แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 915 ตกใจแทบตาย บทที่ 916 คุณแม่ครับ พบกันครั้งแรก ฝากตัวด้วยนะครับ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 915 ตกใจแทบตาย บทที่ 916 คุณแม่ครับ พบกันครั้งแรก ฝากตัวด้วยนะครับ
บทที่ 915 ตกใจแทบตาย
ซือหมิงหลี่กับซืออี้เชียนไม่มัวคิดอะไรอีก รีบวางสายทันที!
หนี!
ต้องรีบหนีแล้ว!
ไม่อย่างนั้นต้องตายแน่!
จนตอนนี้ ทั้งสองก็ยังไม่เข้าใจ พวกเขาแค่ไปจับตัวเยี่ยหวันหวั่นเท่านั้น ทำไมถึงได้จับตัวนายน้อยใหญ่แห่งตระกูลเนี่ยมาด้วย
นั่นมันนายน้อยใหญ่แห่งตระกูลเนี่ยเชียวนะ! ถูกพวกเขาจับตัวมาได้ยังไงกัน?
คำถามมากมายไร้ซึ่งคำตอบ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีแก่ใจคิดมากอีกแล้ว ยิ่งไม่มีเวลาสนใจเยี่ยหวันหวั่น ต้องรีบออกจากประเทศ ไปขอความช่วยเหลือจากคุณอีริคแล้ว…
ลูกน้องของซือหมิงหลี่หนีกระเจิดกระเจิงออกไปหมดแล้ว ถังหลงเดินเข้าไปในห้องขังด้วยตนเอง
ถังหลงเดินมาหยุดตรงหน้าเด็กชายตัวน้อย ยกแขนข้างหนึ่งพาดตรงหน้าอก ค้อมกายทำความเคารพ “นายน้อยเนี่ย ขออภัยอย่างสูงที่คนของผมรบกวนการพักผ่อนของท่าน หวังหว่าท่านจะอภัยให้กับความเขลาของพวกเขา แล้วพวกเรามังกรคำรามจะไม่มีวันลืมพระคุณเลย”
เป็นถึงนายน้อยตระกูลเนี่ย ทำไมถึงได้ถูกพวกเขาจับตัวได้ง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ?
ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น คือเขามีจุดประสงค์บางอย่าง เลยจงใจถูกจับตัวมาอย่างนี้
ถ้าหากเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ยังมีโอกาสรักษาชีวิตไว้ได้
เขาต้องขอบคุณที่ปกติกองกำลังมังกรคำรามมีกฎเกณฑ์เข้มงวด มักไม่ค่อยทำร้ายผู้หญิงและเด็กเล็ก โชคดีที่ทหารรับจ้างพวกนี้ไม่ได้ทำร้ายผู้สืบทอดตัวน้อย ไม่อย่างนั้น ไม่อยากคิดถึงผลที่จะตามมาเลย…
เด็กชายตัวน้อยมองเยี่ยหวันหวั่นที่ถูกขังอยู่ในห้องตรงข้าม ดวงหน้าน้อยๆ พลันเย็นชาดุจน้ำแข็งพันปี วันนี้เขาปล่อยให้คุณแม่เห็นฉากนองเลือดมากเกินไปแล้ว
เห็นแก่ที่พวกเขาไม่ได้ทำร้ายคุณแม่…
“พวกคุณไปได้”
พอได้ยินประโยคนี้ ถังหลงถอนหายใจ รีบส่งสายตาให้เหล่าสมาชิก พวกทหารรับจ้างที่กำลังตกใจจนไม่กล้าขยับรีบเดินตามถังหลงออกไปทันที
ก่อนจากไป ถังหลงหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด…
นายน้อยแห่งตระกูลเนี่ยไม่เพียงเดินทางมาในประเทศจีนอย่างกะทันหัน แต่ยังปรากฏตัวอยู่ใกล้ตัวผู้หญิงคนนี้อย่างไม่รู้สาเหตุ เป็นประเด็นที่น่าคิด…
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องขังก็เหลือแค่เยี่ยหวันหวั่น ถังปิน และซ่งเฉียง
เยี่ยหวันหวั่นกำลังขบคิดเกี่ยวกับคำว่ารัฐอิสระ และตระกูลเนี่ยที่คนพวกนั้นพูดถึงเมื่อกี้…
เด็กชายตัวน้อยหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องทันที “ไปจัดการ”
เพียงนายน้อยส่งสายตา ชายหนุ่มก็เข้าใจความหมายทันที เขาเดินตรงไปหาถังปินกับซ่งเฉียงที่ถูกมัดติดกับเสาเหล็กด้านหนึ่ง
ถังปินกับซ่งเฉียงไม่รู้จักรัฐอิสระ ย่อมไม่รู้ว่าตระกูลเนี่ยที่คนพวกนี้พูดถึงมีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นขั้วอำนาจไหน ถึงทำให้ยอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนี้เป็นบอดี้การ์ดให้เด็กชายตัวน้อยได้
เมื่อกี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ มีบอดี้การ์ดลงมือแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนอีกคนไม่แม้แต่จะขยับตัวด้วยซ้ำ
“เชี่ย! เชี่ยแล้วไง! ฉิบหายแล้ว! ขนาดถังหลงที่เป็นหัวหน้ากองกำลังมังกรคำรามยังให้เกียรติถึงขนาดนั้น!
