แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 869 ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป บทที่ 870 อาจิ่วฟื้นก่อนค่อยว่ากัน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 869 ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป บทที่ 870 อาจิ่วฟื้นก่อนค่อยว่ากัน
บทที่ 869 ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
ทุกคนนึกไม่ถึงว่าซือเยี่ยหานอยู่ดีๆ จะกระอักเลือดแล้วสลบล้มลงไป
แม้แต่ซือหมิงหลี่กับเฝิงอี้เผิงก็ตะลึงงันเช่นกัน
“หัวหน้าตระกูลๆ!”
“หมอ! หมอล่ะ! ยังไม่รีบไปเรียกหมอเทวดาซุนมาอีก!”
ผู้อาวุโสทุกคนในที่นั้นต่างโกลาหลวุ่นวาย เข้าไปมุงซือเยี่ยหานด้วยอาการตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
“หลบไป! อย่ามุงกันขนาดนั้น!” เยี่ยหวันหวั่นตวาดเสียงแข็ง จากนั้นเข้าไปพยุงซือเยี่ยหานขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
“อาจิ่ว! อาจิ่วของฉัน…นี่…มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง! เร็ว…รีบไปเชิญหมอมา…” คุณนายใหญ่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ตัวโงนเงนเกือบจะเป็นลมล้มพับอีกคน
เยี่ยหวันหวั่นกำชับให้คนรับใช้ดูแลคุณนายใหญ่ให้ดีๆ พลางพาซือเยี่ยหานนอนลงบนเตียงของห้องด้านในอย่างระมัดระวัง ก่อนจะตรวจสอบการเต้นของหัวใจและชีพจรเขาครู่หนึ่ง “คุณย่า ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่กี่วันก่อนหมอโม่กับหมอเทวดาซุนเพิ่งมาตรวจร่างกายให้คุณเก้าอย่างละเอียด ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร!”
ไม่รอให้คุณนายใหญ่พูด ซือหมิงหลี่พลันสาวเท้าออกมา “ไร้สาระทั้งเพ! กระอักเลือดแล้วยังไม่เรียกว่าปัญหาใหญ่อีก? งั้นต้องแบบไหนถึงจะเรียกว่าเกิดปัญหา!
ตอนนั้นหมอเทวดาซุนก็เคยพูดว่าร่างกายของหัวหน้าตระกูลทนได้อีกไม่ถึงครึ่งปี อาจป่วยได้ทุกเมื่อ ป่วยทีรับรองอันตรายถึงชีวิตแน่นอน แต่เธอกลับดีนัก ก็ไม่รู้ว่าวางใจอะไร ถึงโดดเข้ามาหยุดการผ่าตัดของหัวหน้าตระกูล แถมยังหน้าด้านพูดอวดดีว่าตัวเองช่วยรักษาสภาพร่างกายของหัวหน้าตระกูลได้! ตอนนี้เป็นไงล่ะ เนี่ยนะรักษาที่เธอว่า”
เฝิงอี้ผิงที่อยู่ในกลุ่มคนถอนหายใจ “เฮ้อ ตอนนั้นพวกเราเตือนแทบตายว่าต้องให้หัวหน้าตระกูลผ่าตัด รีบปลูกถ่ายอวัยวะ แต่หัวหน้าตระกูลถูกผู้หญิงคนนี้ล่อลวง เชื่อฟังไปทุกอย่าง พวกเราพูดอะไรก็เปล่าประโยชน์…ตอนนี้เป็นไงล่ะ…”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็มองเยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาเย็นเยือกผิดปกติ “ทีนี้จะทำยังไง…ต้องรีบกำชับคนรับใช้ให้ปิดข่าว! อย่าให้คนนอกรู้! ไม่อย่างนั้นตระกูลซือได้วุ่นวายแน่! เฮ้อ! ตระกูลซือจะถูกผู้หญิงคนนี้ทำลายแล้วจริงๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเสียงเจื้อยแจ้วที่คนพวกนั้นพูดอยู่ข้างหู แต่ยังคงตรวจดูอาการของซือเยี่ยหานต่อไป
