีวิตอยู่ในโลกของคนสองคนดีจะตาย ทำไมต้องเพิ่มภาระมาด้วย!”
……………………………………………………………..