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าหนูนี่เป็นใครกันแน่?”
ขณะที่ทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบกัน จู่ๆ ก็เห็นหนึ่งในบอดี้การ์ดเดินมาทางพวกเขา…
ถังปินกับซ่งเฉียงตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “อย่านะ…พี่ชาย…พวกผมไม่ใช่คนเลวนะ…”
“ใช่ๆๆ พวกผมก็ถูกจับมาเหมือนกัน…”
พอเห็นชายหนุ่มที่น่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาดคนนั้นเดินมาทางตัวเอง พวกเขาสองคนก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“เกร๊ง” เสียงโซ่ตรวนกับอาวุธกระทบกันดังขึ้น นึกไม่ถึงชายตัวผอมแค่ตัดโซ่ที่มัดแขนขาพวกเขาเอาไว้เท่านั้น
ถังปินกับซ่งเฉียงตะลึงงัน จากนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก ที่แท้ก็มาช่วยพวกเขา ตะ…ตกใจแทบตายแหนะ…
ทั้งสองตั้งใจจะพูดขอบคุณ แต่คนคนนั้นก็เดินไปทางเยี่ยหวันหวั่นแล้ว…
——————————-
บทที่ 916 คุณแม่ครับ พบกันครั้งแรก ฝากตัวด้วยนะครับ
หลังจากตัดเชื่อบนตัวเยี่ยหวันหวั่น จู่ๆ บอดี้การ์ดสัตว์ประหลาดสองคนนั้นก็คุกเข่าต่อหน้าเยี่ยหวันหวั่น ท่าทางเคารพนอบน้อมอย่างมาก “คุณหนูรอง! พวกผมมาช้า ทำให้คุณหนูตกใจแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง
ถังปินพูดไม่ออก
ซ่งเฉียงก็ไม่ต่างกัน
คะ…คุณหนูรอง?
ถังปินกับซ่งเฉียงเห็นอาวุธน่ากลัวในคราบมนุษย์สองคนนั้นคุกเข่าต่อหน้าเยี่ยหวันหวั่นด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม ก็ตะลึงค้างไปทันที
ให้ตายเถอะ! อะไรกัน!!!
สัตว์ประหลาดสองคนนั้น เป็นลูกน้องของเจ้านายงั้นหรือ?
เชี่ยๆๆ! ถ้าอย่างนั้นพลังที่แท้จริงของเจ้านายจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ?
เมื่อกี้ยังคิดว่าที่ภูเขาที่พักพิงของพวกเขาถล่มลงมาแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีภูเขาตั้งตระหง่านขึ้นมาอีกลูก น่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นมองชายกฉกรรจ์สองคนที่ย่อตัวนั่งลงอยู่ข้างหน้าตัวเอง จากนั้นก็หันไปมองถังปินกับซ่งเฉียงที่เบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า แล้วได้แต่ทำหน้ามึนงง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…
คุณหนูรอง?
หมายถึงเธอน่ะเหรอ?