ช่วงนี้เธอเรียนความรู้ผิวเผินมาจากหมอเทวดาซุนนิดหน่อย จึงสังเกตวินิจฉัยอย่างง่ายๆ ได้บ้าง อีกอย่างหมอสองคนก็เพิ่งตรวจซือเยี่ยหานไป หลายวันนี้เธอก็อยู่ข้างกายเขาตลอด สภาพร่างกายเขาทรงตัวดีมาก…
ส่วนเรื่องวางพิษอะไรนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ อาหารของซือเยี่ยหานมีการควบคุมดูแลไม่แพ้ราชวังยุคโบราณ คนคิดร้ายพวกนั้นไม่มีความกล้าพอจะทำเรื่องอย่างนี้…
ความจริงในทางการแพทย์ กระอักเลือดก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป บางที…
ซือหมิงหลี่มองคุณนายใหญ่กับซือหมิงหรงอย่างเจ็บปวดโกรธแค้น “พี่สะใภ้ พี่รอง ตอนนี้พวกพี่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ชัดแล้วหรือยัง”
เดิมทีซือหมิงหรงก็มีอคติกับเยี่ยหวันหวั่นมาตลอด แต่ช่วงนี้เขาเห็นซือเยี่ยหานอาการดีขึ้น ท่าทีที่มีต่อเยี่ยหวันหวั่นจึงอ่อนลงบ้างแล้ว เวลานี้เมื่อเห็นซือเยี่ยหานมีสภาพอย่างนี้ ย่อมนั่งไม่ติดเป็นธรรมดา เอ่ยด้วยสีหน้าเฉียบขาดอย่างยิ่งว่า “คุณหนูเยี่ย! กรุณาออกไปด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นจับนิ้วที่เย็นเล็กน้อยของซือเยี่ยหานกระชับขึ้นทีละนิด…
เวลานี้เอง มีเสียงของคนรับใช้ดังขึ้นที่หน้าประตู “คุณหมอซุนมาแล้วครับ! คุณหมอซุนมาแล้ว!”
มีคุณหมอซุนอยู่ เธออยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือให้ซุนไป๋เฉ่าตรวจร่างกายซือเยี่ยหาน
เยี่ยหวันหวั่นปล่อยนิ้วซือเยี่ยหานช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นเปิดทางให้ซุนไป๋เฉ่า
———————————————————————
บทที่ 870 อาจิ่วฟื้นก่อนค่อยว่ากัน
นอกจากคุณนายใหญ่กับซือหมิงหรง ทุกคนออกไปกันหมด เพื่อให้ซุนไป๋เฉ่าสามารถตรวจร่างกายได้อย่างสงบ
นอกประตู คนกลุ่มหนึ่งกำลังรออย่างเคร่งเครียด
เวลาผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า พวกผู้อาวุโสเดินอย่างกระวนกระวายอยู่ด้านนอก
เยี่ยหวันหวั่นพิงกำแพงเย็นเยียบอย่างเงียบเชียบ
เวลานี้ซือหมิงหลี่หน้าชื่นตาบานไปหมด มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างยิ้มเยาะเต็มที่ “หัวหน้าตระกูลถูกความโง่และการเพิกเฉยของเธอทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้เธอพอใจแล้วหรือยัง”
เฝิงอี้เผิงก็ทำหน้าเหยียดหยาม “น่าเสียดายที่หัวหน้าตระกูลหลงผิด คุณนายใหญ่ก็ใจอ่อน ถ้าตอนนั้นหัวหน้าตระกูลเชื่อคุณหนูรั่วซี จะมีสภาพถึงขั้นนี้เหรอ…ตระกูลช่างโชคร้ายจริงๆ…
ฉันพูดนานแล้วว่าถ้าเอาผู้หญิงอย่างนี้มาเป็นนายหญิงของตระกูลเรา ไม่ช้าก็เร็วจะต้องสร้างปัญหาใหญ่! นี่ไง ยังไม่ทันนั่งตำแหน่งนั้นเลย ก็ทำร้ายตระกูลซือถึงขั้นนี้แล้ว!”
ผู้อาวุโสคนอื่นร้อนใจจนเดินวนไปมา “เฮ้อ แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ! หัวหน้าตระกูลจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ!”
ซือหมิงหลี่แค่นเสียงเย็น “ขนาดนี้แล้วจะไม่เป็นไรได้ยังไง โรคเก่าในตัวหัวหน้าตระกูลกับอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บก็เหมือนระเบิดเวลา อาจระเบิดได้ทุกเมื่อ ถ้าระเบิดก็อันตรายถึงชีวิต ถึงตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว ฉันว่าครั้งนี้หัวหน้าตระกูลมีเคราะห์ร้ายมากกว่าดี…”
ภายใต้การยั่วยุของซือหมิงหลี่กับพรรคพวกของฉินรั่วซี สีหน้าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่มองเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่น่ามองยิ่งขึ้นทุกที “ถ้าหัวหน้าตระกูลเป็นอะไรไป เธออย่าคิดว่าจะรอดไปจากตระกูลซือเด็ดขาด!”
“ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในตระกูลซือยังไม่รู้เลยว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่! ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด!”
“ถูกต้อง!”
…
เยี่ยหวันหวั่นนวดขมับที่บวมปวด ชำเลืองมองคนพวกนี้ด้วยแววตาเย็นยะเยือก “หุบปากน่ะ”
สายตานั้นราวกับจ้องมองคนตาย ทำเอาคนพลันเสียวสันหลัง
พวกผู้อาวุโสเงียบไปหลายวินาทีโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปสักพักก็โกรธแล้วเริ่มตะคอก “ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ เวลาอย่างนี้ยังจะมาอวดดีอยู่อีก!”
“เกินไปแล้วจริงๆ!”
เสียง ‘แกรก’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก ในที่สุดซุนไป๋เฉ่าก็เดินออกมา
“คุณหมอซุน เป็นยังไงบ้าง”
“หัวหน้าตระกูลเป็นยังไงบ้าง มีอันตรายหรือเปล่า”
พวกผู้อาวุโสเข้าไปห้อมล้อมทันควัน เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองซุนไป๋เฉ่า
ซุนไป๋เฉ่ามีสีหน้าจริงจัง “ยังตัดสินสาเหตุอาการป่วยไม่ได้ตอนนี้ ต้องรีบย้ายไปที่โรงพยาบาลแล้ววินิจฉัยอย่างละเอียด ขอให้พวกคุณสงบใจรอดูอาการไปก่อน”
ซือหมิงหลี่เอ่ยเสียงเข้ม “พี่สะใภ้ จะจัดการกับผู้หญิงคนนั้นยังไง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ หัวหน้าตระกูลก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก! ผมมีเหตุผลเต็มที่ที่จะสงสัยว่าเธอคิดร้าย! ถึงขั้นเจตนาจะลอบสังหาร!”
คุณนายใหญ่หรี่ตา สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เอ่ยทั้งตัวสั่นเทาว่า “รออาจิ่วฟื้นก่อนค่อยว่ากัน…”
เวลานี้ทั้งใจคุณนายใหญ่อยู่กับหลานชาย ไหนเลยจะมีใจไปสนเรื่องอื่น
ซือหมิงหลี่ได้ยินดังนั้น ก็จ้องเยี่ยหวันหวั่นอย่างขัดใจ
ฮึ ฟื้นขึ้นมา?
เกรงว่าคงไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วละมั้ง!
ครั้งนี้เขาต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ไม่สู้ตายให้ได้!
แล้วก็ทั้งตระกูลซือ อีกไม่นานใกล้จะเป็นของเขาแล้ว…
ซือเยี่ยหานถูกส่งไปโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลซือในเขตชานเมืองอย่างรวดเร็ว
หลังจากซือเยี่ยหานถูกส่งตัวไป ทั้งโรงพยาบาลก็ถูกบังคับใช้กฎอัยการศึก ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่อาจเข้าไปในห้องผู้ป่วย ได้แต่รออยู่ตรงห้องโถง
เยี่ยหวันหวั่นนั่งเงียบอยู่ในห้องโถงอันว่างโล่ง พริบตาเดียวก็ค่ำแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าเย็นชา พยายามรวบรวมสภาพอาการของซือเยี่ยหานในช่วงนี้อย่างสุดความสามารถ…
…………………………………..