ตอนนี้เอง พอถังปินกับซ่งเฉียงได้สติ ก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างระริกระรี้ แล้วสลับกันพูดจ้อด้วยความตื่นเต้น
ถังปินมองหน้าเธอด้วยสายตาสุกใสเป็นประกาย “เจ้านายๆ พวกผมนึกว่าเจ้านายจะโดนจับจริงๆ ซะแล้ว! ที่แท้ก็มีแผนแต่แรกแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “เอ่อ ไม่ใช่นะ…” ความจริงคือ เธอโดนจับตัวมาจริงๆ นั่นแหละ!
เยี่ยหวันหวั่นยังพูดไม่ทันจบ ซ่งเฉียงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ผมรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่! เจ้านาย ที่แท้เจ้านายก็ร้ายกาจถึงขนาดนี้! พวกผมรู้จักเจ้านายน้อยเกินไปจริงๆ พวกผมสองคนพี่น้องขอสาบานว่าจะติดตามเจ้านายไปจนตาย!”
เยี่ยหวันหวั่น “คือฉัน…” ฉันว่าสองคนนี้จำคนผิดมากกว่านะ…
ถังปินพูดเสริมรัวๆ เขาตื้นตันจนน้ำตาแทบไหล “เจ้านาย เทพธิดาบนสวรรค์ชั้นเก้าอย่างเจ้านาย กลับเล็งเห็นความสำคัญของพวกผม และรับพวกผมไว้เป็นลูกน้อง ช่างเป็นบุญของพวกผมจริงๆ!”
ซ่งเฉียงพูดว่า “เจ้านาย ครั้งนี้ที่เจ้านายไม่ลงมือ จะต้องเป็นเพราะต้องการฝึกฝนพวกผมแน่ๆ เลยใช่ไหม? ต่อไปพวกผมจะพยายามให้มากขึ้น เจ้านายอย่าทิ้งพวกผมไปนะครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงพูดไม่ออก
พวกนายช่วยใจเย็นหน่อยได้ไหม ฟังฉันพูดให้จบก่อน?
อีกอย่าง ช่วยอย่าเพิ่งจินตนาการไปไกลจะได้ไหม
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองบอดี้การ์ดสองคนนั้น เธอยังคงสับสน เพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักพวกเขาแน่นอน
สองคนนี้มันอะไรกัน?
แล้วไหนจะเรียกเธอว่า…คุณหนูรองอีก?
ในตระกูลเยี่ย เธอถือว่าอยู่ในลำดับที่สองก็จริง เหนือเธอยังมีพี่ชายคนหนึ่ง แต่พอถูกสองคนนี้เรียกว่าคุณหนูรองด้วยท่าทางมีมารยาทอย่างนั้น อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน!
ถังปินเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกไปเองหรือเปล่า ขณะที่พวกเขาสองคนกำลังห้อมล้อมเจ้านายอยู่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกบรรยากาศรอบตัวกดดันแปลกๆ
ถังปินหันไปมองเด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งโดยสัญชาตญาณ “ใช่แล้วๆ เจ้านายครับ เจ้านายเป็นอะไรกับเจ้าหนูนี่เหรอครับ”
เวลานี้ สมองของเยี่ยหวันหวั่นสับสนยุ่งเหยิง เธอกำลังงุ่นง่านใจ จึงตอบส่งๆ ไปว่า “นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครเล่า? ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเป็นอะไรกัน?”
เธอไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ!
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นนวดหัวคิ้วอย่างปวดหัว และพูดประโยคนี้ เด็กชายตัวน้อยที่เหมือนหยกหิมะสลักก็สาวเท้าเดินมาหาเธอทีละก้าว ทีละก้าว
เยี่ยหวันหวั่นเห็นอย่างนั้น ก็กระแอมเบาๆ “เอ่อ หนูน้อย สวัสดี ขอถามหน่อย ตกลงว่าหนูเป็น…”
เด็กชายตัวน้อยแหงนหน้าขึ้น จ้องหน้าเธอด้วยสายตากระจ่างใส แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมว่า “สวัสดีครับ ผมแซ่เนี่ย ชื่อถังเซียว ปีนี้อายุห้าขวบ หากพูดตามหลักชีววิทยา…”
เนี่ยถังเซียวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อว่า “ผมกับคุณ เป็นแม่ลูกกัน”
พูดจบ เด็กน้อยก็ยื่นมือเล็กๆ ออกมาข้างหน้า “คุณแม่ครับ พบกันครั้งแรก ฝากตัวด้วยนะครับ”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งกิมกี่
……………………….